นักวิชาการเกษตร ชี้ ยกเลิกสารพาราควอตทันที อาจกระทบต้นทุนเกษตรกร ทำให้ผลผลิตลดลง หวั่นจะปรับตัวไม่ทัน และจะสร้างปัญหาใหม่ให้สิ่งแวดล้อม
วันนี้ (19 ก.ย.) รศ.ดร.จำรูญ เล้าสินวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการวัชพืช มหาวิทยาลัยเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวถึงกระแสข่าวการต่อต้านพาราควอต ว่า ไม่เห็นด้วยหากจะยกเลิกการใช้แบบทันที โดยที่ยังไม่มีมาตรการรองรับที่ชัดเจน เพราะหากยกเลิกการใช้สารพาราควอต แบบทันด่วน อาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากต้องพิจารณาด้วยว่าเกษตรกรจะใช้อะไรทดแทนสารกำจัดวัชพืชดังกล่าว ส่วนตัวมองว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรในพื้นที่ขนาดใหญ่ เพราะคงไม่มีใครไปใช้มือถอนวัชพืชเอง และยังไม่มีแนวทางที่ดีกว่าให้เลือก เพราะหากยังไม่มีแนวทางที่ดีให้กับเกษตรกร อาจนำไปสู่การใช้สารเคมีตัวอื่นเพิ่มมากขึ้นไปอีก อาทิ การใช้ยาควบคุมการงอกของวัชพืช ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในด้านอื่นเพิ่มเติมแทน
“อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากมีการยกเลิกทันที คือ ผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของเกษตรกร เพราะถ้าหากเกษตรกรไม่ใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช จะทำให้ผลผลิตลดน้อยลง และถ้าหากใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชตัวอื่นแทน เกษตรกรอาจต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่มากขึ้นเพราะมีราคาสูงกว่ายาตัวเดิมมาก อีกทั้งสารเคมีชนิดอื่นก็อาจก่อปัญหาในแง่อื่นตามมาด้วย ทั้งนี้ ส่วนตัวขอเสนอว่าสำหรับกระบวนการการยกเลิกนั้น ในช่วงต้นหน่วยงานและฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะร่วมกันกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะยกเลิกสารดังกล่าวในช่วงไหนและอย่างไร โดยอาจเริ่มต้นจากการจำกัดการใช้ก่อน เพื่อให้เกษตรได้ปรับตัว และเพื่อให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ มาทดแทนได้ ซึ่งอาจใช้เวลาสักระยะ เพราะหากยกเลิกทันทีก็เหมือนไม่มีทางเลือกให้แก่เกษตรกรเลย ดังนั้นควรประเมินผลกระทบในด้านอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นให้มีความชัดเจนรอบก่อน” รศ.ดร.จำรูญ กล่าว
วันนี้ (19 ก.ย.) รศ.ดร.จำรูญ เล้าสินวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการวัชพืช มหาวิทยาลัยเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวถึงกระแสข่าวการต่อต้านพาราควอต ว่า ไม่เห็นด้วยหากจะยกเลิกการใช้แบบทันที โดยที่ยังไม่มีมาตรการรองรับที่ชัดเจน เพราะหากยกเลิกการใช้สารพาราควอต แบบทันด่วน อาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากต้องพิจารณาด้วยว่าเกษตรกรจะใช้อะไรทดแทนสารกำจัดวัชพืชดังกล่าว ส่วนตัวมองว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรในพื้นที่ขนาดใหญ่ เพราะคงไม่มีใครไปใช้มือถอนวัชพืชเอง และยังไม่มีแนวทางที่ดีกว่าให้เลือก เพราะหากยังไม่มีแนวทางที่ดีให้กับเกษตรกร อาจนำไปสู่การใช้สารเคมีตัวอื่นเพิ่มมากขึ้นไปอีก อาทิ การใช้ยาควบคุมการงอกของวัชพืช ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในด้านอื่นเพิ่มเติมแทน
“อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากมีการยกเลิกทันที คือ ผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของเกษตรกร เพราะถ้าหากเกษตรกรไม่ใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช จะทำให้ผลผลิตลดน้อยลง และถ้าหากใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชตัวอื่นแทน เกษตรกรอาจต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่มากขึ้นเพราะมีราคาสูงกว่ายาตัวเดิมมาก อีกทั้งสารเคมีชนิดอื่นก็อาจก่อปัญหาในแง่อื่นตามมาด้วย ทั้งนี้ ส่วนตัวขอเสนอว่าสำหรับกระบวนการการยกเลิกนั้น ในช่วงต้นหน่วยงานและฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะร่วมกันกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะยกเลิกสารดังกล่าวในช่วงไหนและอย่างไร โดยอาจเริ่มต้นจากการจำกัดการใช้ก่อน เพื่อให้เกษตรได้ปรับตัว และเพื่อให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ มาทดแทนได้ ซึ่งอาจใช้เวลาสักระยะ เพราะหากยกเลิกทันทีก็เหมือนไม่มีทางเลือกให้แก่เกษตรกรเลย ดังนั้นควรประเมินผลกระทบในด้านอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นให้มีความชัดเจนรอบก่อน” รศ.ดร.จำรูญ กล่าว