xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กฉัตร” บินถกบริหารน้ำภาคใต้ เผยแก้น้ำท่วมต้องใช้เวลา แต่รัฐบาลเริ่มนับหนึ่งไว้ให้แล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“บิ๊กฉัตร” บินสงขลา เปิดเสวนาบริหารจัดการน้ำระดับพื้นที่ บูรณาการทุกภาคส่วนแก้ปัญหาน้ำของประเทศ เผยโครงการแก้น้ำท่วมเป็นโครงการขนาดใหญ่ต้องใช้เวลา แต่รัฐบาลได้เริ่มนับหนึ่งแล้ว วันข้างหน้าต้องประสบความสำเร็จ

วันที่ 8 ส.ค. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการเสวนา “การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระดับพื้นที่ภาคใต้” ณ โรงแรมหรรษา เจบี จังหวัดสงขลา โดยมีนายประดับ กลัดเข็มเพชร ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา คณะกรรมการลุ่มน้ำ ตัวแทนประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า การจัดเสวนาดังกล่าวเป็นการดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และตนเองเป็นรองประธาน โดยให้ สทนช.เป็นหน่วยงานหลักในการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ซึ่งการเสวนานั้นจะทำให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ลุ่มน้ำ ได้รับรู้แผนงานและผลงานการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของรัฐบาล รวมทั้งสร้างความเข้าใจและรับทราบถึงสถานการณ์น้ำ ตลอดจนแนวทางการบริหารจัดการน้ำภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน ปี 2561 นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม การบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านความพร้อม ด้านแผนงาน ด้านการบริหารจัดการ การให้ความช่วยเหลือ ด้านเครื่องจักรเครื่องมือในการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย เป็นต้น ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างการรับรู้ และความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานด้านน้ำที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมทำได้อย่างถูกต้องทันเวลา โดยเฉพาะในประเด็นความพร้อมของแผนงาน การบริหารจัดการในการรับมือกับภัยจากน้ำ

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวด้วยว่า รัฐบาลได้จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้แผนนี้สามารถนำไปปรับใช้กับทุกภูมิภาคได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งเพื่อการสร้างรับรู้ให้ประชาชนทราบว่า แผนบริหารจัดการน้ำดังกล่าว จากนี้ไปจะมีขั้นตอนที่ชัดเจน ลดความซับซ้อนจากทุกหน่วยงานลง และนำแผนบริหารจัดการน้ำนี้ไปเป็นตัวหลักที่จะขับเคลื่อนเรื่องน้ำของประเทศไปอีก 20 ปี เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตามหลายพื้นที่มีปัญหาทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม แต่ในภาคใต้ส่วนใหญ่จะเจอกับปัญหาน้ำท่วม ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตของประชาชน ซึ่งการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่โดยตรง ก็เชื่อว่าจะสามารถลดผลกระทบต่อประชาชนได้ ขณะเดียวกัน น้ำถือเป็นสิ่งสำคัญต่อภาคการเกษตร อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวถือเป็นปัจจัยหลักของภาคใต้ ดังนั้น หากสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งได้ก็จะส่งเสริมให้เศรษฐกิจภาพรวมของพื้นที่ดีขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี สทนช.จะลงพื้นที่ให้ครบทั้ง 4 ภาค แล้วนำรายละเอียดทั้งหมดมาปรับปรุงแผน โดยยึดหลักปรับแผนให้ตรงต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้การแก้ปัญหาเหมาะสมกับทุกพื้นที่และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเป็นโครงการขนาดใหญ่ซึ่งหลายโครงการที่ดำเนินการไปแล้ว และกำลังจะเริ่มดำเนินการในปี 2562 เช่น ที่จังหวัดตรัง และที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ก็คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ปี และใช้งบประมาณที่สูง ดังนั้น การที่หลายคนมองว่าทำไมมีแผนบริหารจัดการน้ำแล้ว ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้อีก ก็ต้องเรียนว่าขั้นตอนการจัดทำแผน ต้องใช้เวลาพอสมควร บางครั้งอาจจะประมาณ 2 ปี เพราะต้องรับฟังประชาพิจารณ์ การทำ EIA ให้แล้วเสร็จก่อนจึงจะเริ่มดำเนินการได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มนับหนึ่งแล้วในวันข้างหน้าก็จะประสบความสำเร็จแน่นอน” พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวอีกว่า ในเวทีเสวนาครั้งนี้ตนเองได้ฝากกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ารัฐบาลจะต้องพ้นหน้าที่หลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว แต่ก็อยากเห็นรัฐบาลชุดต่อๆ ไปเดินตามแผนบริหารจัดการน้ำที่วางไว้ เพราะถ้าสามารถทำตามนี้ได้ทั้งหมด ประชาชนก็จะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

ด้านนายประดับ กลัดเข็มเพชร ผู้ช่วยเลขาธิการ สทนช.กล่าวว่า ที่ผ่านมา สทนช.ได้มีการจัดเสวนาในระดับส่วนกลางแล้วเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2561 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และมีการเดินสายจัดเสวนาในระดับพื้นที่จำนวน 4 ครั้ง ครั้งแรกในพื้นที่ภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดขอนแก่น และครั้งที่ 3 ภาคกลาง ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา การจัดทุกครั้งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ โดยในแต่ละครั้งก็มีการนำเสนอแนวทางการบริหารจัดการน้ำมาตรการต่างๆ การเชื่อมโยงและการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วยงานในพื้นที่เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในฤดูน้ำหลากปี 2561 นี้ และในวันนี้เป็นการจัดเสวนาในระดับพื้นที่ครั้งที่ 4 ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย โดยมีข้อหัวข้อหลักในการเสวนา คือ การเตรียมความพร้อมจัดการน้ำหลาก ปี 2561 พร้อมทั้งยังมีการจัดนิทรรศการหัวข้อ “แผนปฏิบัติการจัดการน้ำหลาก ปี 2561 ในระดับพื้นที่ (จังหวัด)” โดยหน่วยงานจากจังหวัดที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

ทั้งนี้ ภาคใต้มีพื้นที่ครอบคลุม 14 จังหวัด และเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศ แต่ในช่วงฤดูฝนของทุกปีก็มักจะประสบปัญหาอุทกภัยเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากมรสุมและพายุที่พัดเข้ามาโดยตรง สร้างความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจอย่างมาก ที่ผ่านมาสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดพื้นที่การแก้ไขอุทกภัยและภัยแล้งอย่างเป็นระบบ (Area Based) 66 พื้นที่ทั่วประเทศรวม 29.70 ล้านไร่ พบว่ามีโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญที่สามารถแก้ปัญหาในพื้นที่ซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (ปี ‭2561-2580‬) รวมทั้งสิ้นกว่า 300 โครงการ และในช่วงปี ‭2562-2565‬ มีโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญจำนวน 31 โครงการ แบ่งเป็นภาคเหนือ 4 โครงการ ภาคกลาง 13 โครงการ ภาคอีสาน 10 โครงการ ภาคตะวันออก 2 โครงการ ภาคใต้จำนวน 2 โครงการ โดยมีโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นครศรีธรรมราช เป็น 1 ใน 9 โครงการสำคัญที่รัฐบาลจะเริ่มขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมได้ในปี 62 ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น