xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ขอโอกาสสุดท้ายทำตามฝัน ยัน ปชป.ทางหลักไม่ใช่ทางเลือก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

กลุ่มอดีตสส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ให้การสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อดีต ส.ส.กทม.ตบเท้าเชียร์ “มาร์ค” รั้งหัวหน้า ปชป.ต่อ เจ้าตัวลั่นเปลี่ยนแปลงใหม่เลิกเกรงใจใคร ขอโอกาสครั้งสุดท้ายได้ลุ้นทำตามฝันทางการเมือง ย้ำประชาธิปัตย์เป็นทางหลักไม่ใช่ทางเลือกหรืออะไหล่ จี้ กกต.ตรวจสอบเพื่อไทยผุดพรรคสาขาส่อฮั้ว



วันนี้ (9 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้ากลุ่มอดีต ส.ส.กทม. นำโดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่กำลังลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้ง พร้อมประกาศสนับสนุนนายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค โดยเป็นที่น่าสังเกตว่ามีอดีต ส.ส.ที่ลงนามรับรองนายอลงกรณ์ พลบุตร ให้ลงสมัครหัวหน้าพรรคมาร่วมด้วย คือ นายกรณ์ จาติกวนิช และ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงคำขวัญที่โพสต์ผ่าน line ข้อความว่า Make My Mark ว่าเป็นข้อความของคนรุ่นใหม่ที่จะมาร่วมงานกับพรรคสนับสนุนแนวคิดนี้ และจัดทำเป็นคลิปวิดีโอซึ่งมีหลายความหมาย ความหมายที่ไม่เกี่ยวกับชื่อตนคือการมีโอกาสแสดงออก มีส่วนร่วมให้เกิดความเปลี่ยนแปลง หมายถึงการสนับสนุนตนทำหน้าที่ คือ การมีส่วนร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่คนในประเทศรอคอย ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง

ส่วนถ้าเล่นคำว่า Mark เป็นชื่อตนก็เป็นการสื่อสารว่ากระบวนการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้เป็นการสร้างหัวหน้าพรรคด้วยมือของตัวเอง เป็นการสร้างหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สร้างพรรคประชาธิปัตย์ และสร้างใหม่ประเทศไทย ซึ่งการเปิดกระบวนการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคเป็นการยกระดับพรรคการเมืองไทย และทำให้เกิดความชัดเจนเรื่องจุดยืนของพรรค และตนอาสานำพรรคในสถานการณ์ที่ประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยให้หลุดพ้นจากปัญหาการไม่เป็นประชาธิปไตยและการทุจริตคอรัปชั่น ทั้งนี้ การแข่งขันภายในพรรคเป็นกระบวนการที่คนภายนอกสนใจว่าเป็นมิติใหม่ของพรรคการเมือง ทำให้หลายคนสนใจอยากมีส่วนร่วม ตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง

ส่วนที่มองว่ามีความขัดแย้งนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่เชื่อว่าประชาชนมองว่าเป็นกระบวนการทางประชาธิปไตย ต่อไปจะมีการตั้งคำถามกับพรรคการเมืองอื่นว่าเหตุใดไม่ใช้วิธีเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ และยอมรับว่าการเปิดกว้างให้มีการหยั่งเสียงมีความเสี่ยงสำหรับหัวหน้าพรรคของตนในอนาคตแต่ตนไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพราะถือว่าเป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลง สร้างระบบจะกลัวความเสี่ยงไม่ได้ เพราะถ้ากลัวจะสร้างอะไรใหม่ๆ ไม่ได้เลย

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ตนพูดที่จังหวัดสงขลาว่าอายุ 54 ปีแล้ว ไม่เกรงใจใครแล้วนั้นก็หมายความอย่างที่พูด เพราะตลอดการทำงานการเมือง 26 ปีที่ผ่านมา ก่อนจะทำอะไรต้องมีความระมัดระวัง แต่ตนมาทำการเมืองด้วยความเชื่อและอุดมการณ์ พร้อมกับความฝันว่าอยากได้ประเทศไทยอย่างไร การก้าวหน้าทางการเมืองและเคยได้รับโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีก็ยังมีหลายเรื่องที่ยังทำไม่ได้ เพราะเป็นนายกฯพร้อมกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์บ้านเมืองที่ปั่นป่วน แต่ก็กอบกู้วิกฤตและเริ่มต้นบางอย่างได้ แต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้สร้าง ตนรู้ว่าอายุขนาดนี้แล้วการจะสร้างฝันให้กับประเทศที่เป็นจริงไม่มีเวลามากแล้ว จึงต้องทำ ไม่มีอะไรที่ต้องลังเลใจหรือเกรงใจใครอีกต่อไป เพราะนี่คือโอกาสใหม่ และโอกาสเดียวที่จะทำให้ตนผลักดันความฝันให้เป็นจริงได้

“ตลอด 26 ปีทางการเมืองผมได้ทบทวนทั้งจุดอ่อน จุดแข็ง เรื่องความเกรงใจก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากกการทบทวนตัวเอง และตั้งใจที่จะทำให้บ้านเมืองหลุดพ้นจากปัญหาตรงนี้ให้ได้ ถ้าไม่ทำครั้งนี้มีโอกาสสูงมากที่ประเทศจะติดหล่มไปอีกนาน ทั้งหล่มเผด็จการ และหล่มทุจริตคอร์รัปชัน สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นจุดแข็งของตัวเองคือแม้จะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่ประวัติของผมยืนยันได้ว่าไม่เคยมีเรื่องผลประโยชน์ตัวเอง นอกจากผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศ และเป็นความเชื่อจากใจที่สุจริตของผมในการทุ่มเท ทำให้มีความพร้อมที่จะนำพาบ้านเมืองออกจากปัญหา”

ส่วนที่มีการวิเคราะห์ว่าการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้ไม่เพียงการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องอุดมการณ์พรรคที่เปลี่ยนไปด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องถามผู้สมัครหัวหน้าพรรคคนอื่นว่ามีแนวคิดเกี่ยวกับแนวทางการเมืองของพรรคอย่างไร แต่ตนชัดเจนว่าอุดมการณ์ของพรรคที่ผู้ก่อตั้งประกาศไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2489 เราจะปฏิบัติอย่างจริงจัง

“หลังการเลือกตั้งผมเคยบอกแล้วว่าไม่ควรมาถามพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะร่วมกับใครตั้งรัฐบาล แต่ควรถามคนอื่นว่าจะร่วมกับพรรคประชาธิปัคย์สร้างบ้านเมืองหรือไม่ เพราะเรามีแนวทางที่ชัดเจนและแตกต่าง จากทั้งคสช. และพรรคเพื่อไทย เราจะเป็นทางหลักของประเทศไทยไม่ใช่ไปช่วยหรือไปร่วมกับใครเป็นรัฐบาล โดยไม่สามารถตอบคำถามว่าไปร่วมรัฐบาลแล้วจะทำอะไร เพราะไม่เป็นประโยชน์กับพรรคและประเทศ แต่พรรคจะเป็นทางหลักคือเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีทางเป็นอะไหล่ทางการเมืองให้ใครทั้งสิ้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคอะไหล่ แต่เป็นพรรคการเมืองหลัก มีความตรงไปตรงมา และมีความก้าวหน้าในระบบพรรคการเมืองมากกว่าพรรคอื่น ส่วนจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบหลังการเลือกตั้ง”

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยตั้งพรรคสาขาเป็นนอมินีทางการเมืองว่า เป็นเรื่องของแต่ละพรรค แต่พรรคประชาธิปัตย์จะทำการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีคิดเรื่องระบบแตกสาขา เพราะต้องตรงไปตรงมากับประชาชน เปิดเผย โปร่งใส นี่คือทางเลือกที่เราเสนอให้ประชาชน ไม่ว่าใครจะออกแบบระบบอย่างไร ใครจะใช้เล่ห์กลเพื่อหลีกเลี่ยงระบบอย่างไร ประชาชนจะเป็นคนชี้ว่าจะให้พรรคการเมืองไหนใหญ่ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าทุกเสียงมีความหมาย แต่ กกต.ซึ่งเป็นผู้รักษากฎหมายต้องไปดูเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าการมีพรรคนอมินีผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะในกฎหมายมีเจตนารมณ์ค่อนข้างชัดว่าห้ามพรรคการเมืองไปฮั้วกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงค่ำวานนี้ (8 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ได้โพสต์ลงใน Line ส่วนตัว ใจความว่า “ผ่านไปแล้วสำหรับการเปิดรับสมัครผู้เข้ารับการหยั่งเสียงเป็นหัวหน้าพรรคในวันนี้ด้วยบรรยากาศที่คึกคักและราบรื่น จากนี้ผู้สมัครทุกคนคงมุ่งหน้าหาเสียงกับชาวประชาธิปัตย์ต่อไป ผมจึงอยากใช้โอกาสนี้ถ่ายทอดความตั้งใจของผมและฉายภาพอนาคตที่สำคัญกว่าการแข่งขันครั้งนี้

ผมเชื่อว่าคนไทยวันนี้มีความคาดหวังว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าจะนำพาประเทศไทยไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยเพื่อให้ประเทศไทยสามารถเดินไปข้างหน้าและประชาชนมีความอยู่ดีกินดี ทุกคนต้องการที่จะหลุดพ้นปัญหาความยากจนในปัจจุบัน แต่ไม่ต้องการหวนคืนสู่ความขัดแย้งภายใต้รัฐบาลที่มีแต่การทุจริตคอร์รัปชัน

ผมอาสานำพรรคประชาธิปัตย์เป็นทางเลือกหลักให้ประเทศไทยก้าวไปสู่จุดนั้น ใช้ประสบการณ์ในอดีตที่ผมเรียนรู้ทั้งจากความสำเร็จและความล้มเหลว จากสี่ปีกว่าที่ผมทุ่มเทเวลาไปกับการเข้าหาประชาชนทุกกลุ่มเพื่อรับฟังปัญหาและค้นหาทางออก จากการเตรียมชุดนโยบายใหม่ เสริมคนใหม่เข้าสู่ทีมงาน ด้วยอุดมการณ์จุดยืนที่มั่นคงของพรรค บนความเชื่อในศักยภาพของพี่น้องคนไทยที่จะมีสิทธิ์เลือก มีส่วนร่วมอย่างเสมอภาค

ผมมั่นใจว่าเราจะสามารถพาเศรษฐกิจไปสู่ความรุ่งเรืองที่ประชาชนทุกคนจะได้ประโยชน์อย่างถ้วนหน้า ต่อสู้กับการทุจริต การผูกขาด และทำกฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์อย่างเสมอภาคกว่า 26 ปีบนเส้นทางการเมืองของผม อาจมีหลายสิ่งที่ถูกใจและไม่ถูกใจแต่ละท่าน แต่ทุกท่านมั่นใจได้ว่าเป็น 26 ปีที่ทุ่มเทเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและเพื่อประชาชนบนอุดมการณ์ที่มั่นคง

วันนี้ทุกท่านสามารถมีส่วนร่วมหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สร้างผม สร้างพรรค สร้างประเทศ เพื่อเข้าสู่ยุคใหม่สำหรับคนไทยทุกคน
ผมขอความสนับสนุนจากเพื่อนๆ ทุกคนครับ
มุ่งมั่นอุดมการณ์
มุ่งหน้าอนาคตไทย
#MakeMyMark
#ร่วมสร้างใหม่ไปกับมาร์ค
#ประชาธิปัตย์ยุคใหม่

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ นพ.วรงค์ในวันนี้ ได้จัดกิจกรรม “ติดบ้าน ติดดิน กับชุมชนแท็กซี่” เพื่อพบปะกับกลุ่มแท็กซี่ ชุมชนซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 44 รับฟังปัญหาต่างๆ







กำลังโหลดความคิดเห็น