ปธ.กกต.ย้ำยังไม่มีชนวนให้เลื่อนเลือกตั้ง คาด 1-2 วันประกาศเขตเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษา ยันพิจารณาจบแล้วเพียงแค่ทบทวนให้ถูกต้องเท่านั้น ระบุไม่ปิดทางอียูขอสังเกตการณ์แต่ต้องเป็นตามบรรทัดฐานเดิม
วันนี้ (14 พ.ย.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า ขณะนี้ กกต.มีมติคัดเลือกรูปแบบการแบ่งเขตของแต่ละจังหวัดเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้อง เนื่องจากครั้งนี้จำนวนเขตเลือกตั้งลดลงจาก 375 เขต เหลือ 350 เขต จึงต้องตรวจสอบว่ารูปแบบที่จะนำไปประกาศราชกิจจานุเบกษานั้นตรงกับที่เรามีมติเลือกจริงซึ่งกำลังพิจารณาว่าจะต้องนำเข้าที่ประชุม กกต.อีกครั้งหรือไม่ ถ้าไม่มีปัญหาก็ไม่ต้อง คงเสร็จและประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ใน 1-2 วันนี้ ประกอบกับตนต้องผ่าตัดดวงตาจึงอาจทำให้ล่าช้าไปบ้างแต่ยังอยู่ในกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ตามคำสั่ง คสช.ที่ 13/2561 ระบุไว้ว่าการแบ่งเขตต้องเรียบร้อยก่อนที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ แน่นอนว่าต้องเรียบร้อยก่อนวันที่ 11 ธ.ค.
“การแบ่งเขตได้ดูในทุกจังหวัดแล้ว ก่อนลงประกาศในราชกิจจาฯ เราต้องมั่นใจว่าสิ่งที่เราจะลงไปตรงกับรูปแบบที่เราจะส่งไปประกาศ ไม่อยากให้เกิดความคลาดเคลื่อนในภายหลัง เพราะมีการลดเขตเลือกตั้งจาก 375 เขต เหลือ 350 เขต ดังนั้น เขตเลือกตั้งไม่เท่าเดิม และไม่เหมือนเดิมไปเสียทุกจังหวัด แต่แต่ละจังหวัดลงตัวหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ได้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนใน 3 รูปแบบ โดยให้จังหวัดสรุปและเลือกรูปแบบที่ดีที่สุดเสนอมา จะ 3 รูปแบบหรือมากกว่านั้นก็ได้ จึงมีรูปแบบให้เราดูเยอะ เมื่อดูเยอะและตัดสินใจก็ต้องดูว่าเป็นรูปแบบที่จะลงไปพิมพ์”
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะเป็นชนวนทำให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป นายอิทธิพรกล่าวว่า ยังไม่มีชนวนที่จะทำให้เลื่อน การเลือกตั้งยังป็นวันที่ 24 ก.พ. 2562 ยังไม่คิดว่าจะมีการเลื่อนหรือไม่เลื่อน ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย หลังจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลใช้บังคับวันที่ 11 ธ.ค. ขั้นตอนต่อไปจะมีการออก พ.ร.ฎ.การเลือกตั้ง หลังจากนั้นจะมีการหารือกันระหว่างแม่น้ำทั้ง 5 สาย เมื่อคุยกันเรียบร้อยแล้ว กกต.จะนำความเห็นมาประมวลว่าจะจัดการเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ. 62 หรือวันอื่นใด แต่ตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยอื่นที่จะทำให้มีการเลือกตั้งในวันอื่น
เมื่อถามว่า กกต.อยู่บนสมมติฐานการเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ. 62 แต่ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะเกิดขึ้นจากการพูดคุยกับแม่น้ำ 5 สายใช่หรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า จะตอบเช่นนั้นก็ได้ ถ้ามีปัจจัยอื่น เช่น เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่องการสอบแกต-แพต ที่ตรงกับวันที่ 24 ก.พ. 62 เรื่องนี้ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้ กกต.ต้องนำมาประกอบการพิจารณา การสอบแกต-แพตก็จบประเด็นไปแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยอื่นที่ทำให้ กกต.จะต้องเลื่อนการเลือกตั้ง
นายอิทธิพรกล่าวว่า กกต.มีการเตรียมการเลือกตั้งมาโดยตลอด และมีการเตรียมการมาตั้งแต่ กกต.ชุดเก่า และสำนักงานก็มีการเตรียมการอย่างมืออาชีพมา เมื่อ กกต.ชุดใหม่เข้ามาก็มีส่วนในการเตรียมการด้วย เป็นการเตรียมความพร้อมตามปฏิทินงานของเราในทุกระดับ อาจมีความล่าช้าในบางจุดก็เป็นเหตุทางเทคนิค ไม่ใช่อุปสรรคปัญหา
นายอิทธิพรกล่าวถึงการพิจารณาให้อียูเข้ามาสังเกตุการเลือกตั้ง ว่าเขายังไม่ได้ถึงขั้นขอสังเกตการณ์เพียงแต่มาพูดคุยว่าพร้อมที่จะส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามา แนวทางการปฏิบัติของ กกต.ที่ผ่านมาเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายสามารถส่งคณะผู้แทนมาสังเกตการณ์เลือกตั้งของเราได้อย่างเต็มที่ โดย กกต.มีโครงการ Visitor Program ทั้งเอ็นจีโอ ผู้แทนรัฐบาล หรือองค์การระหว่างประเทศ อียูก็เคยส่งเข้ามา 2 ครั้งภายใต้โครงการนี้
ส่วนเรื่องจำนวนผู้สังเกตการณ์ เรายังไม่ได้พิจารณา โดยปกติควรมีจำนวนที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป และอาจใช้บรรทัดฐานจากแนวปฏิบัติที่ผ่านมา ตั้งแต่ ค.ศ. 2003 ที่เรามีโครงการ Visitor Program ที่เปิดให้เข้ามาสังเกตการณ์ อะไรที่เกินจากแนวปฏิบัติก็นำมาพิจารณาว่าสมควรอนุญาตหรือไม่อนุญาต และไม่คิดว่าการที่ฝ่ายบริหารให้สัมภาษณ์ในลักษณะไม่อยากให้มีผู้สังเกตการณ์จากต่างประเทศเข้ามาจะกลายเป็นแรงกดดันมายัง กกต.คิดว่าภาคส่วนอื่นเคารพการทำงานของ กกต. การขอฟังความเห็นก็เพื่อประโยชน์ของการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด ไม่ใช่ขอฟังแล้วมีแรงกดดัน
เรื่องนี้ กกต.สามารถตัดสินใจได้เอง ไม่ใช่เรื่องที่จะขออนุญาต คสช. แต่ กกต.ยังไม่ได้พิจารณา โดยขอให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องกับนำเรื่องนี้เสนอเข้าสู่กาพิจารณาของ กกต.ในเร็ววัน ส่วนความเห็นของภาคส่วนอื่น ไม่ว่ารัฐบาล หรือ คสช. เราสามารถฟังความเห็นเขาได้เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจ ไม่สามารถมาชี้นำความเห็นของ กกต.ได้ เพราะอำนาจตัดสินใจเป็นเรื่องของ กกต.
นายอิทธิพรเปิดเผยด้วยว่า วันที่ 15 พ.ย. กกต.จะจัดงานเลี้ยงรับรองคณะทูตต่างประเทศ เพื่อแนะนำตัวของ กกต.ชุดใหม่และพูดถึงความคืบหน้าต่างๆ การปฏิสัมพันธ์กับประชาคมทางการทูต คงจะมีเป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ โดยตั้งใจจะให้มีการบรรยายสรุปให้คณะทูตรับฟังด้วย ส่วนการยอมรับการจัดการเลือกตั้งของไทย ก็ขึ้นอยู่กับการทำหน้าที่ของเราที่จะต้องทำให้สุจริตเที่ยงธรรม การให้ข่าวและให้ความคืบหน้ากับทูตก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน และควรเปิดโอกาสให้เขาได้ซักถาม การติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยสร้างความเชื่อใจกันในระดับหนึ่ง