xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” จับตาคนนอกหนุนพรรค ไม่ลืมประกาศท่าทีการเมือง ไล่สื่อถาม ปชช.เชียร์อยู่ต่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” จับตาคนนอกหนุนพรรคการเมือง บอกเคยเตือนไปแล้ว ลั่น ไม่ลืมคำพูด ก.ย. ประกาศท่าทีการเมืองชัด ไล่สื่อถาม ปชช. ทำไมถึงคาดหวัง จนเชียร์ นั่ง “นายกฯ” ต่อ

วันนี้ (14 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความเคลื่อนไหวปลุกระดมนักการเมืองในต่างประเทศของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้สื่อมวลชนก็รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร ขณะนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีความผิดตามกฎหมายอะไรหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ตนเคยเตือนไปแล้วไม่ใช่หรือ ก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณากันต่อไป ส่วนการสนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆของคนนอก เรื่องนี้ต้องไปดูกฎหมายอีกครั้ง ไม่ใช่พอถึงเวลา พอมีการบังคับใช้กฎหมายก็กลายเป็นว่า ไม่มีความเป็นธรรมกันขึ้นมาอีก เรื่องนี้มีปัญหากันมาโดยตลอด สื่อมวลชนต้องช่วยกันทำความเข้าใจด้วย แต่สิ่งสำคัญคือ ผู้ที่เคลื่อนไหวในต่างประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศก็มีกฎหมายเป็นของตัวเอง แตกต่างกันคนละอย่างสองอย่าง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดำเนินการอะไรได้มากนัก ทั้งนี้ เราก็ต้องทำทุกอย่างให้ครบตามขั้นตอนและกระบวนการ อย่างครั้งที่แล้วก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว แต่ก็กลายเป็นว่ารัฐบาลไปไล่ล่า ถ้าทุกคนอยู่กันแบบสงบเงียบเรียบร้อย ก็ไม่มีปัญหาที่ต้องไปทำอะไรกันต่อเพราะต่างก็มีคดีกันอยู่ทั้งสิ้น

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า คำถามจากสื่อมวลชนในวันนี้เป็นเรื่องของการเมือง อย่างว่าเป็นนักข่าวสายการเมือง ก็ต้องถามเรื่องการเมือง แต่ถามก็ขออย่าให้มีปัญหาก็แล้วกัน ส่วนการเดินสายของกลุ่มสามมิตร สี่มิตร ห้ามิตร ตนไม่รู้ เขาอยู่กลุ่มไหนพรรคไหน ตนก็ยังไม่รู้เหมือนกัน และพรรคอื่นที่มีการเดินสายอะไรอยู่ จะกลายเป็นว่าทำไมพรรคนี้พูด พรรคนั้นไม่ได้พูด ซึ่งตนเห็นว่าทุกคนก็พูด พรรคอะไรใหม่ๆ ชื่ออะไรใหม่ๆ ก็ลงไปพูดไปเยี่ยมประชาชน เดินสายอะไรต่างๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ารัฐบาลไปปิดกั้นอะไรทั้งหมด วันนี้รัฐบาลพยายาม อะไรที่พอจะให้เขาสามารถมีทางออกบ้าง ก็ปล่อยเขาพูดไป และวันนี้ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกที่ออกมาพูดอยู่พรรคไหน ขณะที่บางพรรคที่มีชื่อพรรคอยู่แล้ว ก็ออกไปพูดได้ ฉะนั้น เรื่องนี้อย่ากังวล เป็นเรื่องที่คสช.ดูอยู่ เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเกินเลย เขาก็ต้องดำเนินการอยู่แล้ว รัฐบาลไม่ได้ไปเอื้อประโยชน์อะไรให้กับใคร

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีการมองว่า การปล่อยให้กลุ่มสามมิตรเคลื่อนไหวในช่วงที่ยังไม่ปลดล็อกจะทำให้หลายพรรคการเมืองมองว่าตัวเองถูกมัดมือชกหรือไม่นั้น ตนเห็นว่าทุกพรรคก็พูดกันหมดในสื่อในโซเชียลก็พูดกัน ทุกวันด่ากันไปด่ากันมา มันก็ไม่พ้นเดิมๆ มันจะไปแก้ไขกันได้อย่างไร เมื่อถามถึงความคืบหน้าตามที่นายกฯ เคยระบุว่าต้องปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้มีการทำหลายอย่างด้วยกัน จะเห็นว่ามีกฎหมายออกมามากมายในรัฐธรรมนูญในบทเฉพาะกาล และคำสั่ง ม.44 ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีกในอนาคต ฉะนั้น เราทุกคนต้องช่วยกันว่าความมุ่งหมายของการปฏิรูปออกมาเพื่ออะไร

“ไม่ใช่เพื่อจะสืบทอดอำนาจ แต่เพื่อไม่ให้เรื่องเดิมๆ เกิดขึ้นมาอีก วันนี้นักการเมืองหน้าใหม่ต้องคอยดูว่าแต่ละพรรคจะส่งใครมาลงเลือกตั้ง อันนั้นเป็นเรื่องของประชาชนที่จะพิจารณากันเอง ผมคิดว่าหลายพรรคการเมืองคงต้องมีคนใหม่มาด้วย คนเก่ามาบ้าง อะไรทำนองนี้ เพราะประชาชนส่วนหนึ่งยังนิยมชมชอบนักการเมืองเดิมๆ ของตัวเองอยู่ นี่คือ ปัญหาของเราที่จะต้องสร้างความเข้าใจกัน การที่เราจะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลจะต้องเป็นอย่างไร ฉะนั้น ใครก็ตามที่เข้าสู่การเมืองในระยะหน้า ก็ต้องปรับปรุงตัวเอง ถ้าใครที่ไม่ได้มีข้อห้ามทางกฎหมาย เราก็ไปห้ามเขาไม่ได้ หากเขาจะไปลงเลือกตั้งที่ไหนก็ตาม ทั้งนี้ความสำคัญขึ้นอยู่กับประชาชนจะเป็นผู้เลือก เราก็ไปดูแลเรื่องการทุจริตต่างๆ ในการเลือกตั้งจะดีกว่า เรื่องความโปร่งใส เราต้องช่วยกัน” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ในการออก ม.44 เพื่อปลดล็อกให้กกต.ชุดปัจจุบันสามารถแบ่งเขตเลือกตั้งได้ในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ต้องรอ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่าง 90 วัน กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว รัฐบาลได้ทูลเกล้าฯ พ.ร.ป.ส.ส.-ส.ว.ไปหมดแล้ว เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มาเมื่อไหร่ก็ตาม ก็จะมีการพิจารณา เรื่องการคลายล็อกบางเรื่องและทำเรื่องอื่นๆ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งตามที่ได้เคยกล่าวไว้แล้วอย่ากังวล”

เมื่อถามว่า การแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประเด็นการคัดสรรผู้ตรวจการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ยังไม่ออกมาจะไปแก้อะไรกัน เสนอขึ้นไปแล้ว เมื่อพิจารณาโปรดเกล้าฯลงมาก็ต้องหาวิธีการ ว่าทำอย่างไรให้สามารถทำงานได้ ทั้ง กกต.เก่า กกต.ใหม่ อะไรที่จะร่วมมือกันได้ เช่น การเลือกตั้งคณะกรรมการจังหวัด โดยให้กกต.ใหม่ได้มีส่วนรวมพิจารณาไปอีกชั้นหนึ่งด้วยแค่นั้น ว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ก็ต้องเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกทั้งหมด หรือแก้ไขอะไรไปกันใหญ่โต เพื่อไปสู่การดึงการเลือกตั้งให้เลื่อนออกไป ผมไม่เคยอยากจะเลื่อนอะไรซักอย่าง แต่เป็นเรื่องของกฎหมาย ท่านเข้าใจคำว่ากฎหมายไหม”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นตั้งเยอะในบ้านเมืองของเราหลายเรื่องด้วยกัน เอาเรื่องดีๆ ออกไปเยอะๆ บ้านเมืองเราจะมีความสุขขึ้น คนก็จะไม่มากังวลเรื่องนี้เรื่องโน้น การลงทุนต่างๆ ก็จะดีขึ้น ถ้าทุกคนยังใส่ร้ายป้ายสีเรื่อยๆ มันก็คือปัญหา แล้วปัญหาเหล่านี้มันสร้างสรรค์อะไรหรือไม่ ทุกเรื่องนายกฯ รับไว้หมด และติดตามทุกเรื่อง ทุกกระทรวง

“ฉะนั้น การจะเขียนอะไรออกมา ต้องระมัดระวังกฎหมายเขามีอยู่ ไม่ได้ขู่นะ แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาดำเนินคดีตามกฎหมายขึ้นมา อย่ามาร้องเรียนว่าเอาไปปิดปากเขา มันไม่ใช่ คือถ้าเขียนอะไรกันมาก็เขียนให้ไม่ส่อไปถึงการกระทำที่มันไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เขาก็ต้องมีสิทธิในการคุ้มครองเหมือนกัน การละเมิดสิทธิคนอื่น การหมิ่นประมาท ทุกคนมีกฎหมายคุ้มครองตัวเอง นี่คือกฎหมายที่ใช้กับคนทุกคน เข้าใจหรือไม่ ข้าราชการทุกคนก็ต้องมีเกียรติยศศักดิ์ศรี คนไม่ดีก็ถูกลงโทษ ต้องไปดูว่าทุกเรื่องในวันนี้เราลงโทษไปเท่าไหร่ ดำเนินคดีเป็นร้อยเรื่อง แต่กลับไม่พูดถึงตรงนี้ แต่ไปพูดสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่ แล้วบอกว่ารัฐบาลปล่อยปละ มันไม่ใช่ มันต้องเดินหน้าไปทีละอัน ต้องใช้หลักฐานวัตถุพยานและพยานบุคคลมากมายจึงจะดำเนินคดีได้ ทุกเรื่องอย่าไปทำให้สังคมสับสน เรื่องคดีเสือดำ เสือแดง เสืออะไรก็แล้วแต่ มันอยู่ในกระบวนการ สมมติไอ้หนุ่มคนหนึ่งไปโดนคดีเสือดำแล้วเป็นไง หรือไม่เป็นไร รวยน้อยกว่าเลยไม่ต้องไปจี้เขา วันนี้ก็โดนไปตั้ง 6-7 คดี แต่เขาก็มีสิทธิคุ้มครองสามศาล เขาก็ฟ้องไปแล้ว ต้องรอดูศาลจะตัดสินอย่างไร คนทั่วไปก็แบบนี้ ไม่ว่าจะรวยหรือจนใช้กฎหมายเดียวกัน อย่าไปขุดคุ้ยกันให้วุ่นวาย ความเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมจะเสียหาย คนไม่ดีมันก็มี มีทุกที่มากบ้างน้อยบ้าง”

นายกฯ กล่าวอีกว่า ลองดูวันนี้สถานการณ์สงบขึ้นมาด้วยอะไร จากการทำงานไม่ใช่หรือ คดีความก็ลดลง บางอย่างมากขึ้น การทุจริตก็ถูกลงโทษ นั่นคือ สิ่งที่รัฐบาลทำมา ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดมาใหม่ ถ้ามีหลักฐานก็ดำเนินคดี ขอให้เสนอข่าวแบบนี้ ไม่เช่นนั้น จะยุ่งไปหมด แล้วมาบอกว่าตนไม่ปฏิรูป แต่นี่คือการปฏิรูปการเมืองส่วนหนึ่ง ทำให้บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย เข้าใจกระบวนการทำงานรัฐบาล ไม่เช่นนั้นก็พูดกันเรื่อยเปื่อย สังคมก็ตื่นตระหนก แล้วเลือกตั้งจะไปกันอย่างไร วันหน้าก็ด่ากันไปด่ากันมา สาดเสียเทเสีย พูดถูกบ้างผิดบ้าง มันก็จะเสียหายทั้งหมด สรุปไม่มีใครดีสักคน โอเค เข้าใจตรงกันนะ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้มีหลายคนหลายกลุ่มออกมาพูดว่าจะให้รัฐบาลทำโน่นทำนี่ วันหน้าจะเป็นรัฐบาลไหนยังไม่รู้เลย จะอยู่พรรคไหนก็ยังไม่รู้ พรรคก็ยังไม่ตั้งขึ้นมาชัดเจน สื่อเป็นคนเขียนข่าวทุกวันต้องดูตรงนี้ เมื่อถามว่า จำได้หรือไม่ว่านายกฯ เคยพูดไว้ว่าเดือนก.ย.นี้จะประกาศท่าทีทางการเมืองที่ชัดเจน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็โอเค ทำไมล่ะนี่ถึงกันยาหรือยัง ถ้ายังไม่ถึงก็ยังไม่ต้องถามตอนนี้ ถ้าถึงก็รู้เองนะ ผมไม่เคยลืมพูดอะไร”

เมื่อถามว่า วางกรอบและทิศทางไว้หรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ตนบอกแล้วยังไม่รู้ว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ จะอยู่อย่างไรต้องไปดูกฎหมาย ดูรัฐธรรมนูญ การจะอยู่ต้องดูว่าอยู่เพื่ออะไร ทำอะไร จำเป็นหรือไม่ แล้วจะไปอยู่พรรคไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง แล้วจะไปอยู่ได้อย่างไร ข้อสำคัญจะไปอยู่พรรคไหนก็ตาม ถ้าประชาชนไม่เลือกพรรคนั้นแล้วจะมาได้อย่างไร ใช่หรือไม่ ตอนนี้ยังไม่รู้พรรคไหน จะเอาคำตอบให้ได้หรือ

เมื่อถามอีกว่า ตอนนี้ประชาชนอยากรู้ท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์มาก นายกฯ กล่าวว่า “ประชาชนเขาชอบผมหรือไง” ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลาลงพื้นที่ทีไรมีเสียงเชียร์ให้เป็นนายกฯ ต่อตลอด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อ้าว เดี๋ยวสื่อก็บอกฟุ้ง โอ่ ปลื้ม ผมบอกไปทุกครั้งเวลาเห็นชาวบ้านดีใจ นั่นเป็นการสะท้อนบอกผมว่าทำไมเขาต้องคาดหวังที่ผม ทำไมไม่คาดหวังกับคนอื่น ทำไมไปถามเขาสิ ถามประชาชนเขาแบบนั้น แต่การตัดสินใจผมก็มีหลักเกณฑ์ สื่อไม่ต้องมาถามวันนี้ เดือนกันยาผมพูดเอง ทุกอย่างมันต้องปลดล็อกอะไรต่างๆอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” เมื่อถามว่า ถึงวันที่ 1 ก.ย.นี้ จะถามทันที นายกฯ กล่าวว่า “วันไหนก็ไม่รู้เดือนกันยานั้นแหละ ตอนนี้เอาเรื่องแก้ปัญหาบ้านเมืองก่อน การเมืองตอบแค่นี้บายบ๊าย”


กำลังโหลดความคิดเห็น