xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยกฟ้องคดี “หม่อมกร” ฟ้อง “อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ” ข้อหาหมิ่นประมาท ปมข้อความ “เลวนะ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี - นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี
ศาลอุทธรณ์พิพากษา ยกฟ้อง คดี “หม่อมกร” ฟ้อง “อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ” ข้อหาหมิ่นประมาท กรณีแชร์ข้อความทางเฟซบุ๊กเน้นคำว่า “เลวนะ” ศาลชี้ถ้อยคำดังกล่าวยังไม่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงหรือใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค.61 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ พิพากษาคดีที่ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนโยบายพลังงานและทรัพยากร มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เป็นจำเลยในฐานความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากการแชร์รูปภาพและ โพสต์ข้อความ “...เขียนเชิงสงสัยไม่น่าจะผิด แต่ชี้นำให้คนอื่นคิดผิดๆ เพราะตัวเองเคยเป็นแกนนำคนคิดผิดเนี่ย เลวนะ...” ในเฟซบุ๊กที่ทำให้โจทก์เสื่อมเสีย โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ นายวีระศักดิ์ มีความผิด และให้รอลงอาญาโทษจำคุก 9 เดือน เป็นระยะเวลา 2 ปี ต่อมา นายวีระศักดิ์ ได้ยื่นคำร้องขออุทธรณ์

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในชั้นศาลอุทธรณ์ได้กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้ยกฟ้องนายวีระศักดิ์ และระบุในคำพิพากษาใจความสรุปว่า ตามคำฟ้องโจทก์ ระบุข้อความหมิ่นประมาทเพียงว่า “ตัวเองเป็นแกนนำคนคิดผิดเนี่ย เลวนะ” โดยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและชั้นพิจารณาโจทก์เพียงเบิกความว่า ถ้อยคำดังกล่าวแสดงว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี แย่ ไม่ควรได้รับการยกย่องนับถือเท่านั้น เมื่ออ่านข้อความในเอกสารทั้งหมด ในช่วงบนเป็นข้อความของโจทก์ที่เผยแพร่ในเฟซบุ๊กของโจทก์ ว่า “ตอนน้ำมันขึ้นราคา สินค้าก็ขึ้นราคา ตอนน้ำมันดิบลงเกิน 50% มีอะไรในประเทศราคาลง 50% บ้างหรือไม่ แม้แต่ราคาน้ำมันก็ลงมาประมาณ 20% เท่านั้น น่าคิดว่า เราสามารถจัดการให้มีประสิทธิภาพได้มากกว่านี้หรือไม่” อันเป็นการที่โจทก์ตั้งคำถามเกี่ยวกับการบริหารจัดการกลไกราคาสินค้าและราคาน้ำมันที่ไม่ลดราคาลงตามราคาน้ำมันดิบ

ทั้งนี้ ในช่วงกลางซึ่งเป็นข้อพิพาทในคดีนี้ที่เจ้าของเฟซบุ๊ก “อยากคุยกับหม่อมกร” เขียนเพิ่มเติมด้วยลายมือตั้งคำถามโจทก์ว่า “น่าคิดว่า 1.บ้านหม่อมเติมน้ำมันดิบเหรอ ราคาหมูหน้าฟาร์มเท่าราคาตลาดแถวๆ บ้านหม่อมหรือเปล่า 2.น้ำมันดิบมีมากพอไม่ต้องน้ำเข้า ไม่...ค่าขนส่งหรือไง 3.จงใจไม่พูดเรื่องภาษีและเงินกองทุนที่รัฐเก็บหรือเปล่าครับ เพราะเงินส่วนนี้ไม่ได้ขึ้นลงตามราคาน้ำมัน เขียนเชิงสงสัย ไม่น่าจะผิด แต่ชี้นำให้คนอื่นคิดผิดๆ เพราตัวเองเคยเป็นแกนนำคนคิดผิดเนี่ย เลวนะ จะไปใช้มุกตรวจสอบโดนสุจริตคงไม่มีใครเชื่อ เพราพฤติกรรมก่อนนี้ชัดเจนความผิดสำเร็จแล้ว” เท่านั้น โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงยืนยันว่า โจทก์ชี้นำใครและคิดผิดเรื่องอะไร เพราะการที่โจทก์ตั้งคำถามเกี่ยวกับราคาน้ำมัน ราคาสินค้า และการบริหารจัดการในเรื่องดังกล่าวไม่ใช่การชี้นำให้บุคคลอื่นต้องเชื่อตามโจทก์ แม้จำเลยจะเข้าใจว่าการลงข้อความของโจทก์เป็นการชี้นำประชาชนให้เข้าใจผิดก็ตาม แต่เมื่อข้อความดังกล่าวไม่ยืนยันว่าโจทก์เคยเป็นแกนนำใคร เมื่อไร และโจทก์ชี้นำอย่างไร ให้ใครคิดผิดเรื่องอะไรโดยชัดแจ้งแล้ว บุคคลทั่วไปอ่านข้อความอาจไม่เข้าใจหรือทราบว่า ข้อความดังกล่าวประสงค์จะสื่อข้อเท็จจริงเรื่องอะไร อันเป็นการใส่ความโจทก์อย่างไร หากต้องการทราบอาจต้องสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมอันแสดงว่าบุคคลทั่วไปไม่เข้าใจไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงที่จะใส่ความโจทก์ จากข้อความที่โจทก์นำมากล่าวในการฟ้องโดยตรง ข้อความดังกล่าวจึงไม่ใช่การกล่าวใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม แม้จะปรากฏว่าผู้ใช้เฟซบุ๊ก “อยากคุยกับหม่อมกร” จะเน้นคำว่า “เลวนะ” อันเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่ามีความหมายว่าโจทก์เป็นคนเลว อันเป็นการลดคุณค่าโจทก์จึงเป็นการใส่ความโจทก์นั้น

“เห็นว่า แม้ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “อยากคุยกับหม่อมกร” ประสงค์จะลดศักดิ์ศรีของโจทก์ด้วยการดูหมิ่นเสียดสี แต่ถ้อยคำดังกล่าวยังไม่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงหรือใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามแต่อย่างไร ลำพังแต่ถ้อยคำดังกล่าวยังไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ตามกฎหมาย ดังนั้น เมื่อจำเลยคัดลอกข้อความและภาพดังกล่าวมาเผยแพร่ในเฟซบุ๊กของจำเลยต่ออีกทอด จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามกฎหมายเช่นกันการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น กรณีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของจำเลยอีก ส่วนอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษสถานหนัก จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง” คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ระบุ


















กำลังโหลดความคิดเห็น