xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ดวงแข็งเป็นนายกฯอีกนาน สวนทางโพลแผ่วปลาย !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา




แน่นอนว่า สำหรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ย่อมหัวใจพองโตและต้อง “ยิ้มแป้น” หน้าบานกับคำทำนายของหมอดูชื่อดังแห่งพะเยา ที่บอกว่า “เป็นคนดวงแข็ง ทำอะไรก็มักประสบความสำเร็จและจะเป็นนายกฯได้อีกนาน” มันก็เหมือนกับคำปลอบใจชั้นดีสำหรับคนที่เริ่มถูกแรงกดดันเข้ามาจากทุกทิศทาง

ลักษณะไม่ต่างจากการที่เริ่มถูกแรงดันน้ำจากท่อน้ำที่เคยถูกปิดตายมานาน แต่เมื่อจำเป็นต้องเปิดก๊อกน้ำเข้ามาทุกทิศทาง แรงดันจึงรวมศูนย์เข้ามามากมายขึ้นทุกที

หากเปรียบเทียบก็คล้ายๆ กับโรดแมปบังคับต้องเข้าสู่โหมดเลือกตั้งแบบเลี่ยงไม่ได้ หรือในนาทีนี้ “แม้แต่จะเลื่อน” ไปอีกสักเดือนสองเดือนก็ยังยากแล้ว เพราะเวลานี้แม้ว่าจะเริ่ม “คลายล็อก” ยังไม่ได้ปล่อยเสรีกันเต็มที่ยังสร้างความหวั่นไหวได้ขนาดนี้ หากถึงวันนั้น (ในราวเดือนธันวาคม) ที่ พระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้หลังจากพักเอาไว้ 90 วันแล้ว ถึงตอนนี้ยังไงมันก็ต้องเปิด จะยื้อต่อไปไม่ได้

เสียงวิจารณ์ทางลบจะออกมามากแค่ไหน ไม่รู้ แต่ก็พอคาดเดาได้ไม่ยากโดยเฉพาะเสียงที่ออกมาในทางสื่อโซเชียลฯที่น่าจะต้องพรั่งพรูออกมา

อย่างไรก็ดี ในระยะหลังหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “กระแสเริ่มแผ่ว” ลงไปมากจนผิดไปจากเดิม จากที่เคย “มีสีสัน” ตลอดเวลา แต่เวลานี้ดูเหมือนว่า “ตกเป็นเป้านิ่ง” มานานนับเดือนแล้ว

ที่ผ่านมา จะเคยเห็นเกมรุกใส่ฝ่ายตรงข้ามแทบทุกวัน แต่มาวันนี้จะว่าไปแล้วฝ่ายการเมืองก็ใช่ว่าจะมีอะไรใหม่ มีแต่ตัวละครเดิมๆ หากมีหน้าใหม่เข้ามาก็ยังเป็นแค่ตัวประกอบ ยังไม่ใช่ “ตัวหลัก” ที่ทำให้ต้องครั่นคร้ามหรือเข้าไปแลกหมัดด้วย

อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันตามความเป็นจริงแบบไม่ต้องอ้อมค้อม หากวิเคราะห์จากข้อมูลเดิมที่มีอยู่แบบต่อเนื่องมันก็สามารถสรุปออกมาได้ไม่ยากนอกเหนือเหนือจากเรื่องสภาวะอารมณ์ของสังคมไทยที่มักจะเบื่อคนเก่าที่ไม่มีสีสันใหม่แล้ว สาเหตุสำคัญน่าจะเป็นความ “สะสมความเบื่อ” ของคนในรัฐบาลบางคนในรัฐบาล

หากสังเกตให้ดีจะพบว่ามีบางคนที่เกิด “กระแสในทางลบ” จากสังคมจน “ตกผลึก” ไปแล้ว หากพูดกันแบบไม่ต้องกลัวโกรธกันก็ต้องระบุตรงๆ กัน ก็คือ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะนับตั้งแต่เกิดเรื่อง “นาฬิกาหรู” ที่ยังไม่เคลียร์ มันก็เป็นภาพลบที่สังคมต้องล้อเลียนแบบขบขันมาอย่างต่อเนื่อง และไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือนกี่ปีมันก็ไม่ลืม และให้คาดเดาล่วงหน้าเมื่อใดก็ตามที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สรุปเรื่องออกมาเมื่อไหร่ก็ตามก็แทบจะไม่มีความหมาย เพราะพวกเขาสรุปไปล่วงหน้าแล้ว

แม้ว่าเวลานี้จะพยายามเดินหน้าลุยผลงานในเรื่องการปราบปราม “หนี้นอกระบบ” จนได้ใจชาวบ้านไม่น้อย พิสูจน์จากผลสำรวจบางสำนักที่ทำให้ชื่นใจได้บ้าง แต่กลายเป็นว่าการนำเสนอกลับไม่ค่อยน่าสนใจในลักษณะ “เชยๆ” บ้านๆ ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่ต้องตีปี๊บ มีการนำเสนอที่น่าสนใจกว่านี้ ไม่ใช่ให้ฝ่ายทีมงานโฆษกฝ่ายทหารแถลงในรูปแบบเก่าๆ จนไม่สามารถสร้างความจดจำจากสังคมภายนอกได้ดีพออย่างที่ควรจะเป็น

หรือแม้แต่โครงการปราบปรามยาเสพติดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งให้ดีเดย์อีกรอบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มอบหมายให้ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้อำนวยการใหญ่ปราบปรามแบบบูรณาการ แต่โครงการแบบนี้ กลับไม่มีผลงานชัดเจนหรือจับต้องได้ ทั้งที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาผลงานการจับกุมของหลายหน่วยงานกลับมีมากเป็นประวัติการณ์ การจับกุมยาบ้า ยาไอซ์ไม่เห็นแล้วประเภทหนึ่งล้านเม็ด หรือสิบยี่สิบกิโลกรัม แต่จะเป็นสิบล้านเม็ดขึ้นไป หรือยาไอซ์นับร้อยๆ กิโลกรัม

หากพิจารณาจากผลงานถือว่าได้ผล มีการขยายผลติดตามทำได้ดีเยี่ยม แต่กลายเป็นว่ารัฐบาลไม่สามารถนำเสนอให้น่าสนใจ ให้สังคมได้จดจำเป็นผลงานสำคัญ

หรืออย่างโครงการไทยนิยมยั่งยืนที่ถือว่าเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่คาดหวังว่าจะเป็น “ทีเด็ด” ในช่วงปลายเพื่อรองรับการเลือกตั้ง แต่เมื่อมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยในยุคของ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นแม่งานใหญ่ กลับกลายเป็นว่าทุกอย่าง “แป้กสนิท” ชาวบ้านไม่จดจำ ไม่รู้เรื่อง หรือไทยนิยมฯคืออะไร ทำอะไร จะแบบเดียวกับโครงการ “ประชารัฐ” หรือไม่ ทั้งที่เริ่มต้นน่าจะดูดีเพราะบอกว่าจะเป็นการดำเนินการโดยมีการขับเคลื่อนตั้งแต่ระดับชาติลงสู่ระดับพื้นที่ มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน หรือตามความต้องการของประชาชน

แต่ผลที่ออกมาในเวลานี้ถือว่า “เงียบเชียบ” ชาวบ้านหรือสังคมไม่รู้จักทั้งโครงการหรือแม้แต่ “แม่งาน” อย่างกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะตัวจักรที่ขับเคลื่อนสำคัญ คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ไม่มีความความคืบหน้าใดๆ มิหนำซ้ำ เข้าตัวยังติดหล่มไปกับโครงการสร้างโรงไฟฟ้ากำจัดขยะทั่วประเทศที่ถูกต่อต้านมากขึ้น มีเสียงวิจารณ์ในเรื่องความไม่โปร่งใสเข้ามาให้ได้ยินมากขึ้น

ดังนั้น หากให้สรุปจากโครงการหลายอย่างที่สำคัญดังกล่าวไม่โดดเด่น และมีรอยด่างย่อมส่งผลให้รัฐบาล “แผ่วปลาย” โดยสร้างผลกระทบโดยตรงมาถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พิสูจน์ได้จากผลสำรวจล่าสุดของ “นิด้าโพล” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ชาวบ้าน “ไม่สนับสนุนให้ไปต่อ” ด้วยเปอร์เซ็นต์เกินกว่าร้อยละ 50 เป็นครั้งแรก ซึ่งน่าแปลกใจ ถือว่าสะท้อนภาพใหม่แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ขณะเดียวกัน อาการ “แผ่วปลาย” ดังกล่าวนี้สามารถสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือสาเหตุมาจากคนใกล้ชิดที่ผลงานไม่น่าสนใจ กลายเป็น “ตัวถ่วง” ดึงรั้ง จนทำให้ “บิ๊กตู่” ต้องอยู่ในภาวะลำบากได้เร็วกว่าเดิม!!


กำลังโหลดความคิดเห็น