6 พรรคร่วมโชว์วิสัยทัศน์ ปชป.ฉะออกกฎหมายอุปสรรคต่อการพัฒนาพรรค นายกฯ คนนอกเกิดยาก พท.โวนโยบายโดนใจทำได้จริง เตรียมรื้อยุทธศาสตร์ชาติ ภท.ห่วงเวลาหาเสียงน้อย กั๊กหนุนนายกฯ คนนอก “ธนาธร” ขอทุกพรรคสกัด คสช.ยื้ออำนาจ รปช.ลั่นไม่ใช่ไพรมารีจริง
วันนี้ (4 ก.ย.) สถาบันพระปกเกล้าจัดสัมมนาเป็นวันที่ 2 ในโอกาสครบรอบ 20 ปีแห่งการสถาปนาสถาบันพระปกเกล้า โดยมีการเสวนาเรื่อง “พรรคการเมืองไทยบนเส้นทางแห่งการปฏิรูป” มีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป และนายประสาร มฤคพิทักษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การตรากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองมีมุมมองที่จะจัดรูปแบบให้พรรคการเมืองเป็นองค์กรสำเร็จรูป แม้เป็นเจตนาที่ดี แต่เป็นอุปสรรคต่อวิวัฒนาการของพรรคการเมืองตามธรรมชาติ อีกทั้งยังมีบทบัญญัติที่มีปัญหาในทางปฏิบัติทำให้มีการแก้ไขอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากอยากเห็นพรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย จำเป็นต้องทบทวนวิธีการเขียนกฎหมายหรือการควบคุมกำกับดูแลพรรคการเมือง ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นการรวมตัวของนักการเมืองที่มีอุดมการณ์เหมือนกันมาหลอมรวมการทำงานร่วมกัน จึงไม่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ผ่านมา 7 ทศวรรษกว่าก็เปลี่ยนผ่านคนหลายรุ่น มีการแข่งขันภายในพรรค เลือกตั้งหัวหน้าพรรค ตนเป็นคนที่ 7 การวางรากฐานความเป็นเจ้าของพรรคของสมาชิกก็ได้ทำมาโดยลำดับ รวมถึงการให้สมาชิกเสียค่าบำรุงพรรคด้วยก่อนที่จะมีกฎหมายกำหนด พื้นฐานของประชาธิปัตย์จึงเดินบนหลักการประชาธิปไตย ส่วนการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคนั้น ตนก็ริเริ่มกระบวนการสมัชชาประชาชนระดมความคิดกำหนดทิศทางนโยบายพรรคจนกลายเป็นวัฒนธรรมของพรรคโดยในการเลือกตั้งครั้งหน้าหลังการคลายล็อก ก็เตรียมที่จะทำกิจกรรมเช่นเดียวกันซึ่งจะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาผสมผสานให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางมากขึ้น นอกจากนี้การเลือกผู้สมัครพรรคก็ให้สาขาและสมาชิกแสดงความเห็นโดยตลอด เมื่อกฎหมายกำหนดรูปแบบไพรมารีก็มีเป้าหมายระดมสมาชิกและจัดตั้งสาขาเพื่อให้ฐานกว้างในการดำเนินการไพรมารีไม่ให้ผู้บริหารเข้าไปชี้นำได้ แต่ผู้มีอำนาจก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทำแล้ว
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ในส่วนการเลือกผู้บริหารพรรคนั้นจะมีการเพิ่มกระบวนการใหม่ให้สมาชิกปัจจุบันและคนที่เคยเป็นสมาชิกทั้งกว่าสองล้านคนและสมาชิกใหม่มีส่วนร่วมในการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคโดยตรง เปิดให้ลงคะแนนผ่านโทรศัพท์มือถือและแอพพลิชันได้ แม้ไม่มีผลทางกฎหมายแต่ที่ประชุมใหญ่จะเคารพการตัดสินใจของสมาชิกทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคที่ประชาธิปัตย์จะเดินหน้าเป็นสถาบันการเมืองของประเทศไทยต่อไปและเห็นว่ามีสามเรื่องที่ต้องทำเพื่อพัฒนาประชาธิปไตย คือ 1. ต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำรัฐประหาร คือ ต้องให้มีการทำกิจกรรมพรรคการเมืองเป็นไปอย่างเสรีโดยเร็ว และการเลือกตั้งที่เป็นจุดเริ่มต้นสร้างประชาธิปไตยต้องเสรีและเป็นธรรม ซึ่งพรรคจะต่อต้านปัญหาการซื้อเสียงการใช้อำนาจโดยมิชอบ การเอาคดีความมาต่อรอง เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรอุบาทว์ เมื่อมีการเลือกตั้งแล้วต้องให้ประชาชนที่ลงคะแนนกำหนดอนาคตประเทศอย่างแท้จริงจึงเรียกร้องให้ ส.ว.250 คน เคารพการตัดสินใจของประชาชน คือใครรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ก็มีสิทธิตั้งรัฐบาล โดยพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี การจะเอานายกคนนอกต้องใช้เสียงถึงห้าร้อยเสียงจึงไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นและเห็นว่าต้องทบทวนกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยประชาธิปัตย์สนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
2. ต้องเก็บเกี่ยวบทเรียนจากในอดีตว่าทำไมประเทศไทยจึงอยู่ในสภาพนี้ การที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งใช้อำนาจโดยมิชอบเป็นตัวทำลายประชาธิปไตย จุดยืนของพรรคคือเมื่อเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยต้องไม่ทำในสิ่งที่สร้างปัญหาในอดีต และ 3. ค่านิยมประชาธิปไตยถูกบั่นทอนจากความรู้สึกที่ว่าสังคมมีความเหลื่อมล้ำสูง พรรคจึงมีนโยบายที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ยึดอยู่กับการวัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจากตัวเลขจีดีพี และจะแก้ปัญหาระบบการผูกขาด การเอารัดเอาเปรียบจากอำนาจทุน ซึ่งจะเป็นตัววัดว่าพรรคการเมืองตกอยู่ในอำนาจทุนหรือไม่ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์มีอำนาจก็จะรักษาประชาธิปไตยด้วยการปฏิบัติเคารพเสียงข้างน้อย ยอมรับการตรวจสอบ ไม่แสวงหาประโยชน์ เพื่อพัฒนาประชาธิปไตยไปสู่ความยั่งยืนไม่มีความขัดแย้ง
ด้านนายจาตุรนต์กล่าวว่า ในช่วงปลายของพรรคไทยรักไทยมีแผนที่จะทำไพรมารีโหวต ทั้งที่ยังไม่มีกฎหมายกำหนด โดยสิ่งที่ควรคาดหวังกับพรรคการเมืองคือการสังเคราะห์นโยบายที่ตรงกับความต้องการของประชาชน ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของพรรคมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทยที่นโยบายตรงกับความต้องการของประชาชนและทำได้จริง นอกจากนี้ พรรคตกเป็นเหยื่อการทำรัฐประหารมาสองรอบ จึงมีบทบาทในเรื่อง การสร้างประชาธิปไตยด้วย ซึ่งจะให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการกำหนดผู้บริหารไปจนถึงนโยบาย เพื่อให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองต่อไป ในขณะเดียวกันพรรคก็ให้ ความสำคัญกับการปฏิรูปประเทศ ซึ่งสี่ปีกว่าที่ผ่านมายังไม่เห็นการปฏิรูปประเทศทั้งๆที่มีการเรียกร้องก่อนหน้านี้ อีกทั้งหลังการเลือกตั้งจะมีความยากลำบากในการบริหารเพราะต้องทำตามแผนยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งพรรคจะรื้อเรื่องนี้ และย้ำว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง ไม่สนับสนุนนายกคนนอก และจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่มีผู้นำคสช.ไปอยู่ในบัญชีรายชื่อ เพราะไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ
ขณะที่นายสรอรรถเห็นว่า ความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ โดยต้องไม่ถูก ครอบงำจากทุนหรือนักธุรกิจ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยตั้งมาสิบปีก็เปิดให้สมาชิกมีส่วนร่วมในทุกเรื่อง แต่ขณะนี้กิจกรรมทางการเมืองยังทำไม่ได้เพราะถูกแช่แข็งจึงต้องเตรียมความพร้อมทุกเรื่องเพื่อก้าวสู่การเลือกตั้ง เพราะจะมีช่วงเวลาหาเสียงค่อนข้างน้อย มากที่สุดแค่สามสิบวัน ซึ่งต้องใช้โซเชียลมีเดียมาช่วย และมีข้อจำกัดหลายเรื่องจากบทบัญญัติของกฎหมาย อย่างไรก็ตามไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมยอมรับทุกเรื่อง และขอให้ทุกพรรคการเมืองยอมรับเพื่อไม่ให้กลับไปสู่วังวนการปฏิวัติ ทั้งนี้ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนหัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ โดยการเลือกนายกรัฐมนตรีขอให้เป็นไปตามกติกา
ส่วนนายธนาธรกล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่เกิดจากซากปรักหักพังของสังคมที่หาทางออกไม่ได้ จึงต้องการนำประเทศไทยกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยบนความเสมอภาคของทุกคนภายใต้กฎหมาย โดยไม่ต้องรอให้มีอำนาจหรือเป็นรัฐบาล จึงเริ่มประชาธิปไตยตั้งแต่ภายในพรรค จะมีการเปิดบัญชีทุกไตรมาสเพื่อความโปร่งใสทางการเงิน และจะไม่มีการซื้อเสียง หรือซื้อ ส.ส. กลุ่มก๊วนเข้าพรรค การเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่ได้ใช้เงินเยอะใช้แค่ 350 ล้านในการส่งผู้สมัคร 350 เขต โดยไม่ว่ากฎหมายจะกำหนดหรือไม่ก็จะเปิดให้สมาชิกทำไพรมารีเลือกผู้สมัคร เชื่อว่าอนาคตใหม่จะมีสถานะเป็นพรรคภายในกลางเดือนนี้ซึ่งจะมีการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง และเห็นว่าต้องปลดล็อกสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ รวมถึงปรับโครงสร้างที่กดทับสังคมไทย ทั้งนี้พรรคอนาคตใหม่เสนอ 3 ภารกิจ คือ หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 60 ทั้งฉบับ และล้มล้างผลพวงของรัฐประหารให้ได้ ทำให้ประเทศไทยไม่มีการทำรัฐประหารอีก ให้รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ จึงอยากให้ประชาชนดูว่าพรรคไหนสนับสนุนการสืบทอดอำนาจพรรคไหนสนับสนุนประชาธิปไตย ซึ่งประชาชนต้องเป็นผู้กดดันให้พรรคการเมืองหันเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยด้วยการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. จึงขอชักชวนให้คนไทยเรียกร้องให้ทุกพรรคหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.และยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดยพรรคการเมืองควรหยุดแทงกั๊ก และแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ ไม่ว่าจะวิธีการใดๆ เพราะเชื่อว่าถ้าทุกพรรคการเมืองร่วมกันสามารถทำได้ หากตนกราบแล้วเชื่อก็จะยอมกราบ
ด้านนายไพบูลย์กล่าวว่า การสร้างประชาธิปไตยภายในพรรคมีสามลำดับคือความเป้นประชาธิปไตยที่กำหนดโดยกฎหมายพรรคการเมือง ข้อบังคับพรรคและการสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยเพิ่มอำนาจให้ประชาชนด้วยการตั้งสภาประชาชนทั้ง 77 จังหวัดเพื่อให้เข้ามามีบทบาทโดยตรงกับพรรค และเห็นว่าหากไม่ต้องการให้มีการปฏิวัติต้องเริ่มจากพรรคการเมืองไม่ลุแก่อำนาจ เดินหน้าสู่นิติรัฐ พร้อมกับยืนยันความคิดที่ว่านายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องมาจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองเป็นคนนอกก็ได้ และยังคงสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหากมาตามช่องทางของรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะจากบัญชีรายชื่อหรือนอกบัญชี ก็ถือว่าเป็นคนนายกในรัฐธรรมนูญ แต่ไม่สนับสนุนนายกนอกรัฐธรรมนูญจากต่างประเทศ
นายประสารกล่าวถึงปัญหาการซื้อตัว ส.ส. ระบบอุปถัมภ์และระบบทุน นำไปสู่วงจรอุบาทว์เกิดรัฐบาลโกงทำให้ประชาชนต่อต้าน กระทั่งมีการทำรัฐประหาร พรรครวมพลังประชาชาติไทยจะคัดเลือกผู้สมัครที่มีอุดมการณ์มาทำงานการเมือง และเห็นว่าการกำหนดรูปแบบไรมารีโหวตใหม่ ที่จะออกคำสั่งหัวหน้าคสช.มาแก้ไขจากกฎหมายพรรคการเมืองนั้นไม่ใช่กระบวนการทำไพรมารีโหวตที่แท้จริง พร้อมยืนยันว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทยพร้อมที่จะทำไพรมารีโหวตตามที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดส่วนหลังเลือกตั้งการเลือกนายกรัฐมนตรีก็ต้องเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดหากไปถึงขั้นตอนที่ต้องเลือกนายกคนนอกก็จะกลับไปถามความต้องการของสมาชิกก่อน
