“ธีระชัย” เปิดหลักฐานยันท่อก๊าซในทะเลเป็นสาธารณสมบัติ

อดีต รมว.คลัง เผย ประกาศกระทรวงกลาโหม-อุตสาหกรรม ปี 2522 กำหนดเขตวางท่อขนส่งปิโตรเลียมในทะเล ระบุชัด ใช้อำนาจตามมมาตรา 30 พ.ร.บ. การปิโตรเลียมฯ ให้รัฐมนตรีลงนาม ชัดเจนว่าท่อส่งก๊าซในทะเลสร้างขึ้นด้วยอำนาจมหาชนของรัฐ เข้าข่ายเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามที่ศาลปกครองสูงสุดเคยพิพากษาไว้ในปี 2550

วันนี้ (2 ธ.ค.) นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล หัวข้อ “ท่อก๊าซในทะเล ใช้อำนาจมหาชนของรัฐ หรือไม่?” มีใจความสรุปได้ว่า กรณีที่มีการถกเถียงว่าท่อก๊าซในทะเลไม่สามารถตีความเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินได้ เพราะอยู่นอกเขต 12 ไมล์ทะเลบ้าง หรืออยู่ในทะเลสากลบ้าง แต่ตนเห็นว่าการวางท่อจะไกลจากฝั่งแค่ไหน ตราบใดที่มีการพาดเขตท่อมาขึ้นบกที่ราชอาณาจักรไทยก็น่าจะเข้าข่ายต้องมีการใช้อำนาจมหาชนของรัฐ หรือพูดแบบชาวบ้าน ถ้าการวางท่อนั้นต้องใช้อำนาจมหาชนของรัฐ ใครจะทำก็ต้องได้รับฉันทามติจากรัฐ

นายธีระชัย ระบุอีกว่า ตนได้เจอเอกสารสำคัญฉบับหนึ่ง คือ"ประกาศกระทรวงกลาโหม และ กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดเขตระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อในท้องที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางพลี อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอเมืองชลบุรี อำเภอบ้านบึง อำเภอศรีราชา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี อำเภอปลวดแดง อำเภอบ้านค่าย อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง และในทะเลระหว่างละติจูด ๙ องศา ๐ ลิปดา ๓๐ ฟิลิปดา เหนือ ถึงละติจูด ๑๒ องศา ๔๑ ลิปดา ๐ ฟิลิปดา เหนือ ลองกิจูด ๑๐๑ องศา ๑๙ ลิปดา ๓๐ ฟิลิปดา ตะวันออก ถึงลองกิจูด ๑๐๑ องศา ๕๔ ลิปดา ๓๐ ฟิลิปดา ตะวันออก" ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๖ ตอน ที่ ๑๗๒ ง ฉบับพิเศษ ลงวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ (ดูรูปด้านล่าง)

ประกาศนี้ลงวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๒๒ ลงนามโดยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายประสิทธิ์ ณรงค์เดช ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีผู้ออกประกาศอาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๐ แห่ง พ.ร.บ.การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๒๑ ทั้งนี้ มาตรา ๓๐ ให้ ปตท. มีอํานาจกําหนดเขตระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อตามความจําเป็นโดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี โดยให้รัฐมนตรีประกาศเขตระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ และเครื่องหมายแสดงเขตในราชกิจจานุเบกษา และให้ ปตท.ปิดประกาศเขตระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อไว้ ณ ที่ทําการเขตหรืออําเภอแห่งท้องที่นั้น กับให้จัดทําเครื่องหมายแสดงไว้ในบริเวณดังกล่าวตามระเบียบที่ รัฐมนตรีประกาศกําหนด

จึงเป็นที่ชัดเจนว่า ท่อในทะเลสร้างขึ้นด้วยมหาอำนาจของปวงชนชาวไทย ด้วยเหตุนี้ ตนจึงมีความเห็นว่าย่อมจะเข้าข่ายเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามที่ศาลปกครองสูงสุดเคยพิพากษาไว้ในปี ๒๕๕๐ และเป็นที่ชัดเจนว่า การเสนอเรื่องต่อ ครม. เพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาปี ๒๕๕๐ นั้น เสนอแต่ท่อบนบก แต่ไม่รวมท่อในทะเล

นอกจากนี้ ยังมีประกาศอีกอย่างน้อย ๒ ฉบับเกี่ยวกับท่อในทะเล และยังครอบคลุมถึงการที่ ปตท. กำหนดเขตท่อบนบกผ่านที่สาธารณะหรือเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่เป็นการตอกย้ำว่า การวางท่อดังกล่าวเป็นการใช้อภิสิทธิ์เหนือประชาชนทั่วไป จึงเข้าข่ายเป็นสาธารณสมบัติด้วย คือ "ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดเขตระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อในทะเล ระหว่าง ละติจูด ๐๙ องศา ๔๑ ลิปดา ๐๐ ฟิลิปดา เหนือ ถึงละติจูด ๐๙ องศา ๔๔ ลิปดา ๐๐ ฟิลิปดา เหนือ ลองกิจูด ๑๐๑ องศา ๐๐ ลิปดา ๓๐ ฟิลิปดา ตะวันออก ถึงลองกิจูด ๑๐๑ องศา ๒๔ ลิปดา ๓๐ ฟิลิปดา ตะวันออก" ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๑ ตอนที่ ๙ ลงวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๒๗ และ “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดเขตระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อในทะเลและบนบกในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดชุมพร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา” ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๑ ตอนที่ ๗๓ ง ลงวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๓๗

อ่านรายละเอียดในเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล