xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กฉัตร” ถกวางแผนบริหารน้ำรองรับ 4 กิจกรรมหลัก คาดปีหน้าไร้เขตภัยแล้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ฉัตรชัย” ประชุมวางแผนบริหารน้ำ รองรับ 4 กิจกรรมหลัก อุปโภค-ระบบนิเวศ-เกษตร-อุตสาหกรรม คลุมยาวถึง มิ.ย. 62 คาดปีหน้าไม่มีพื้นที่ประกาศเขตภัยแล้งต่อเนื่อง

วันนี้ (19 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 5/2561 โดยกล่าวว่า ตนสั่งการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ตรวจสอบ และวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ เนื่องจากมองว่าในอนาคตเรื่องปัญหาของการจัดการน้ำมีมากขึ้นจึงต้องมีการเตรียมการ โดยที่ประชุมได้เห็นชอบแผนการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2561/2562 ซึ่งได้วางแผนการจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน ตามลำดับความสำคัญของกิจกรรมการใช้น้ำ โดยขณะนี้เดือน พ.ย.มีปริมาณน้ำใช้การได้ทั้งในเขตและนอกเขตชลประทานทั่วประเทศ 43,905 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ถ้าเทียบกับปี 2560 น้อยกว่าประมาณ 8,000 ล้าน ลบ.ม. และถ้าแยกออกไปในเขตชลประทาน พบว่ามีน้ำที่ใช้การได้ 47,400 ล้าน ลบ.ม.น้อยกว่าปี 2560 ประมาณ 2,900 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่นอกเขตชลประทาน เรามีน้ำใช้ 6,470 ล้าน ลบ.ม. และที่น่าห่วงใย คือน้อยกว่าปี 2560 ถึง5,100ล้าน ลบ.ม.จึงต้องมีแผนจัดการ

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า เบื้องต้นวางแผนการใช้น้ำตั้งเดือน พ.ย. 2561 คลุมยาวไปถึงเดือนมิ.ย. 2562 โดยแยกออกเป็นระหว่างเดือน พ.ย.-เม.ย. จะใช้น้ำใน 4 กิจกรรม คือ 1. น้ำอุปโภคบริโภค 2. น้ำรักษาระบบนิเวศ 3. น้ำเพื่อการเกษตร และ 4. น้ำเพื่อการอุตสาหกรรม โดยในกลุ่มนี้จะใช้น้ำประมาณ 3 หมื่นล้านลบ.ม. ขณะกลุ่มที่สอง จะมีการสำรองน้ำระหว่างเดือน พ.ค.-มิ.ย. หากฝนตกช้าก็จะมีน้ำใช้สำหรับอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ นอกจากนั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ โดยน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคนั้นในพื้นที่การให้บริการของการประปานครหลวง (กปน.) จะมีน้ำเพียงพอกับความต้องการตลอดปี 2562

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ส่วนในพื้นที่การให้บริการของการประปาส่วนภูมิภาค ได้ประเมินพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค จากจำนวนทั้งหมด 234 สาขา พบว่า มีพื้นที่สาขาของการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน 9 แห่ง มีผู้ใช้น้ำ 51,120 ราย ที่ต้องเฝ้าระวังขาดแคลนน้ำ ได้แก่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด อ.พยัคภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม อ.เมืองฯ จ.หนองบัวลำภู อ.เมืองฯ จ.บุรีรัมย์ อ.แม่ขะจาน จ.เชียงราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ได้สั่งการให้ กปภ.จัดการแหล่งน้ำสำรองเพื่อนำน้ำมาผลิตประปาให้เพียงพอต่อความต้องการแล้ว ส่วนพื้นที่นอกเขตพื้นที่ให้บริการของ กปภ.นั้น มีพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ทั้งหมด 20 จังหวัด อาทิ เชียงใหม่ สุโขทัย เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม ขอนแก่น เลย ซึ่งได้สั่งการให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการเร่งขุดเจาะน้ำบาดาลให้ได้ตามแผนงานที่วางไว้

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ในส่วนของน้ำเพื่ออุตสาหกรรม จากการประเมินพบว่า มีความต้องการใช้น้ำตั้งแต่เดือน พ.ย. 61 - เม.ย. 62 ทั้งในและนอกเขตนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 1,077 ล้าน ลบ.ม. ที่จะประชุมได้เห็นชอบให้จัดสรรจากแหล่งน้ำที่มีอยู่บนดินจำนวน 911 ล้านลบ.ม. และจัดสรรจากน้ำบาดาลอีก 166 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมไม่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง

“อย่างไรก็ตาม ฤดูแล้งปี 2561/62 คาดการณ์ว่าจะเป็นปีที่ 2 ที่จะไม่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง เช่นเดียวกับปี 2560/61 ที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมาประเทศไทยมีหมู่บ้านประกาศภัยแล้งลดลงอย่างต่อเนื่อง สามารถลดงบประมาณในการช่วยเหลือเยียวยาได้มาก อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย เตรียมความพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ และรถยนต์บรรทุกน้ำ ให้สามารถนำไปช่วยเหลือได้ทันทีหากมีการร้องขอ พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดในทุกพื้นที่” รองนายกฯ ระบุ




กำลังโหลดความคิดเห็น