เลขาฯ JIGO ยื่นหนังสือ “ประยุทธ์” จี้อธิบดีกรมที่ดินเซ็นคำสั่งปมโฉนดที่ดิน 704-706 เปลี่ยนชื่อมิชอบ หลังตั้ง คกก.ตรวจสอบ ชี้ชัดผิดจริง แต่โยกโย้ อ้างใกล้เกษียณ
วันนี้ (11 ก.ย.) เวลา 11.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงาน ก.พ. น.ส.วิจิตติพร อภิบาลภูวนาถ เลขาธิการองค์การตรวจสอบอำนาจรัฐ (JIGO) ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจาก พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผบ.ทสส. สมาชิกสมาคมหอการค้ากรุงเทพ ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรณีคัดค้านการเปลี่ยนชื่อสารบัญโฉนดที่ดิน เลขที่ 704-706 จากสมาคมหอการค้ากรุงเทพเป็นหอการค้าไทย ทั้งนี้ ตนได้เดินทางมายื่นเรื่องดังกล่าวแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยอธิบดีกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งคณะกรรมการมีมติแล้วว่าเป็นการเปลี่ยนชื่อในสารบัญโฉนดที่ผิด แต่อธิบดีกรมที่ดินไม่ยอมลงนามในคำสั่ง โดยอ้างว่าให้รอคำสั่งศาล เพราะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลเป็นคำสั่งที่มิชอบ และตัวอธิบดีเองก็กำลังจะเกษียณอายุราชการ
น.ส.วิจิตติพรกล่าวว่า ถือเป็นการฉ้อฉลที่พยายามประวิงเวลาออกไป ทั้งที่จริงแล้วเมื่อมีคำวินิจฉัยตามกฎหมายปกครอง มาตรา 61 ต้องวินิจฉัยสิ่งที่คณะกรรมการได้ตัดสินว่าผิด อีกทั้งคำสั่งมีความสำคัญต่อผู้ร้อง เพื่อจะนำไปประกอบการพิจาณษคดีของศาล ไม่ใช่รอให้ศาลมีคำสั่งถึงกรมที่ดิน จึงขอคัดค้านหนังสือคำสั่งที่อธิบดีกรมที่ดินลงนามว่าให้คอยคำสั่งศาลนั้นเป็นคำสั่งที่มิชอบ และให้อธิบดีกรมทที่ดินมีหนังสือตอบรับตนภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือนี้ เพื่อดำเนินการางกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ โฉนดที่ดิน เลขที่ 704-706 ตั้งอยู่เลขที่ 150 ถนนราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ที่มีมูลค่าพร้อมสิ่งปลูกสร้างกว่าสองพันล้านบาท โดยจากเดิมสมาคมหอการค้ากรุงเทพ เปลี่ยนชื่อเป็น หอการค้าไทย เมื่อปี 14 สิงหาคม พ.ศ. 2545 โดยตามหลักฐานเอกสารการวินิจฉัยของกรมที่ดิน ระบุว่าสมาคมพ่อค้าไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมหอการค้าไทย ต่างจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มีวัตถุประสงค์คล้ายกัน แต่หอการค้าไทยจดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 10 เป็นการจดจัดตั้งใหม่ ไม่ปรากฏสมาคมหอการค้ากรุงเทพได้ยื่นจดเป็นหอการค้าไทยตามหลักฐานจากรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์
โดยสมาคมพ่อค้าไทยฯจดจัดตั้งสมาคมหอการค้ากรุงเทพนั้น ต่างมีวัตถุประสงค์คล้ายกันเป็นคนละนิติบุคคล และได้แยกหน่วยการทำงานออกจากกันในปี 2497 แต่หอการค้าไทยถือวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ.หอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 10 ต่างเป็นนิติบุคคลแยกจากกัน การอ้างการเปลี่ยนชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์จากสมาคมหอการค้ากรุงเทพ เป็นหอการค้าไทย เป็นการกระทำที่มิชอบ
วันนี้ (11 ก.ย.) เวลา 11.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงาน ก.พ. น.ส.วิจิตติพร อภิบาลภูวนาถ เลขาธิการองค์การตรวจสอบอำนาจรัฐ (JIGO) ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจาก พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผบ.ทสส. สมาชิกสมาคมหอการค้ากรุงเทพ ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรณีคัดค้านการเปลี่ยนชื่อสารบัญโฉนดที่ดิน เลขที่ 704-706 จากสมาคมหอการค้ากรุงเทพเป็นหอการค้าไทย ทั้งนี้ ตนได้เดินทางมายื่นเรื่องดังกล่าวแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยอธิบดีกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งคณะกรรมการมีมติแล้วว่าเป็นการเปลี่ยนชื่อในสารบัญโฉนดที่ผิด แต่อธิบดีกรมที่ดินไม่ยอมลงนามในคำสั่ง โดยอ้างว่าให้รอคำสั่งศาล เพราะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลเป็นคำสั่งที่มิชอบ และตัวอธิบดีเองก็กำลังจะเกษียณอายุราชการ
น.ส.วิจิตติพรกล่าวว่า ถือเป็นการฉ้อฉลที่พยายามประวิงเวลาออกไป ทั้งที่จริงแล้วเมื่อมีคำวินิจฉัยตามกฎหมายปกครอง มาตรา 61 ต้องวินิจฉัยสิ่งที่คณะกรรมการได้ตัดสินว่าผิด อีกทั้งคำสั่งมีความสำคัญต่อผู้ร้อง เพื่อจะนำไปประกอบการพิจาณษคดีของศาล ไม่ใช่รอให้ศาลมีคำสั่งถึงกรมที่ดิน จึงขอคัดค้านหนังสือคำสั่งที่อธิบดีกรมที่ดินลงนามว่าให้คอยคำสั่งศาลนั้นเป็นคำสั่งที่มิชอบ และให้อธิบดีกรมทที่ดินมีหนังสือตอบรับตนภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือนี้ เพื่อดำเนินการางกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ โฉนดที่ดิน เลขที่ 704-706 ตั้งอยู่เลขที่ 150 ถนนราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ที่มีมูลค่าพร้อมสิ่งปลูกสร้างกว่าสองพันล้านบาท โดยจากเดิมสมาคมหอการค้ากรุงเทพ เปลี่ยนชื่อเป็น หอการค้าไทย เมื่อปี 14 สิงหาคม พ.ศ. 2545 โดยตามหลักฐานเอกสารการวินิจฉัยของกรมที่ดิน ระบุว่าสมาคมพ่อค้าไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมหอการค้าไทย ต่างจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มีวัตถุประสงค์คล้ายกัน แต่หอการค้าไทยจดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 10 เป็นการจดจัดตั้งใหม่ ไม่ปรากฏสมาคมหอการค้ากรุงเทพได้ยื่นจดเป็นหอการค้าไทยตามหลักฐานจากรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์
โดยสมาคมพ่อค้าไทยฯจดจัดตั้งสมาคมหอการค้ากรุงเทพนั้น ต่างมีวัตถุประสงค์คล้ายกันเป็นคนละนิติบุคคล และได้แยกหน่วยการทำงานออกจากกันในปี 2497 แต่หอการค้าไทยถือวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ.หอการค้า พ.ศ. 2509 มาตรา 10 ต่างเป็นนิติบุคคลแยกจากกัน การอ้างการเปลี่ยนชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์จากสมาคมหอการค้ากรุงเทพ เป็นหอการค้าไทย เป็นการกระทำที่มิชอบ