“ปานเทพ” ปัดสมยอม “ปิยสวัสดิ์” ไกล่เกลี่ยลงตัวหมายถึงถอนฟ้องโดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ท้าดีเบตแก้ครหากลัวซักค้าน

“ปานเทพ” ติงทนายความ “ปิยสวัสดิ์” อ้างถอนฟ้องเพราะเจรจาไกล่เกลี่ยลงตัวควรระบุให้ชัด เผยที่แท้หมายถึงฝ่ายจำเลยไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ไม่ใช่การสมยอม พร้อมท้า “ปิยสวัสดิ์” ดีเบต แก้ครหากลัวถูกซักค้าน

จากกรณีทนายความของนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ชี้แจงการถอนฟ้องนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในคดีหมิ่นประมาท โดยระบุว่า สาเหตุที่ถอนฟ้องเนื่องจากการไกล่เกลี่ยลงตัวนั้น ล่าสุด วันนี้ (3 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ว่า การที่ทนายระบุว่าการไกล่เกลี่ยลงตัวนั้น ทนายควรจะระบุให้ชัดเจนว่านั้นหมายถึงอะไร ที่คนทั่วไปอาจตีความว่าสมยอมกัน แต่ความจริงแล้ว คำว่าไกล่เกลี่ยความหมายในคดีนี้คือ “ถอนฟ้องไปเฉยๆ โดยที่ฝ่ายจำเลยไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น”

นายปานเทพระบุว่า ทำไมถึงถอนฟ้องไปโดยที่ผมแทบไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น เพราะเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2561 ผู้พิพากษาถามทนายโจทก์ว่า “คดีนี้นายปานเทพเป็นสื่อมวลชน เป็นการเขียนบทความในลักษณะตั้งคำถาม และเป็นการถามกับโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ และเป็นประเด็นสาธารณะจะเป็นคดีหมิ่นประมาทได้อย่างไร ทนายโจทก์ศึกษาฎีกาดีหรือยัง? ให้ทนายโจทก์ไปปรึกษากับนายปิยสวัสดิ์ว่า “จะถอนฟ้อง” ดีไหม?” แต่เนื่องจากนายปิยสวัสดิ์ไม่มาในวันที่ 31 สิงหาคม 2561 จึงให้ทนายโจทก์นัดหมายนายปิยสวัสดิ์แล้วระบุมาว่าวันใด สรุปได้ว่านายปิยสวัสดิ์จะว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ศาลระบุว่าให้ทนายโจทก์ไปศึกษาฎีกาให้ดีๆ ถ้านายปิยสวัสดิ์มาแล้วยังตกลงกันไม่ได้อีก ก็จะเริ่มให้ไต่สวนเลย และศาลจะไปทำการบ้านและเตรียมคำพิพากษามาล่วงหน้าในวันนั้นด้วย

เมื่อถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ทนายได้ยื่นคำร้องซึ่งเตรียมมาล่วงหน้าแล้วแจ้งต่อศาลว่า “ได้นำข้อสังเกตและคำถามของท่านผู้พิพากษาไปหารือกับนายปิยสวัสดิ์แล้ว” จะขอถอนฟ้องคดีนี้ทั้ง 2 คดี โดยจะไปลงคำชี้แจงในสื่อต่างๆ เอง โดยแทบไม่มีเงื่อนไขใดๆ กับนายปานเทพให้ต้องทำอะไรทั้งสิ้น

ส่วนคำว่า “นายปิยสวัสดิ์กลัวซักค้าน” นั้น เป็นเรื่องของสิทธิผู้อ่านบางคนที่อาจคิดไปเอง โดยผมไม่สามารถจะห้ามความคิดใครได้ และอาจเป็นเพราะข้อความที่ผมระบุนั้นได้ไล่เรียงขั้นตอนทั้งหมดนั้น ไม่ได้กล่าวถึงขั้นตอนในเรื่องความเห็นของท่านผู้พิพากษาไปหรือไม่ ผมก็ไม่อาจทราบได้ และผมก็ไม่อาจล่วงรู้เหตุผลอันแท้จริงของนายปิยะสวัสดิ์และทนายโจทก์ได้ ซึ่งในตอนนั้นผมเห็นว่าอาจไม่เหมาะที่นำความเห็นและคำถามของผู้พิพากษาในคดีนี้มาเผยแพร่ แต่ก็ไม่คิดว่าสุดท้ายจะมีการนำข้อความใช้คำว่าไกล่เกลี่ยตกลงกันได้มาเป็นประเด็นให้สังคมเข้าใจผิดอีกว่านายปานเทพต้องทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนกันในเรื่องสำคัญ ผมจึงจำเป็นต้องนำความเห็นและเบื้องหลังในคดีนี้มาเผยแพร่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ส่วนสาเหตุที่แท้จริงของการถอนฟ้องนั้นจะเป็นเพราะ “กลัวปานเทพซักค้าน” หรือ “กลัวศาลยกฟ้อง” หรือ “กลัวปานเทพซักค้านแล้วศาลยกฟ้องด้วย” หรือด้วยเหตุผลอื่น อันนั้นผมไม่สามารถจะทราบได้ และไม่สามารถห้ามความคิดของผู้อ่านได้ แต่หากมีผู้อ่านมีความเข้าใจว่านายปิยสวัสดิ์ถอนฟ้อง เพราะ “กลัวปานเทพซักค้าน” แล้วนายปิยสวัสดิ์และทนายมีความ “ไม่สบายใจ” ผมมีทางออกให้ครับ

“โดยผมขอท้านายปิยสวัสดิ์ขึ้นเวทีผลัดกันอภิปรายในคดีดังกล่าวนี้ ขอเพียงแค่นายปิยสวัสดิ์รับปากในทางสาธารณะภายใน 3 วันนี้ ว่ายินดีที่จะขึ้นเวทีสาธารณเดียวกัน แล้วผลัดกันอภิปรายในเวลาเท่าๆ กันฝ่ายละ 1 ชั่วโมงครึ่ง ผมมั่นใจว่านอกจากจะมีประชาชนจะสนใจเข้ามาฟังเป็นจำนวนมากแล้ว นายปิยสวัสดิ์ก็สามารถทำให้คนที่เข้าใจว่าถอนฟ้องเพราะ “กลัวปานเทพซักค้าน” ก็จะยุติลงทันที อีกทั้งนายปิยสวัสดิ์ก็จะได้ชี้แจงแบบมีความเห็นทั้ง 2 ด้านประกบให้ประชาชนพิจารณาได้ โดยไม่ถูกครหาว่าหนีไปซื้อสื่อหรือลงสื่อชี้แจงข้างเดียว เพราะกลัวความเห็นแย้งในเวทีเดียวกันอีกต่อไปด้วย แต่หากนายปิยสวัสดิ์ไม่ตอบรับทางออกนี้ ผมคงไม่สามารถห้ามความคิดประชาชนทั่วไปได้แล้ว”นายปานเทพกล่าว

ทั้งนี้ นายปานเทพยังเชิญชวนประชาชนและสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเสวนาวิชาการเพื่อรับฟังข้อมูลกรณีถูกฟ้องในคดีหมิ่นประมาทและท้ายที่สุดมีการถอนฟ้องโดยไม่มีเงื่อนไข ในวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน 2561 เวลา 10.00-12.00 น. ณ ห้องออดิทอเรียม (2201) ชั้น 22 อาคารทีเอสที ทาวเวอร์ ถนนวิภาวดีรังสิต ซอยวิภาวดี 9 จตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยชื่องานเสวนาวิชาการนี้คือ “กระชากหน้ากากพลังงาน ก่อนปรับ ครม.” (Energy Unmasked Before Cabinet Reshuffle) โดยมีหัวข้อเสวนา เช่น

- รับฟังประเด็นซักค้านที่เตรียมไว้ แต่ไม่มีโอกาสถามนายปิยสวัสดิ์ เพราะชิงถอนฟ้องไปเสียก่อน
- วิเคราะห์เจาะลึกไปอเมริกาทำไม? ในวันถอนฟ้องคดี
- ปริศนาปรับ ครม.อย่างไร ก่อนประเคนบงกช และเอราวัณ

ผู้อภิปรายได้แก่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล, น.ส.รสนา โตสิตระกูล, ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี และ รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร โดยขอเรียนเชิญนายปิยสวัสดิ์มาร่วมเวทีอภิปรายครั้งนี้ด้วย