xs
xsm
sm
md
lg

กกต.เตือน 2 พรรคแจกของแลกสมัครสมาชิกเจอยุบ แนะหาเกิน 101 คน ป้องกันซ้ำซ้อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กกต.เผย รับรายงานแจกของแลกสมัครสมาชิกพรรค เตือนแล้ว 2 พรรค มีโทษถึงยุบ แนะส่งผู้สมัครยึดตามมินิไพรมารี หาสมาชิกพรรคเกิน 101 คน ป้องกันซ้ำซ้อน เพื่อตั้งตัวแทนพรรคประจ ำจว.ยังห้ามขายโต๊ะจัดทอล์กโชว์ ส่อขัดความสงบ

วันนี้ (2 พ.ย.) นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. ประชุมชี้แจงการดำเนินกิจกรรมให้แก่พรรคการเมืองจัดตั้งใหม่ 8 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคสยามพัฒนา พรรคพลังไทยรักไทย พรรคพลังชาติไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยธรรม พรรคเพื่อคนไทย พรรคพลังปวงชนไทย และ พรรคพลังรวมประชาชาติไทย โดยประเด็นที่ผู้แทนของทั้ง 8 พรรค ซักถามส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการตั้งสาขาพรรค หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดที่จะต้องมาทำหน้าที่ในการให้ความเห็นการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคและการหาสมาชิกพรรค

นายแสวง ชี้แจงว่า เมื่อพรรคได้รับการจดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองแล้ว สามารถรับสมัครสมาชิกได้ทันที โดยผู้ร่วมจัดตั้งพรรค 500 คน จะถือว่ามีสมาชิกภาพเป็นสมาชิกพรรคย้อนไปถึงวันที่ยื่นจัดตั้ง ส่วนสมาชิกพรรค 101 คน ที่จะต้องมาตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ซึ่งจะมีหน้าที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับการคัดสรรผู้สมัครของพรรคนั้นแนะนำให้แต่ละพรรคเผื่อจำนวน ป้องกันกรณีสมาชิกซ้ำซ้อนกับพรรคอื่น ซึ่งจะมีผลให้เสียไปทั้ง 2 พรรค และอาจถูกตีความว่าหาสมาชิกชอบหรือไม่ กรณีกองทุนเงินสนับสนุนพรรคการเมือง ในปีงบประมาณ 62 วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 62 ซึ่ง กกต.ได้จัดสรรรูปแบบใหม่ จะได้เท่าไรขึ้นอยู่กับเกณฑ์ตามกฎหมาย โดย กกต.ได้รับงบประมาณ 130 ล้านบาท สามารถจัดสรรให้พรรคการเมืองได้ 117 ล้านบาท คาดว่า จะโอนเงินอุดหนุนให้พรรคการเมืองได้ในช่วงต้นปี 62 แต่ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาคำนวณเงินอุดหนุน หากมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. 62 อาจนำข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย.61 หรือ 31 ธ.ค.61 แต่หากใช้ข้อมูลวันที่ 31 ธ.ค.61 อาจมีความล่าช่าในการส่งเงินอุดหนุนได้ในเดือน ก.พ. ทั้งนี้ กฎหมายกำหนดให้จ่ายเงินอุดหนุนเพื่อสมทบกับเงินค่าบำรุงที่แต่ละพรรคเก็บได้ และจำนวนสาขาพรรค เมื่อได้รับเงินไปแล้วสามารถนำใช้จ่ายอะไรได้บ้าง ซึ่งกฎหมายค่อนข้างกว้างสามารถนำไปใช้ในการหาเสียงได้ โดยต้องทำเอกสารรายงาน กกต. ส่วนพรรคการเมืองเก่าจะมีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนที่มาจากเงินบริจาคจากภาษีด้วย

“ขณะนี้คำสั่ง คสช.ฉบับที่ 13 ยังมีผลบังคับใช้ ก่อนที่พรรคจะดำเนินกิจการใดๆ ต้องแจ้ง กกต.ก่อนดำเนินกิจกรรม 5 วัน เช่น การประชุมเลือกกรรมการบริหารพรรคจะต้องมาจากที่ประชุมใหญ่ หลายพรรคกรรมการบริหารลาออก หรือมีการปรับปรุงแก้ไขข้อบังคับพรรค อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นพรรคการเมืองแล้วต้องดำเนินกิจการทางการเมืองตาม ม.23 ของพรรคการเมือง อย่างน้อยปีละ 1 อย่าง ในส่วนของกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ต้องประกอบด้วย กรรมการบริหาร 7 คน สมาชิกพรรค 4 คน รวม 11 คน เนื่องจากเจตนา คสช. มองว่า หลังปลดล็อก พรรคการเมืองอาจตั้งสาขาไม่ทัน จึงเขียนกฎหมายให้รับฟังจากตัวบุคคล เช่น ผู้แทนสาขา ตัวแทนหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด คำสั่ง คสช.ที่ 13 จึงเป็นไพรมารีแบบย่อ หรือ มินิไพรมารี ความหมายคือต้องตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด หรือสาขาพรรคเพื่อฟังความเห็น ซึ่งตามกฎหมายของเก่าพรรคจะต้องจัดประชุม แต่กฎหมายใหม่ไม่ต้องประชุมแค่รับฟังเท่านั้น”

ส่วนการตั้งสาขาพรรค ต้องมีสมาชิกในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบไม่น้อยกว่า 500 คนขึ้นไป ซึ่งข้อบังคับพรรคจะเป็นตัวกำหนดว่าพื้นที่รับผิดชอบเป็นอย่างไร เช่น อาจจะกำหนดทั้งจังหวัด หรือเขต หรือภาคเป็นพื้นที่รับผิดชอบ และบุคคลนั้นต้องมีภูมิลำเนาตามทะเบียนราษฎร ส่วนตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จะต้องเป็นสมาชิกในเขตพื้นที่เลือกตั้งและต้องมีจำนวน 101 คนขึ้นไป ทั้งนี้ กฎหมายมีความสลับซับซ้อน แนะนำให้พรรคมีนิติกรอย่างน้อย 1 คน ทำหน้าที่ประสานกับ กกต. เพราะกฎหมายหลาย 10 มาตรา มีโทษตั้งแต่ใบแดงถึงใบดำ เปลี่ยนค่าปรับทางปกครอง เป็นค่าปรับทางอาญา

“เรื่องการจัดตั้งสาขาพรรค หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และพื้นที่รับผิดชอบนั้นเราอยากแนะนำ ให้ใช้พื้นที่รับผิดชอบครอบคลุมเฉพาะเขต หรือจังหวัด อย่าใช้ทั้งภาค เพราะเวลาตรวจสอบคุณสมบัติทำได้ยาก ในการเลือกตั้งครั้งแรกนี้ พรรคยังไม่ต้องตั้งสาขาพรรคก็ได้ ใช้วิธีตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ซึ่งก็จะต้องมีสมาชิกที่มีภูมิลำเนาในเขตเลือกตั้งจังหวัดละไม่น้อยกว่า 101 คนขึ้นไป ซึ่งก็ควรหาเผื่อไว้ให้มาก เพราะทุกพรรคจะแย่งกันหาสมาชิกในส่วนนี้ จึงอาจเกิดปัญหาการเป็นสมาชิกซ้ำซ้อน ซึ่งถ้าตรวจสอบพบก็จะทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ดังนั้น ถ้าพรรคจะส่งผู้สมัคร 350 เขต ต้องหาสมาชิกพรรคที่มีภูมิลำเนาในเขตเลือกตั้งจังหวัดละ 101 คน เพื่อตั้งตัวแทนประจำจังหวัด 77 จังหวัด รวมแล้วก็ควรมีสมาชิกเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 8,000 คน”

นอกจากนี้ นายแสวง ยังเตือนว่า ในการหาสมาชิกพรรคนั้น ต้องให้ประชาชนมีความต้องการที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นๆ เอง ไม่ใช่มีการไปให้ประโยชน์เพื่อจูงใจกัน เวลานี้มีการรายงานเข้ามาเกือบทุกที่แจกเสื้อ แจกข้าวสารกัน อาจคิดว่ากฎหมายเลือกตั้งยังไม่ผลบังคับใช้ แต่อย่าลืมว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองบังคับใช้แล้ว ซึ่งแม้ยังไม่เป็นพรรคการเมืองแต่ถ้าให้ประโยชน์จูงใจเพื่อเข้าเป็นสมาชิกพรรคมีโทษถึงยุบพรรคเลย ดังนั้น ถ้าใครจะหาสมาชิกไม่ถูกต้องก็ลองดูเมื่อวานก็เตือนไป 2 พรรค ว่า ระวังจะถูกยุบพรรค

รองเลขาธิการ กกต.กล่าวต่อว่า กรณีการรับบริจาค กฎหมายกำหนดห้ามบริจาคเกิน 10 ล้านบาทต่อรายต่อปี ขณะนี้รับบริจาคได้เฉพาะกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น เงินของพรรคการเมืองก่อนการปลดล็อกจะมาจากทุนประเดิม กองทุนพัฒนาพรรคการเมืองหรือค่าสมาชิกเท่านั้น หากต้องการรับบริจาคจากบุคคลภายนอก สามารถใช้คำสั่ง คสช.ที่ 53 ข้อ 4 ขออนุญาตได้ เช่น ขายสินค้าที่ระลึก ส่วนการระดมทุนในรูปแบบจัดทอล์กโชว์ ขายโต๊ะ ยังทำไม่ได้ เพราะอาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยซึ่งจะขัดคำสั่ง คสช.อีก








กำลังโหลดความคิดเห็น