“ไทยศรีวิไลย์” เสนอ กกต.จัดป้ายหาเสียง เวที รถแห่ สื่อ แทนผู้สมัคร ส.ส.เพราะได้งบเพิ่มกว่า 2,000 ล้านบาท ด้าน “มาร์ค พิทบูล” กร้าวห้ามจ้างวานหาเสียงผ่านระบบหัวคะแนน ต้องหาเสียงด้วยตนเองเท่านั้น หรือหาเสียงผ่านโซเชียลฯ ต้นทุนน้อยจะได้ผู้แทนไม่โกงเหมือนอดีตที่ผ่านมา
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดประชุมเพื่อทำความเข้าใจกับพรรคการเมืองเก่า-ใหม่ ตามที่ คสช.ได้ออกคำสั่งที่ 13/2561 เมื่อ 14 ก.ย. 2561 เรื่องการดำเนินการตามกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (เพิ่มเติม) นั้น ทำให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้ ยกเว้นการหาเสียงผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย หรือสื่อต่างๆ ดังนั้น วันนี้พรรคไทยศรีวิไลย์ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุม เช่น นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ว่าที่หัวหน้าพรรค, นายณัชพล สุพัฒนะ หรือมาร์ค พิทบูล ว่าที่ รองหัวหน้าพรรค, นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ ว่าที่เลขาธิการพรรค พร้อมคณะ
นายมงคลกิตติ์ ว่าที่หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า วันนี้ได้ยื่นข้อเสนอให้ กกต.ร่วมพิจารณาข้อเสนอของเรา หลัง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พ.ศ. 2561 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 14 ธันวาคม 2561 ซึ่งพรรคการเมืองทุกพรรคจะหาเสียงได้ทุกวิธีที่ชอบด้วยกฎหมาย พรรคมีข้อเสนอ ดังนี้ 1. ให้ กกต.ดำเนินการติดป้ายหาเสียงให้แก่ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมประวัติ นโยบายของทุกพรรคไว้ที่ทุกหมู่บ้านขนาดชัดเจนมองเห็นได้ง่าย อาจจะหมู่บ้านละ 8 จุดก็ได้ 2. ให้ กกต.จัดรถแห่ประชาสัมพันธ์ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมประวัติ นโยบายของทุกพรรค 3. ให้ กกต.จัดเวทีประชาสัมพันธ์ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมประวัติ นโยบายของทุกพรรค 4. ให้ กกต.จัดเวทีประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทีวีสาธารณะ ให้แกนนำพรรคแสดงวิสัยทัศน์ นโยบายของทุกพรรค 5. กกต.ต้องกำหนดให้พรรคการเมืองสามารถประชาสัมพันธ์ผู้สมัคร ส.ส.ได้เฉพาะการเดินแจกการ์ดแนะนำตัวพร้อมนโยบายต้องทำด้วยตนเองห้ามจ้างวานแจก และสามารถหาเสียงทางสื่อโซเชียลมีเดีย หรือเฟซบุ๊กด้วยตนเองเท่านั้น และกำหนดห้ามทุกพรรคการเมืองจัดมหรสพ คอนเสิร์ต ติดป้ายหาเสียงตามเสาไฟฟ้า ป้ายขนาดใหญ่ทุกแห่ง (ไม่ต้องทำเพราะ กกต.ทำให้แล้ว)
“ข้อเสนอข้างต้นก็เพราะ กกต.ได้รับจัดสรรงบประมาณ ปี 2562 ที่ใช้ในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ ได้เพิ่มจากเดิม 3.8 พันล้านบาท เป็น 5.8 พันล้านบาท เพิ่มจากเดิม 2 พันล้านบาท ก็น่าจะเพียงพอให้การทำการประชาสัมพันธ์นโยบาย ตัวผู้สมัคร ส.ส.ของทุกพรรค โดยทำให้พรรคการเมืองต่างๆ ใช้เงินน้อยลงแบบจำกัดจำนวน ซึ่งจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้จะได้พรรคการเมือง ผู้สมัคร ส.ส.ที่เป็นตัวแทนประชาชน ที่มีธรรมาภิบาลมากขึ้น” นายมงคลกิตติ์กล่าว
ด้านนายณัชพล สุพัฒนะ หรือมาร์ค พิทบูล ว่าที่รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นใน ปี 2562 นั้นถือเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อประเทศไทยในยุค 4.0 หรือยุคศิวิไลซ์ เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะต้องทำให้พรรคการเมือง นักการเมือง มีต้นทุนในการเข้าสู่อำนาจรัฐน้อยที่สุด จะได้ไม่ถอนทุนคืน หรือเป็นทาสนายทุนพรรค ฉะนั้นจึงเน้นย้ำว่าถ้า กกต.จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้บริสุทธิ์ยุติธรรม ได้คนสุจริตเข้าไปทำงาน และทันยุคสมัย จะต้องห้ามพรรคการเมืองทุกพรรค ผู้สมัคร ส.ส.ติดป้ายหาเสียงขนาดใหญ่ ห้ามมีรถแห่ ห้ามจัดเวทีปราศัย ห้ามมีระบบหัวคะแนนผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประธานชุมชนโดยจ้างวานหาเสียงแทน ถ้าทำจะมีความผิดให้ติดคุกไปเลย จะต้องให้ผู้สมัคร ส.ส.ดำเนินการหาเสียงด้วยตนเอง แจกการ์ดแนะนำตัวด้วยตนเอง หรือหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดียด้วยตนเองเพราะหาเสียงแบบนี้ต้นทุนน้อยสุด ถ้าได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็น ส.ส. หรือผู้บริหารประเทศก็จะไม่ต้องกังวลต้องทำนโยบายให้ผลประโยชน์ตกแก่นายทุนพรรค ก็จะทำให้นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก