xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ฉะพลังประชารัฐ เลี่ยงเจตนารมณ์ รธน. ชี้หาช่องโหว่ กม.ทำการเมืองเสื่อม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
หัวหน้า ปชป.มองพลังประชารัฐหลบเลี่ยงเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ผู้มีอำนาจลงมาเล่นเองสวมหมวกสองใบ ย้อนความเสื่อมการเมืองเพราะหาช่องโหว่กฎหมาย ไม่สนธรรมาภิบาล ยกกรณี “สนธยา” ถามกล้าปฏิเสธไหมไม่ใช้สถานะตัวเองเอาเปรียบการเมือง

วันนี้ (1 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐ ในรายการ “ต้องถาม” ว่าขณะนี้มีประเด็นวิจารณ์กันมากว่า สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐทำมีความถูกต้องตามเจตนารมรณ์ของรัฐธรรมนูญ และปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผู้ร่างมีเจตนาให้ผู้มีอำนาจขณะนี้ทั้ง คสช., รัฐบาล, สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.), สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) รวมถึงสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่เข้ามามาวางรากฐานและกติกาเพื่อที่จะเปิดให้พรรคการเมืองกลับมาแข่งขันกันโดยที่ไม่ได้หวังว่าจะเป็นผู้เล่นเอง แต่ถ้าจะบอกว่ามีเจตนาเปิดช่องให้ ก็น่าจะเป็นเรื่องของที่สภาไม่สามารถเลือกนายกฯ ได้ จนต้องไปเลือกคนนอกกระบวนการการเลือกตั้งเข้ามา อีกทั้งยังมีบทเฉพาะกาล ที่ระบุว่าผู้ที่มีอำนาจในขณะนี้จะต้องลาออกจากตำแหน่ง 90 วัน หลังจากที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า บทบัญญัตินี้หมายความว่าใครที่ไม่ลาออกในตอนนั้นก็จะไม่เกี่ยวข้องกับการส่วนได้เสียในการเลือกตั้ง โดยตามปกติแล้วในช่วงเลือกตั้งใครมีอำนาจรัฐก็จะถูกจำกัดอำนาจทันที ทั้งเรื่องการโยกย้ายข้าราชการ รวมถึงใช้งบประมาณผูกพันธ์ไม่ได้ เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง แต่ก็ยังมีบทเฉพาะกาลยกเว้นให้กับรัฐบาลชุดนี้ เหตุผลเพราะว่าเพราะมีบทบัญญัติใครที่อยากเลือกตั้งก็ต้องลาออกไปก่อนหน้านี้แล้ว

“แต่วันนี้ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับพรรคประชารัฐ คือ กำลังหลบเลี่ยงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งความเสื่อมทางการเมือง และปัญหาวิกฤตในอดีตก็เป็นเพราะมีการหาช่องโหว่ของกฎหมาย เราไม่ดูเจตนารมณ์ ไม่ยึดถือเรื่องของมารายาท และธรรมาภิบาล”

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ดังนั้นวันนี้คนที่เกี่ยวข้องที่จะเข้าไปบริหารพรรคการเมืองซึ่งมีส่วนได้เสียในการเลือกตั้งโดยตรง ก็ต้องแสดงให้เห็นว่ายังเชื่อในหลักธรรมาภิบาล หรือเคารพในเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มากกว่าที่จะบอกว่ากฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ หรือไม่ผิดกฎหมาย ประเด็นที่สำคัฐก็คือ เรากำลังอยู่ในสถานการณ์การที่ยังไม่ปลดล็อกทางการเมือง แต่งานของรัฐบาลมีงานการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ได้ถูกจำกัดด้วย ดังนั้นตนว่าตอบยากจริงๆ ว่าบุคคลเหล่านี้ต้องการมีส่วนได้เสียในการแข่งขัน เหตุใดจึงไม่ทำตามเจตนารมณณ์รัฐธรรมนูญ แล้วสวมหมวกสองใบ

“ต้องบอกกันตรงๆ ว่า พวกเขากล้าปฏิเสธไหมว่าไม่ได้มีการใช้สถานะของตัวเองสร้างความได้เปรียบทางการเมือง หรือไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดูดอดีตนักการเมืองเลย หรือมีข้อตกลงเรื่องของตำแหน่ง และงบประมาณ เรื่องเหล่านี้ก็ชัดเจนแล้วในกรณีของนายสนธยา คุณปลื้ม อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ได้ดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา ตรงนี้เป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่ ถ้าเขาบอกว่ากฎหมายระบุว่าลงสมัคร ส.ส.ไม่ได้ แล้วก็ไม่ได้ลงด้วย ผมกำลังจะบอกว่าเจตนารมณ์คือการไม่เอาเปรียบทางการเมือง การพยายามไปตีกรอบว่าเป็นเรื่องการเลือกตั้งอย่างเดียวไม่ได้ ซึ่งผมที่เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค สามารถเป็นรัฐมนตรีอีกได้ ถ้ายิ่งเป็นอย่างนี้ก็ยิ่งชัดว่าการมีส่วนได้เสียในการเมืองอย่างชัดเจน”


กำลังโหลดความคิดเห็น