เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่าเพิ่งจะมีการเปิดตัวกันให้รับรู้อย่างเป็นทางการในชื่อพรรค “ไทยรักษาชาติ” มีการประชุมเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ไปเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา รวมไปถึงได้รับรู้กันอีกด้วยว่าพรรคนี้แหละที่จะเป็นพรรคสำรอง หรือว่า “พรรคอะไหล่” ของพรรคเพื่อไทยของจริง หากเกิดเหตุไม่คาดฝันถูกยุบพรรคขึ้นมาจริง หรือไม่ก็จะเป็นพรรคที่เตรียมเอาไว้สำหรับการเก็บตกคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อให้ตัวเลขจำนวน ส.ส.ทั้งสองพรรครวมกันให้ได้มากที่สุด
สิ่งที่เป็นคำอธิบายได้เป็นอย่างดีว่าทำไมพรรคไทยรักษาชาติ เป็นพรรคสำรอง หรือเป็นพรรคอะไหล่ดังกล่าว ก็คือ มีระดับ “ลูกท่านหลานเธอ” ของคนในครอบครัวชินวัตรมาเข้าร่วมและเป็นกรรมการบริหารพรรคกันจำนวนมาก รวมไปถึงบรรดาระดับแกนนำของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ที่เคยร่วมกันมาในยุคก่อตั้งพรรคไทยรักไทยก็แห่แหนกันเข้ามาในชายคาพรรคที่ว่านี้กันอย่างคึกคัก
แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วชื่อพรรคไทยรักษาชาติจะไม่ใช่พรรคที่ตั้งใหม่ แต่เป็นพรรคเก่ามีมานานแล้ว แต่ก็เหมือนเช่นเคยก็คือใช้วิธีไป “เซ้งหัวพรรค” มาใช้ และที่น่าสนใจก็คืออักษรย่อของพรรคที่ใช้ว่า “ทษช.” นั้น หลายคนก็ดูแปลกๆ ว่า ย่อมาจากอะไรกันแน่ ระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร” หรือว่า “ทักษิณชัวร์” ก็แล้วแต่ แต่อย่างหลังมีคำเตือนให้ระวังวรรณยุกต์หน่อยก็แล้วกัน
เอาเป็นว่านาทีนี้รับรู้กันแล้วว่านี่คือพรรคอะไหล่สำรองของจริง และเมื่อพิจารณารายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคที่เพิ่งมีผลคัดเลือกออกมา มีดังนี้ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช บุตรชาย นายเสริมศักดิ์ และนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช เป็นหัวหน้าพรรค นายฤภพ ชินวัตร น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ และ นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล เป็นรองหัวหน้าพรรค
นายมิตติ ติยะไพรัช เป็นเลขาธิการพรรค นายต้น ณ ระนอง นายวิม รุ่งวัฒนจินดา และ นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ เป็นรองเลขาธิการพรรค ขณะที่ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ เป็นโฆษกพรรค และ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ภรรยา นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นเหรัญญิกพรรค
กล่าวได้ว่าแค่ได้เห็นนามสกุล และหน้าตาก็ไม่ต้องพูดอะไรกันมากสามารถเข้าใจได้ทันทีใครเป้นใครและที่มาที่ไปเป็นอย่างดี
นอกเหนือไปจากนี้ พรรคไทยรักษาชาตินี่แหละที่มีข่าวอีกด้วยว่า “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย ทักษิณ ชินวัตร ให้การสนับสนุนอีกด้วย
เมื่อได้เห็นหน้าตาได้รับรู้ว่าใครเป็นใครไปแล้ว แต่ขณะเดียวกัน การเกิดขึ้นของพรรคไทยรักษาชาติมันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าได้ส่งผลกระทบเข้าอย่างจังอย่างน้อยสองพรรค นั่นคือ พรรคเพื่อไทย กับพรรคเพื่อธรรม เริ่มจากพรรคแรก คือ พรรคเพื่อไทย ก่อน เวลานี้ที่ภาพภายนอกเริ่มมองเห็นความขัดแย้งในพรรคนี้มากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เข้ามามีบทบาทในพรรคล่าสุดเป็นประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พร้อมๆ กับมีเสียงแสดงท่าทีไม่พอใจของบรรดา “ขาใหญ่” ในพรรคบางคนให้ได้เห็นมากขึ้น รวมไปถึงข่าวคราวการย้ายพรรคที่ออกมาแบบถี่ยิบ
ซึ่งต่อมามันก็ไม่ใช่เป็นแค่ข่าวคราวเท่านั้น แต่มันเป็นของจริงที่มี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยย้ายพรรคออกมาเป็นว่าเล่น เรียกว่าแบบ “เลือดไหล” ไม่หยุด และยังคาดว่า ก่อนวันที่ 26 พฤศจิกายนซึ่งเป็นวันเส้นตายการย้ายพรรคจะมีเลือดไหลออกมาอีก
ขณะที่พรรค “เพื่อธรรม” ที่ก่อนหน้านี้หลายคนยังเชื่อว่าเป็นพรรคสำรอง สำหรับรองรับพวก “แถวสอง” ในพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อเกิดปรากฏการณ์ของพรรค “ไทยรักษาชาติ” เกิดขึ้น มันก็ย่อมส่งผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ และขณะเดียวกัน ยังมีอาการความ “หมางใจ” กันระหว่างคนกันเอง เพราะรับรู้กันว่าพรรคเพื่อธรรมผลักดันโดย “เจ๊แดง” เยาวภา และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อระดับ เกรดเอ เกรดบีไหลไปไทยรักษาชาติเกือบหมดแล้ว พรรคนี้ก็จะ “ราคาตก” หรือจะด้อยค่าลงไปอีก เพราะต้องลดระดับลงมาเบียดกับ “พรรคเพื่อชาติ” ที่ ยงยุทธ ติยะไพรัช กับ จุตพร พรหมพันธุ์ ผลักดันอยู่ในเวลานี้
เอาเป็นว่านาทีนี้สำหรับพรรคเพื่อไทย ถือว่ากำลังอยู่ในอาการกระเพื่อมหนัก “เลือดยังไหลไม่หยุด” และที่น่าจับตาก็คือ ไหลไปพรรคอื่นนอกเครือข่าย เช่น พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย หรือแม้แต่พรรคพลังประชารัฐ ทำให้ต้องประเมินกันว่าในที่สุดแล้วแผน “แผนแยกกันเดินรวมกันตี” มันได้ผลจริง หรือมีจริง หรือว่ามัน “แยกกันจริง” แบบถาวรหรือเปล่า อีกไม่นานก็จะเห็นชัด!!