36 สนช.ถอนแล้วแก้ พ.ร.ป.กกต.ยอมให้เป็นหน้าที่ กกต.ชุดใหม่ อ้างฟังเสียงเพื่อน สนช.สังคมไม่เห็นด้วย ปัดเสียหน้า ด้านวิป สนช.แจง 3 ทางถอนร่าง มือกฎหมาย ปชป.ขอบคุณที่ฟังกระแสสังคม เตือนอย่าทำตัวเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี
วันนี้ (16 ส.ค.) นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ สนช. แกนนำยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (พ.ร.ป.กกต.) กล่าวว่า ได้ประชุมกับ สนช.36 คนที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไข พ.ร.ป.กกต.เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ได้ข้อสรุปตรงกันเป็นมติเอกฉันท์ว่า หลังจากที่มีการโปรดเกล้าฯ กกต.ใหม่ 5 คนแล้ว ก็ควรให้เป็นหน้าที่ของ กกต.ใหม่ดำเนินการคัดเลือกและตรวจสอบผู้ตรวจการเลือกตั้ง 616 คน เพื่อแก้ไขปัญหากันเอง จึงหมดความจำเป็นที่จะเสนอแก้ไขกฎหมายลูก กกต.ต่อไป จึงได้ไปถอนเรื่องการเสนอแก้ไขกฎหมายดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ถือเป็นหน้าที่ กกต.ชุดใหม่จะไปแก้ปัญหากันเอง ขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกันแสดงความคิดเห็น ขอยืนยันว่าเจตนาการเสนอแก้ไขกฎหมาย เพื่อต้องการให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต ยุติธรรม ไม่มีวัตถุประสงค์ยื้อโรดแมปเลือกตั้งแต่อย่างใด
นายกิตติศักดิ์ รัตนะวราหะ สมาชิก สนช.ที่ร่วมลงชื่อกล่าวว่า หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการจะถอนเรื่องอย่างไร ขึ้นอยู่กับวิป สนช. เช่น เมื่อร่างกฎหมายเข้าสู่วิป สนช.ก็ให้ตีตกไป เหตุผลที่เห็นว่าสมควรถอย ไม่ได้เป็นเพราะมีเสียงคัดค้านนับแสนจากเว็บไซต์ของรัฐสภาที่เปิดให้แสดงความคิดเห็นต่อร่างแก้ไข พ.ร.บ.กกต. เพราะคะแนนเหล่านั้นมาจากการจัดตั้ง วัดไม่ได้ แต่ประเมินจากเสียงของเพื่อน สนช.หลายคนที่ไม่เห็นด้วย ตลอดจนผู้ใหญ่ และกระแสสังคมบางส่วนที่คัดค้าน ที่เห็นว่า กฎหมายยังไม่ทันได้บังคับใช้ เหตุใดจึงรีบแก้ไข และเกรงว่าหากให้แก้ไขกฎหมายลูกกันง่ายๆ อาจเป็นช่องทางให้แก้กฎหมายลูกอื่นๆ ได้ในอนาคต การถอยครั้งนี้ไม่คิดว่าเสียหน้า เพราะเรารับฟังเสียงสังคม ถ้ารู้ว่าเดินหน้าแล้วสังคมไม่ตอบรับก็ไม่ควรทำ หากจะแก้ไขกฎหมายลูก กกต.จะปล่อยให้หน้าที่ของรัฐบาลสมัยหน้า
ด้านนายสมชาย แสวงการ เลขานุการวิป สนช.กล่าวว่า เชื่อว่าแนวโน้มน่าจะออกมาในทางที่ดี ขณะนี้มีทางออกอยู่ 3 ทาง คือ 1. สนช.ที่เข้าชื่อเสนอแก้กฎหมายขอถอนร่างกฎหมายเอง 2. หากนำเรื่องเข้าวิป สนช.และวิป สนช.เกรงจะเป็นกฎหมายที่อาจเกิดปัญหา สร้างความเข้าใจผิดก็จะให้คำแนะนำแก่ผู้เสนอกฎหมาย แต่ขึ้นอยู่กับผู้เสนอกฎหมายจะถอนเรื่องหรือไม่ 3. ให้ทำเป็นข้อสังเกตถึงปัญหาผู้ตรวจการเลือกตั้ง เสนอต่อรัฐบาลหน้าเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผู้เสนอกฎหมายจะดำเนินการอย่างไร เชื่อว่าขั้นตอนการให้ กกต.ใหม่เป็นผู้ตรวจสอบกลั่นกรองผู้ตรวจการเลือกตั้ง 616 คน น่าจะเป็นทางออกที่สร้างความพอใจแก่ทุกฝ่าย แต่หากนายมหรรณพยังเห็นว่ากระบวนการคัดเลือก และตรวจสอบผู้ตรวจการเลือกตั้งยังมีปัญหาอยู่ก็มีสิทธิ์เสนอแก้ไขกฎหมายเข้ามาใหม่ได้
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอบคุณวิป สนช.ที่รับฟังกระแสของสังคม เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ต้องรับฟังซึ่งกันและกัน ต้องไม่ลืมว่าสังคมมีเจตนาที่ดีให้ผู้ที่มีอำนาจ เดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่ว่า สนช, คสช., กกต.ต้องฟัง พลังโซเชียลมีเดียมีผลในสนามเลือกตั้งหน้าอย่างมาก ต้องช่วยสกัดกั้นการใส่ความ ใส่ร้าย เพื่อสนามเลือกตั้งจะได้ใสสะอาด อีกเรื่องสำคัญคือ กกต.ชุดใหม่ ท่านต้องมีความสุจริตโปร่งใส กล้าหาญปราศจากอคติ สำคัญในระบบการเลือกตั้งที่จะถึงนี้จะมีการใช้โซเชียลมีเดียทำลายหรือสร้างข่าวเท็จ หรือสร้างกระแสที่ไม่ถูกต้องมากมายจึงหวังว่า กกต.ชุดใหม่จะได้ตระหนักและเตรียมการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังให้ทันท่วงที เพราะพลังโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นเเล้วว่าคนไทยรู้ทันหมดแล้ว จึงขอเตือนไปยังพวกที่ชอบฝืนกระแสทั้งหลายว่าอย่าทำตัวเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี