เมืองไทย 360 องศา
ต้องบอกว่าสำหรับ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่มีท่าทีจะ"ไปต่อ"กำลังโดนกระหน่ำมาจากรอบทิศทาง แบบไม่มีเปิดโอกาสให้โงหัวขึ้นมาได้ง่ายๆ และเชื่อว่านับวันเสียงโจมตี การเคลื่อนไหวต่อต้านที่ต้องมีทั้งบนดิน"ใต้ดิน"ก็มีมาครบรสเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในแบบที่ไม่ชอบมาพากล หรือแบบ"อื้อฉาว"เหมือนกรณี"คลิปฉาว" ก็ต้องมีความพยายามชี้มาทางนี้ก่อน เอาเป็นว่าโดนทุกดอก ทั้งขึ้นทั้งล่อง
นี่ขนาดยังไม่ได้เปิดฟรีกันเต็มที่ เพราะยังไม่ได้ประกาศวันเลือกตั้ง ยังไม่มีกฎหมายประกาศออกมาถือว่ายังไม่ได้เริ่มสตาร์ท แต่ก็เอากันเต็มเหนี่ยวแล้ว อาจเป็นเพราะเวลานี้เป็นยุคของ"โลกโซเชียลฯ การสื่อสารการแสดงความเห็นเป็นไปอย่างรวดเร็ว บางเรื่องหาก"พลาด"ขึ้นมามันก็ไปแบบไฟลามทุ่งฉุดกันไม่อยู่ ขึ้นอยู่กับว่าใครหรือฝ่ายไหนจะมีแง่มุมที่สร้างความสนใจได้มากกว่ากัน
แน่นอนว่าโลกโซเชียลฯย่อมมีทั้งคุณและโทษ แล้วแต่ว่าจะเลือกหรือรับมาแบบไหน หากเปรียบเทียบในแบบการเมืองเวลานี้บางครั้งการมีอำนาจอยู่ในมือก็ใช่ว่าจะได้เปรียบเสมอไป ตรงกันข้ามนี่อาจเป็นจุดอ่อน เพราะบางครั้งก็ทำให้"ขยับได้ลำบาก"เหมือนกัน เพราะถึงมีอำนาจ แต่ก็ต้องมีกฎหมายรองรับด้วย
เหมือนกับ"บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังโดนถล่ม โดนรุมต้อนเข้ามุมอย่างที่เห็น เพราะเวลานี้แทบทุกพรรค ทุกขนาดตั้งแต่ใหญ่ยันขนาดเล็กไม่มีราคาต่างก็จ้องถล่มเขากันทั้งนั้น จนบางครั้งเหมือนกับว่าใครอยากทำให้เป็นที่จดจำ ได้รับความสนใจก็ต้อง"ด่าแรงๆ"เข้าไว้ เป็นการลงทุนน้อย แต่คิดว่าได้ผลคุ้มค่า เหมือนกับที่นักการเมืองหลายพรรคกำลังทำอยู่ในเวลานี้
ขณะเดียวกันไม่ใช่เฉพาะตัว "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น พรรคพลังประชารัฐที่รับรู้กันว่าสนับสนุนเขาให้กลับมาเป็นนายกฯอีกรอบก็โดนถล่มกันทุกเม็ดแบบรายวัน เล่นกันทุกดอก จนน่ากังวลเหมือนกันว่ากว่าจะถึงวันเลือกตั้งจะ"สะดุดขา"ตัวเองล้มลงจน"จบเห่"ไปก่อนหรือไม่ เพราะเมื่อพิจารณาจากตัวบุคคลหลายคนต้องยอมรับว่า"น่าเป็นห่วง"เป็นจุดอ่อนให้เจาะโจมตีเข้ามาได้ง่าย แม้ว่าหลายคนจะเป็นแบบ"ดาวฤกษ์"มีพลังน่าสนใจ แต่ก็นั่นแหละด้วยแบ็กกราวด์ที่เป็น"สีเทา"ค่อนไปเกือบดำ เมื่อเจอกระทุ้งเข้าไปมากๆมันก็ยวบได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ดีทั้ง"บิ๊กตู่" และพรรคพลังประชารัฐ รวมไปถึง 4 รัฐมนตรีที่เป็นแกนหลักของพรรค ไล่เรียงกันไปตั้งแต่ นายอุตตม สาวนายน ในฐานะหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูลโฆษกพรรค พวกเขาถูกถามจี้ให้ลาออกรายวัน แม้ว่าในวันนี้เรื่องดังกล่าวเริ่มซาลงไปบ้าง แต่ก็หันไปถล่มเรื่องใหม่เปลี่ยนแปลงไปได้รายวัน
แต่หากพิจารณากันในมุมตรงกันข้าม การตกเป็นเป้าโจมตีแบบนี้ หากมองอีกแบบมันก็เหมือนกับว่ามี"จุดเด่น"เป็นต่อหรือเหนือกว่าคนอื่นอยู่หรือไม่ เหมือนกับเรื่องโครงการ"บัตรสวัสดิการ"ผู้มีรายได้น้อย หรือ"บัตรคนจน"ที่กำลังโดนถล่มในหลายประเด็น หากไม่นับเอาเรื่องที่กล่าวหากันเรื่องบังคับสมาชิกพรรคและกับมีบัตรคนจน อีกด้านหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นว่ามัน"โดน"ชาวบ้าน
สะท้อนให้เห็นว่าทั้งตัว "บิ๊กตู่"และพรรคพลังประชารัฐกำลังได้รับความสนใจ หรือเป็นต่อฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เชื่อกันว่าต้องการ"ไปต่อ" และได้รับการเสนอชื่อในบัญชีนายกฯของพรรคแน่นอน แบบนี้แหละถึงได้พยายามเตะตัดขา เล่นกันทุกจังหวะแบบไม่ให้ตั้งตัว กะเอากันให้พังกันไปเลย เพราะเวลานี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหนมันยังมองไม่เห็นคู่ชิงที่สมราคา ไม่ว่าจะมาจากพรรคขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ดังนั้นที่ทำได้ก็คือต้องหาทางสกัดเอาไว้ก่อน เรื่องมันมีอยู่แค่นั้น !!