xs
xsm
sm
md
lg

กทม.ทำพิลึก คลอดร่างทีโออาร์ “เตาเผาขยะ”หนองแขม-อ่อนนุช รับฟังคำวิจารณ์แค่ 4 วัน **“ครม.ลุงป้อม”คลายล็อก “กัญชา-กระท่อม”แค่ “ทางการแพทย์”ยังไม่ “เปิดเสรี” **“อนาคตใหม่”ไม่ปังอย่างที่คิด “เกรียนคีย์บอร์ด” ไม่ช่วยอะไร

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



**โปรเจกต์ขยะๆ (อีกแล้ว) !! กทม.ทำพิลึก คลอดร่างทีโออาร์ “เตาเผาขยะ”หนองแขม-อ่อนนุช รับฟังคำวิจารณ์แค่ 4 วัน ทั้งที่โปรเจกต์เป็นหมื่นล้าน แถม “ราคากลาง”ค่ากำจัดขยะ ตันละ 900 บาท ก็แพงกว่าที่อื่นทำตั้ง 3 เท่าตัว อ้างราคาเดิมสมัย“หม่อมหมู”ที่จ้างเอกชน 970 บาทต่อตัน เหมือนไม่รู้ว่าตอนนี้ที่ “ขอนแก่น”เขาจ้างเอกชนแค่ 250 บาทต่อตัน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ยังเหม็นโฉ่ต่อเนื่อง .. “โปรเจกต์ขยะๆ”ในยุค “รัฐาล คสช.”หลังสร้างความเดือดร้อนไปทั่วประเทศ จนเจอแรงต้านแทบทุกจังหวัด .. ทำท่าจะเข็นไม่ขึ้น จนเจ้าภาพอย่าง กระทรวงมหาดไทย ของ“บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แทบจะเอาเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผาก .. ล่าสุด วกกลับมาหลอกหลอน “ส่วนกลาง”บิ๊กโปรเจกต์ของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) กันบ้าง .. กับโครงการจ้างเหมาเอกชนกำจัดมูลฝอยด้วยเตาเผา ศูนย์ฯอ่อนนุช-หนองแขม ที่เดิมตั้งไว้ถึง 6 โครงการ แต่โดน “สภา กทม.”ตีร่วงเหลือแค่ 2 โครงการ .. เป็น 2 โครงการที่ผ่านความเห็นชอบจาก “มท.ป๊อก”มาตั้งแต่เดือนก.พ.ต้นปีนู่น ก่อนร่อนกลับมาให้ กทม. ของ “บิ๊กวิน”พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ทำ “ร่างทีโออาร์”..ร่างกันเสร็จนานแล้วหรือยังไม่ทราบ แต่เพิ่งโยนเข้าเว็บ gprocurement ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อฟัง “คำวิจารณ์”ตามที่กฎหมายกำหนด .. แยกเป็น 2 โครงการ หนึ่งที่ “หนองแขม”อีกหนึ่งที่ “อ่อนนุช”มูลค่าเท่ากับเป๊ะ 6,570 ล้านบาท สิริรวม 13,140 ล้านบาท .. เป็นรูปแบบให้เอกชนลงทุนก่อสร้างโครงสร้าง บริหารจัดการ ส่วน กทม.เป็นผู้จ้างการเผากำจัดขยะ ..
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง  และ  ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
แต่ยังไม่ทันไรก็ “กลิ่นโชย”ซะแล้ว ก็มีอย่างที่ไหน โครงการเป็นหมื่นล้าน กลับเปิดให้วิจารณ์กันแค่ 4 วันถ้วน แค่พอ “เป็นพิธี”ตามขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดเป๊ะๆ .. มาตรฐานเดียวกับที่โครงการรัฐมักทำกันอยู่ ทว่าหลายโครงการเป็น “รูทีน”มูลค่าไม่เท่าไร หลักแสน หลักล้าน ไม่ใช่โครงการใหญ่หลายพันล้านเช่นนี้ .. ไม่เท่านั้นล้วงลึกไปที่ “ราคากลาง”เหมือนจะดูดี เดิมได้รับอนุมัติงบฯ ที่ 14,660 ล้านบาท สำหรับค่าจ้างกำจัดขยะ 20 ปี ก็ลดลงมาได้ที่ 13,140 ล้านบาท ประหยัดไปตั้งพันกว่าล้านบาท .. ที่ไหนได้ พอเอามาแจกแจงแล้วมี “สะอึก”เท่ากับว่า กทม.ต้องจ่ายค่ากำจัดขยะที่กำหนดว่า ไม่น้อยกว่า 1,000 ตันต่อวัน ราคาตันละ 900 บาท หรือ 900,000 บาทต่อวัน คูณด้วยระยะเวลา 20 ปี หรือ 7,300 วัน ตีออกมาเป็นราคากลาง แห่งละ 6,570 ล้านบาท.. ถูกกว่าราคาอ้างอิงจากสัญญาที่ กทม.ทำไว้กับโรงกำจัดขยะผลิตกระแสไฟฟ้าที่หนองแขม อันเป็น “มรดก”ตั้งแต่ยุค“หม่อมหมู”ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯกทม. ที่จ่ายให้เอกชนในราคา 970 บาท ต่อตัน ก็จริง .. แต่ก็มีคนท้วงขึ้นมาว่า ไม่ได้ดูดีอย่างที่เห็น ก็ “คนในวงการ”รู้กันดีว่า ธุรกิจเผา ขยะชั่วโมงนี้ “ต้นทุน”ไม่ได้แพงขนาดนั้น .. ดูอย่างที่ “หัวเมืองใหญ่”ทั้งที่ “ภูเก็ต”ก็จ้างเอกชน อยู่ที่ราว 520 บาท/ตัน หรือที่ “ขอนแก่น”ถูกสุดนาทีนี้ แค่ 250 บาท/ตัน เท่านั้น .. จะอ้างว่า ต่างกรรมต่างวาระ ขยะเยอะ-ขยะน้อย มีคุณภาพ-ไม่มีคุณภาพ ก็ฟังยาก ที่จู่ๆ จะแพงหูฉี่กว่าชาวบ้านตั้ง 3 เท่าตัว .. อย่าลืมว่า เอกชนที่มารับงานเตาเผาขยะ ยังจะมีสิทธิ์ต่อยอดเป็น “โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ” นำความร้อนไปผลิตไฟฟ้าขายให้การไฟฟ้าฯได้อีกทอด .. ทีโออาร์ โปรเจกต์ออกมาพิลึกพิลั่นเช่นนี้ ก็ต้องไปไล่เบี้ยว่า ต้นตอมาจาก“คลองหลอด”หรือ “เสาชิงช้า”กันแน่ .. แต่ถ้า “สมรู้”และ “ร่วมคิด”กัน ก็คงได้แต่ทำใจ ท่อง อมิตตาพุทธ เอวัง ประเทศไทย

**นิมิตหมายที่ดี!! “ครม.ลุงป้อม”คลายล็อก “กัญชา-กระท่อม”แค่ “ทางการแพทย์”ยังไม่ “เปิดเสรี”ยังปลูกหลังบ้านไม่ได้ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ “ผู้ใหญ่”เปิดใจรับ “ด้านบวก”คุณูปการทางการแพทย์ มากกว่า “ค้านหัวชนฝา”เหมือนยุคก่อนๆ สะท้อนผ่านวิชั่น “สนธิรัตน์”มอง “โอกาส” ผลักดันขึ้นชั้น “พืชเศรษฐกิจ”เลยทีเดียว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เฮกันลั่นซอย .. “มิตรสหายสายกัญฯ”กับมติ ครม. ที่“ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำการแทน “น้องตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ติดภารกิจอยู่แดนลอดช่อง ประเทศสิงคโปร์ .. เห็นชอบ ร่าง แก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ สาระสำคัญคลายล็อก“กัญชา - กระท่อม”ให้ใช้ “ทางการแพทย์”ได้ .. แต่ก็ใช่ว่า “ใครก็ได้”จะไปหยิบฉวยมาวิจัยใช้รักษาโรค ด้วยกฎหมายก็ยังจัดหมวด“กัญชา - กระท่อม”อยู่ในยาเสพติดให้โทษ .. ส่วนของ “กัญชา”ยังอยู่ในยาเสพติดประเภท 5 ที่ให้นำเข้า-ส่งออก-ครอบครอง ในกรณีจำเป็น ที่ต้องได้รับอนุญาตจาก “ผู้อนุญาต”ก่อน .. ส่วนการศึกษา-วิจัย ต้องมีคำสั่งของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม-ผู้ประกอบโรคศิลป์ เท่านั้น .. ขณะที่ “กระท่อม”ได้รับการจัดหมวดใหม่ จากประเภท 5 มาอยู่ในประเภท 2 ยาเสพติดให้โทษทั่วไป หมวดเดียวกับยาเสพติดหลายชนิด ที่ใช้ในทางการแพทย์อยู่แล้ว .. ต้องอ่านกฎหมายให้รู้ ดูกฎหมายให้เป็น “เงื่อนไข-ข้อแม้”มีซับซ้อนพอสมควร และยังต้องผ่านการพิจารณาของ สนช. อีกชั้นหนึ่งด้วย .. แล้วถ้ากฎหมายผ่าน ก็จะมีหน่วยงานสำคัญในการควบคุมดูแล ทั้ง“กระทรวงสาธารณสุข” ที่ต้องออกประกาศควบคุม-อนุญาตต่างๆ .. โดยมีกรอบการควบคุมเบื้องต้นไว้อย่างน้อย 5 ปี เพื่อดูผลกระทบอย่างใกล้ชิด แล้วค่อยพิจารณาทบทวนปรับลด-เพิ่มเติมอีกครั้ง .. ขณะที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จะมีอำนาจเพิ่มเติม ในการกำหนดพื้นที่ทดลองปลูก-พื้นที่ทดสอบ ด้วย ..
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
ที่ต้องย้ำกันให้ชัดก็คือ เป็นเพียงขั้นตอน“คลายล็อก”เท่านั้น ไม่ใช่ “เปิดเสรี”ยังไม่สามารถปลูก-ใช้ ได้อย่างอิสระ .. ประเภทสวมวิญญาณ “ชาวไร่สมุนไพร”อุตริปลูกกัน “หลังบ้าน-ดาดฟ้า”อันนี้ยัง “ผิดกฎหมาย”อยู่นะพี่น้อง .. แต่อย่างน้อย ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี สำหรับ“กัญชาชน”ที่รัฐบาลยุคนี้ยอมโอนอ่อนผ่อนให้ เปิดใจรับ “ด้านบวก”ของยาเสพติด ในแง่คุณูปการทางการแพทย์ มากกว่า“ค้านหัวชนฝา”เหมือนยุคก่อนๆ .. สะท้อนได้ดีจากวิสัยทัศน์ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ที่ไม่ได้ตั้งแง่รังเกียจ “กัญชา”ว่าเป็นเพียง “ยาเสพติด”แต่เล็งเห็นถึง “โอกาส”การผลักดันขึ้นเป็น“พืช เศรษฐกิจ”เลยทีเดียว อาศัยจุดขายจากประโยชน์-คุณภาพของ“กัญชาสัญชาติไทย”.. แต่ “สนธิรัตน์”ก็เน้นย้ำว่า ต้องไม่หลงลืมฐานะ“ยาเสพติดให้โทษ”ที่ต้องมีมาตรการควบคุมดูแลให้อยู่ในลู่ทาง เพื่อไม่ให้ “ด้านลบ”มาฝังกลบ ”ด้านบวก”จนเสียของ .. หากช่วยกันประคองไปถึงจุดนั้นได้จริง การจะเป็น “ฮับกัญชา”ผู้นำ “กัญชาเชิงพาณิชย์”ในระดับโลก ก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

**สนิมจากเนื้อใน !! “อนาคตใหม่” ไม่ปังอย่างที่คิด “เกรียนคีย์บอร์ด” ไม่ช่วยอะไร “โพลทักษิณ” ให้แค่ 3-4 แสนเสียง เต็มที่ 5 เก้าอี้ปาร์ตี้ลิสต์ แล้วยังเจอมรสุม “แคปเฌอ” ทำเอาฟัดกันเองชุลมุน “เจ๊ปวิน” วีนแตกจองกฐินลากไส้ “เสี่ยเอก” แถม “เด็กในพรรค” ทิ้งบอมบ์ตราหน้า “หลักการ” ไม่มีจริง ขนาดฐานวัยรุ่นที่ปั้นไว้ก็ถูก “พรรคเพื่อเธอ - ลูกสาวเจ๊หน่อย” ถล่มอีกระลอก
ใจ อึ้งภากรณ์  และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
เป็นที่จับตามอง ..“พรรคอนาคตใหม่”ของ “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เปิดตัวได้อย่างหวือหวา เลี้ยงกระแส จัดอีเวนต์ได้อย่างน่าสนใจ .. อย่างน้อยอีเวนต์ เวิล์ดทัวร์ ก็ชิงพื้นที่สื่อได้พอสมควร หรือกระทั่งกิจกรรม “ไทย 2 เท่า-กรุงเทพขยับ”ที่ปูพรมลงพื้นที่ในหลายจุด ก็ได้รับเสียงตอบรับดีกว่า “เดินคารวะแผ่นดิน”ของ “กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ อย่างเห็นได้ชัด .. แถมช่วงปีที่ผ่านมา ชื่อของ“เสี่ยเอก”ก็เข้าไปติด “ทอปไฟว์”ตามโพลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง .. ขณะที่ “โพลออนไลน์”หลายสำนัก ปอปปูลาร์ ถึงขนาดขึ้นนำโด่ง ทิ้งห่าง “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดจน “นักการเมืองหน้าเก่า”แบบไม่เห็นฝุ่น .. ถึงขั้นที่ว่า “ผู้สันทัดกรณี”ประเมินเลือกตั้งหนนี้ “พรรคธนาธร”มีโอกาสเข้าวิน ไม่ต่ำกว่า 40-50 ที่นั่ง เลยทีเดียว .. แต่ “สนามการเมือง” ก็ไม่ใช่ “ทุ่งลาเวนเดอร์”ที่นึกสนุกควบ “ม้ายูนิคอร์น”มาวิ่งเล่นกันได้ง่ายๆ .. สะท้อนผ่าน “โพลทักษิณ”ที่ความน่าเชื่อถือค่อนข้างสูง แม้ “อย่างไม่เป็นทางการ”ที่ให้ “อนาคตใหม่”ได้ ส.ส.แค่หยิบมือ ไม่เกิน 5 ที่นั่ง ปารตี้ลิสต์ .. คำนวณแล้ว เท่ากับว่าคนทั้งประเทศกา “พรรคเสี่ยเอก”ไม่เกิน 4 แสนเสียง สอดรับกับการวิเคราะห์ “จุดอ่อน”พรรคสีส้ม ว่าอาจจะขายได้บ้างกับ“คนรุ่นใหม่”ครื้นเครงในหมู่ “นักเลงคีย์บอร์ด” แต่กับ“คนบ้านนอก”ก็แค่ “โนบอดี้” .. สำคัญที่เมื่อถึงเวลาเข้าคูหา “คนรุ่นใหม่”มัก “นอนหลับทับสิทธิ์”ผิดกับคนเฒ่า-คนแก่-คนต่างจังหวัด ที่ถือว่า“ประชาธิปไตย 4 วินาที” เป็นหน้าที่ .. มองมุมนี้กระแสที่คาดว่าจะเปรี้ยงปร้าง ก็เลยไม่ปังอย่างที่คิด ไม่เท่านั้นช่วงหลังยังมีประเด็นดรามาทำ “ธนาธร”สั่นคลอนไปเมื่อกัน ..
คุณหญิงสุดารัตน์ กับ น้องจินนี่ ลูกสาว
ไม่ว่าจะเป็นโจทก์เก่า ใจ อี้งภากรณ์ บุตรชาย อาจารย์ป๋วย ที่เหมือน “แค้นฝังหุ่น”จากวีรกรรมปราบปรามสหภาพแรงงานในบริษัทของ “ธนาธร”.. กัดไม่ปล่อยประเด็น “แรงงาน - นายทุน”ตราหน้า “เสี่ยไทยซัมมิท”ก็แค่ “สร้างภาพดูดี”ไปวันๆ .. ถัดมาก็เจอ “เฌอปรางเอฟเฟกต์ ” พลานุภาพของ "เฌอปราง อารีย์กุล" กัปตันวงไอดอล BNK48 ที่อยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร .. กลายเป็น“ติ่งอนาคตใหม่”ฟัดกันเองอย่างเมามัน สาแก่ใจ “กองเชียร์-กองแช่ง”ยิ่งนัก .. ในท้องเรื่อง “ปวินวีนแตก”ที่ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการเสื้อแดง ที่หนีคำสั่ง คสช. ไปซุกหัวอยู่แดนปลาดิบ ประกาศตัดขาดกับ “เสี่ยเอก”ด้วยข้อหา “กลัวเสียคะแนนโอตะ” ..แถมจงเกลียดจงชัง ไม่เผาผี ขู่ฟ่อจะย้อนกลับมาแฉความกลวงโบ๋ ของ “อดีตขวัญใจ”ด้วย สำทับกับ "อั้ม เนโกะ" ศรัณย์ ฉุยฉาย ที่ลี้ภัยอยู่ฝรั่งเศส โดดมาแท็กทีม ถล่มอีกแรง.. เรื่อยมาถึง “จิล”ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pipat Wattanapanitอาสาสมัครพาร์ตไทม์ ได้ประกาศลาออกจากพรรคอนาคตใหม่ .. ไล่เรียงเหตุผลนอกจากจุดแตกหัก “ดรามาแคปเฌอ”แล้ว ยังรับไม่ได้กับความเป็นจริง ที่ดูเหมือนพรรคจะไม่สามารถเดินตาม “อุดมการณ์สูงส่ง”ได้จริง .. นอกเหนือจากเบื้องหลังที่ “ทัศนคติแย่ๆ”ของคนในพรรคแล้ว คนที่ระดมกวาดต้อนมาเป็นสมาชิก-ผู้สมัคร ก็เน้นปริมาณ ละทิ้งหลักการทุกอย่างจนสิ้น .. สถานการณ์ภายในดูระส่ำระสายไปหมด ภายนอกก็ใช่ว่าดี หลังฐานเสียงวัยรุ่นที่ปั้นมานาน พังทลายลงในพริบตา .. หลังปรากฏการณ์ “พรรคเพื่อเธอ”เจอทีเด็ด “แม่หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ควง“น้องจินนี่”ไปเดินห้างแค่วันเดียว .. หลังๆ มา นโยบาย-วิสัยทัศน์ของ“ธนาธร”ก็ถูกจับผิด-จับถูกสารพัด จนทำท่าจะยืนระยะไม่ได้ กระแสสร่างซา หลักๆ มาจาก“ปัจจัยภายใน” แทบทั้งนั้น .. นี่ยังไม่นับรวมวาทกรรม-ท่าทีแหลมๆ ค้างเก่า ของทั้ง “เสี่ยเอก”รวมไปถึงคู่หูอย่าง “จารย์ป๊อก”ปิยุบตร แสงกนกกุล เลขาฯพรรค ที่ไม่ช้าก็เร็ว "ร่องรอยเก่า-จุดยืนล้ำเส้น" มันจะตามมาหลอนอยู่ดี
 
ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น