“ไทยศรีวิไลย์” บุกนครศรีธรรมราช-พัทลุง-สงขลา เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.เชื่อมั่นนำเสาไฟฟ้าลงใต้ดินหมด กร้าวสามารถแก้ปัญหาราคา ยาง ปาร์ม มะพร้าว ได้อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่สมคบกันโกง ปชช.

“พรรคไทยศรีวิไลย์” นำโดย นายมงคลกิตติ์  สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ภาคใต้เริ่มที่จังหวัดนครศรีธรรมราช-พัทลุง-สงขลา หลัง คสช. ปลดล็อกพรรคการเมือง

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า โดยในการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชในครั้งนี้ ได้พา นายธกร สุวรรณไชย (แบ้งค์) ว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 1 ลงพื้นที่เทศบาลเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราชและพบปะพี่น้องประชาชนในงานแสดงสินค้าโอทอป รวมทั้งบังเอิญไปเข้าห้องน้ำที่สถานีรถไฟชะอวด ปรากฏว่า มีการเก็บค่าเข้าห้องน้ำถึง 5 บาท ซึ่งทีมงานรู้สึกว่าแพงเกินไป จึงเข้าไปสอบถาม นายสถานีรถไฟชะอวด ว่า สถานที่ราชการเก็บค่าเข้าห้องน้ำด้วยหรือ รวมทั้งสอบถามเรื่องที่มาที่ไปของการเก็บค่าเข้าห้องน้ำของประชาชน ว่า มีการประกวดราคาจ้างเหมาจัดเก็บค่าใช้บริการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สุดท้ายนายสถานีรถไฟชะอวด ก็รับไปดำเนินการตรวจสอบพร้อมแก้ไข ช่วงที่ตรวจสอบก็จะให้ประชาชนที่ใช้บริการห้องน้ำใช้ฟรีไปก่อน อีกทั้งมีประชาชนในอำเภอชะอวดมาร้องเรียนเกี่ยวกับค่าชดเชยน้ำท่วมปลายปี 2559 ว่า มีประชาชนในอำเภอชะอวดที่ประสบอุทกภัย ไม่ได้รับค่าชดเชยจากน้ำท่วมตามมติ ครม. เมื่อปี 2559 จึงร้องเรียนผ่านทางพรรคไทยศรีวิไลย์ให้ช่วยติดตาม

ในช่วงบ่าย พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เดินทางเข้าพื้นที่ จังหวัดพัทลุง พา นางสาวดุษฏี จงรัตน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดพัทลุง เขต 1 และ นายสุด มากหนู  แกนนำชาวสวนยาง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดพัทลุง เขต 2 ลงพื้นที่ ส่วนจังหวัดสงขลา นางสาว ณมน คงแก้ว ว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสงขลา เขต 2 และ นายมุดดิน ดอเลาะ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสงขลา เขต 8 ไดเเข้าพบปะพี่น้องชาวตลาดริมทางรถไฟ-ตลาดกิมหยง อำเภอหาดใหญ่

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า หลักจากลงพื้นที่ภาคใต้กว่า 3 วันเต็ม พบว่า พี่น้องชาวใต้เปลี่ยนไปมาก อยากเปลี่ยนของใหม่ที่มีแนวทางนโยบายที่ชัดเจน โดยเฉพาะแนวทางปราบโกง มีชาวบ้านหลายคนแจ้งมาว่า หลายพรรคเริ่มใช้เงินจำนวนมากซื้อเสียงล่วงหน้า แต่ชาวบ้านบอกว่าจะรับเงินแต่จะไม่กาให้พวกโกงชาติ

“ส่วนประเด็นที่ตนได้อธิบายแนวทางวิธีแก้ปัญหา ราคายาง ราคาปาล์ม ราคามะพร้าว ว่า พรรคมีแนวทางชัดเจน เช่น ประเทศไทยต้องมีการเจรจาระหว่างประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม เพื่อกำหนดราคาตลาดยางโลก คล้ายกับโอเปกที่กำหนดราคาน้ำมันโลก เพราะแค่ 4 ประเทศ ก็มีจำนวนยางกว่า 90% ของผู้ผลิตยางโลก ซึ่งถ้าจะให้ดียางภายในประเทศต้องออกกฎหมายกำหนดราคารับซื้อยางจากเกษตรกรในราคาที่ชาวสวนยางอยู่ได้มีกำไร มีกำลังใจ เพราะต้องอย่าลืมว่า ยางรถยนต์ประเทศไทยใช้จำนวนมากราคาสูงไม่ถูก อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอีกหลายอย่างซึ่งขายแพง ส่วนเรื่อง ปาล์ม และ มะพร้าว ก็เช่นเดียวกันแก้ปัญหาไม่ยาก ถ้า พ่อค้าคนกลาง ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง รัฐบาล รัฐมนตรี ไม่สมคบกันโกง แก้ได้แน่นอน” นายมงคลกิตติ์  กล่าว