xs
xsm
sm
md
lg

“สนช.คนดี”สวมตอ“สภาทรราช” งัดใบเสนอราคาเก่า ชงงบซื้อ“โคตรนาฬิกา”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


ป้อมพระสุเมรุ

เบรกกันหัวทิ่มเลยทีเดียว หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มีมติตีกลับงบประมาณเทคโนโลยีและสารสนเทศ การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ วงเงิน 8,135 ล้านบาทเศษ เนื่องจากมีรายละเอียดไม่ชัดเจนและมีอุปกรณ์บางอย่างราคาสูงเกินควร

โดย “ท่านไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในที่ประชุม “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ฟังความเห็นของสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงยังไม่อนุมัติงบประมาณ แล้วให้กลับไปทบทวนใหม่

“นายกฯ ระบุว่า ยอมไม่ได้กับเรื่องไมโครโฟน 1.2 แสนบาท และนาฬิกา 7 หมื่นบาท” พล.ท.สรรเสริญ อ้างคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ในที่ประชุม

กลายเป็นประเด็นร้อนที่โยนกลับมายัง สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะเจ้าของเรื่องทันที เนื่องจากงบประมาณก้อนนี้ เคยมีความพยายามเสนอต่อที่ประชุม ครม.มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา แต่แต่ถูกวิจารณ์ว่า เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ทำให้ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สั่งเบรกการของบเพิ่มไว้ก่อน

ให้หลังที่ ครม.ตีกลับเรื่องของงบประมาณ มีรายงานว่า ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปยัง นายพรเพชร ทางโทรศัพท์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีการยกเลิกกำหนดการเป็นประธานเปิดงานสัมมนา"แนวทางการบริหารจัดการปัญหาลิงในพื้นที่วิกฤติ (ตามยุทธศาสตร์แผนแม่บทการบริหารจัดการปัญหาลิงในจ.ลพบุรีอย่างยั่งยืน)" ที่จัดโดยคณะกรรมการติดตามกลไกและพิจารณาการปกป้องคุ้มครองสัตว์ ของ สนช. และมอบหมายให้ “ครูหยุย” วัลลภ ตังคนานุรักษ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ เป็นผู้กล่าวเปิดงานสัมมนาแทนอีกด้วย

โดยรายงานข่าวแจ้งว่า นายพรเพชรได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ไม่รู้จะชี้แจงอย่างไร แม้จะชี้เเจงอย่างมีเหตุผลเหมือนก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีใครรับฟัง เพราะถูกมองว่ามีการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้น

ขณะที่ สรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงข้อสังเกตของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ว่าราคาไมโครโฟน มีราคาตัวละ 1.2 แสนบาท และนาฬิกาเรือนละ 7 หมื่นบาท สูงเกินเหตุนั้น เลขาฯสภาฯกล่าวยืนยันว่า เป็นการมองต่างมุม ฝ่ายบริษัทออกแบบอาจจะมองว่ามีความจำเป็น แต่อีกฝ่ายมองว่าน่าจะใช้ของที่มีราคาถูกกว่านี้ได้ ซึ่งจะขอชี้แจงหลังการประชุมในวันที่ 18 พ.ค.เช่นเดียวกัน แต่ในเบื้องต้นจะต้องมีการปรับลดงบประมาณลงมาอย่างแน่นอน

“ขอยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่มีโกง ไม่มีทุจริต ทุกอย่างมีความถูกต้อง โปร่งใส และต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด” นายสรศักดิ์ ระบุ

พร้อมกันนี้ก็มีรายงานจากรัฐสภาระบุว่า สนนราคาไมโครโฟนในห้องประชุมที่ราคาหลักเเสนบาทนั้น เป็นไมโครโฟนรุ่นพิเศษ “สุดไฮเทค” ที่มีระบบเเสดงตน และการลงมติโดยกดปุ่มเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เชื่อมต่อกับระบบสารสนเทศสำหรับเจ้าหน้าที่ (Data Center) ด้วย

ดูจากสเปกคร่าวๆ ก็ยิ่งทำให้เสียงวิจารณ์อื้ออึงไปอีกว่า มันพิเศษอะไรตรงไหน

ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ที่แพงเกินจริงในยุครัฐบาล คสช. เมื่อครั้งที่ คสช.เข้ามายึดอำนาจใหม่ๆก็มีกรณีงานปรับปรุงห้องประชุมทำเนียบรัฐบาล ในความรับผิดชอบของ “กรมโยธาธิการและผังเมือง” ที่ได้เผยแพร่ประกาศราคากลางงานครุภัณฑ์จัดซื้อ งานติดตั้งระบบห้องประชุมทำเนียบรัฐบาล นำไปสู่การตรวจสอบราคาเทียบกับท้องตลาดแล้วพบว่าหลายรายการ “แพงผิดปกติ”

ที่วิจารณ์กันหนักที่สุดคือรายการ “ไมค์พร้อมก้าน” ราคา 1.5 แสนบาทต่อชุด ก่อนที่จะมีการเปิดเผยแบบเทียบสเปกว่า ราคาไมโครโฟนห้องประชุมอย่างดีในท้องตลาดไม่เกิน 5-6 หมื่นต่อชุดเท่านั้น ทำเอาเดือดร้อนกันทั้งทำเนียบรัฐบาล ต้องสั่งการให้ผู้รับเหมาถอดอุปกรณ์ “ไมค์ทองคำ” ออกทั้งหมด ทั้งที่มีการนำเข้าไปติดตั้งพร้อมใช้งานแล้วด้วยซ้ำ

จากนั้นก็มีการตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ก่อนสรุปง่ายว่าๆ “ไม่โกง แค่ส่วนต่างเยอะ” รวมทั้งไม่มีการกระทำผิดใดๆ เนื่องจากยังไม่ได้มีการเบิกจ่ายงบประมาณ

ไม่ใช่แค่ไมโครโฟน หากจำกันได้ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ก็มีกรณี “โคตรนาฬิกา” ของรัฐสภา ที่ถูกทางพรรคประชาธิปัตย์ไล่เบี้ยในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ระบุถึง การจัดซื้อนาฬิการะบบดิจิตอลติดผนัง 240 เรือน เรือนละ 7.5 หมื่นบาท รวมเป็นเงิน 15 ล้านบาท

จนเกิดคำถามว่า นี่มันโคตรนาฬิกาหรืออะไรกัน ทำไมถึงแพงได้เยี่ยงนี้ แต่ก็มีการออกมาชี้แจงว่า ถึงระบบอัจฉริยะของโคตรนาฬิกาที่ว่า รวมค่าใช้จ่ายสำหรับการควบคุมเวลาผ่านดาวเทียม และการบริหารเวลาภายในรัฐสภาทั้งระบบซึ่งเป็นเรื่องเทคโนโลยีชั้นสูง

ทว่า ติดตั้งไม่นาน “โคตรนาฬิกา” ที่ติดตั้งทั่วรัฐสภา ทะยอยกันหยุดเดินไปเฉยๆ จนต้องเรียกผู้รับเหมาะมาถอดออกไปจนเกลี้ยง

ในขณะที่ผู้บริหารระดับสูงของรัฐสภา ก็ถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่งไปหลายราย แม้จะโยกย้ายด้วยเหตุผลอื่น แต่ก็เชื่อกันลึกๆว่า ปัญหาการจัดซื้อ “โคตรนาฬิกา” ที่แพงเกินความจริง ก็เป็นเหตุผลสำคัญทำให้ข้าราชการระดับสูงหลายรายหมดอนาคต

น่าแปลกว่า เหตุใด สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถึงหาญกล้าเสนอของบประมาณที่เข้าข่าย “แพงเกินจริง” ทั้งที่รู้เต็มอกว่าจะเป็นประเด็นให้ถูกโจมตี เช่นกรณีศึกษาที่ผ่านๆมา

หากไม่มีเจตนาหา “ส่วนต่าง - เงินทอน” ตามที่สังคมตั้งข้อสังเกต หรือกระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังรับไม่ได้ ก็ต้องถือว่าเป็นการจัดทำงบประมาณแบบ “ชุ่ยๆ” อ้างว่าใช้ “ใบเสนอราคาเก่าๆ” เมื่อครั้งที่มีปัญหาทั้งในส่วนของชุดไมโครโฟน หรือนาฬิกาติดตั้งฝาผนัง

หรืออาจจะมีใครหวังฟลุ๊คว่า ครม.จะปล่อยไปตามน้ำ ก็เลยผสมโรงเอางบประมาณจัดซื้อ “โคตรไมโครโฟน - โคตรนาฬิกา” ที่แม้จะแพงเกินจริง แต่รวมๆแล้วก็ไม่กี่สิบล้านบาท ตีมึนไปกับงบประมาณก้อนใหญ่ 8 พันกว่าล้านบาท

เป็นอีกผลงานอันเอกอุของ “สนช.” แม่น้ำสายสำคัญของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่อวดโอ้สรรพคุณว่า แวดล้อมไปด้วย “คนดีศรีสภา” ต่างจาก ส.ส.-ส.ว.ในสมัยเลือกตั้งที่ได้ชื่อว่าเป็น “ลิ่วล้อทรราช”

แต่ทำไปทำมา “สนช.คนดี” กลับ “สวมตอ” เดินตามรอย “สภาทรราช” แทบทุกกระเบียดนิ้ว ในการผลาญงบประมาณแผ่นดิน แบบก้าวข้ามหลักพอเพียง ตามมาด้วยข้อครหาทุจริตคอรัปชั่น ไปซะได้

เมื่อถูกจับได้ไล่ทันเสียก่อน ก็ต้องดูว่าจะดื้อดันยันงบประมาณก้อนนี้กลับไปยังรัฐบาล หรือจะสำนึกได้แล้วปรับลดงบประมาณ เพื่อไม่ให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน

เรื่องชวนหัวแบบนี้ในยุคนี้ สุดท้ายก็จับมือใครดมไม่ได้ แถมยังมีการ์ด “ไม่ทุจริต แค่ส่วนต่างเยอะ” ให้แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปได้อีก.


กำลังโหลดความคิดเห็น