xs
xsm
sm
md
lg

รัฐเปิดแผนปฏิรูป 3 คณะ ลั่นปฏิรูปการเมืองด่วน 1 ปี หมดยุคสลับ “เลือกตั้ง-ยึดอำนาจ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รัฐบาลเปิดแผนปฏิรูป 3 คณะ “เอนก” ชงปฏิรูปการเมืองงานเร่งด่วน 1 ปี เลือกตั้งต้องสุจริต เสนอร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมวัฒนธรรมทางการเมือง หมดยุคปกครองแบบไฮบริดสลับ “เลือกตั้ง-ยึดอำนาจ” ด้าน “ปานเทพ” ดันแก้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ หวังไทยปรับอันดับแก้ทุจริตดีขึ้น ด้าน “พลังงาน” ดัน กม.ควบคุมใช้ไฟฟ้าอาคาร

วันนี้ (15 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายพรชัย รุจิประภา ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน, นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง และนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศ หัวข้อ “การเมืองสร้างสรรค์ พลังงานมั่นคง ดำรงความสุจริต” โดยนายพรชัยกล่าวถึงการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานว่า วิกฤตความเชื่อมั่นในพลังงานนั้น ปัญหาคือ ประชาชน หรือเอ็นจีโอ ไม่เชื่อมั่นในข้อมูลภาครัฐ ทำให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน เห็นได้จากการเดินขบวนทั้งในเรื่องของท่อก๊าซและโรงไฟฟ้า ปัจจุบันปัญหาคือเราใช้ก๊าซธรรมชาติถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ก๊าซในอ่าวก็กำลังจะหมดลง ซึ่งจากข้อมูลตอนนี้ใช้ได้อีก 5 ปี และจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ถ่านหินจึงกลายเป็นพระเอกที่กำลังประท้วงกันอยู่ว่าจะเดินต่อหรือไม่ จะทำอย่างไร ปัญหาพันกันไปหมด

นายพรชัยกล่าวว่า ขณะที่การปฏิรูปพลังงานต้องทำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ต้องประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะอาคารต่างๆ ที่จะต้องออกกฎหมายมาควบคุมการใช้ไฟฟ้า นโยบายการนำรถไฟฟ้ามาใช้ทดแทนการใช้รถที่ต้องใช้น้ำมัน ดังนั้นต้องถอยกลับไป 1 ก้าว ดูเทคโนโลยีที่เหมาะสมแต่ละช่วงเวลา และหัวใจสำคัญของการปฏิรูปคือ ทำให้พลังงานเกิดความมั่นคง เพียงพอ และราคาที่เหมาะสม

ด้านนายเอนกกล่าวถึงการปฏิรูปประเทศด้านการเมืองว่า ในช่วงที่ประเทศกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง นโยบายเร่งด่วนภายใน 1 ปีนี้ คือ ทำการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม ได้นักการเมือง พรรคการเมืองที่มีความสามารถ และมีธรรมาธิปไตย ไม่เสนอนโยบายที่เป็นภาระงบประมาณประเทศ ตรงนี้ตนจะนำเสนอนายกฯ เพื่อให้การปฏิรูปการเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องของการเลือกตั้งที่หวังแค่จะได้คะแนนเสียง หรือหวังจะรวมรัฐบาลอย่างไร แต่ต้องส่งเสริมการปฏิรูปที่ไม่ได้ไปบังคับหรือลงโทษใคร เพราะตรงนั้นกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว

นายเอนกกล่าวว่า ขณะนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศในช่วงที่สำคัญ มียุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ภาระรัฐบาลไม่ได้มีแค่นโยบายหรือแก้ปัญหาไปวันๆเท่านั้นแล้ว ต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีผูกพันหลังการเลือกตั้ง และการปฏิรูปการเมืองคือต้องทำให้ประชาชนเป็นพลเมืองมากขึ้น ไม่ใช่แค่ทวงถามข้อเดือดร้อน แต่ต้องคิดมาจะทำประโยชน์อะไรให้แก่บ้านเมืองได้บ้าง และเป็นพสกนิกรที่ดีของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยจะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมวัฒนธรรมทางการเมือง ให้เกิดความมั่นคง กระจายอำนาจ ท้องถิ่นไม่เป็นเพียงผู้รอรับผลประโยชน์หรือรับนโยบาย แต่ต้องมีส่วนร่วมเป็นรัฐธรรมาธิปไตย

“ประชาธิปไตยที่ไม่ใช่แค่การปกครองของประชาชนเสียงข้างมากเท่านั้น แต่เป็นของประชาชน ข้าราชการ พรรคการเมือง บนความรู้รักสามัคคี ขัดแย้งได้แต่ต้องไม่แตกแยก ต้องไม่ใช่แบบระบบไฮบริดรถยนต์ ที่จะมีทั้งระบบการเลือกตั้งและการยึดอำนาจการปกครองสลับกันไป แต่ต้องเป็นระบบธรรมาธิปไตย ถ้าทำได้เชื่อว่าประเทศจะมีทางรอด ประชาชนเป็นเจ้าของประชาธิปไตยมากขึ้น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คำขวัญ” นายเอนกกล่าว

ขณะที่นายปานเทพกล่าวถึงการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบว่า แผนนี้จะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยได้แบ่งมาตรการออกเป็น 4 ด้าน คือ 1. ด้านการป้องกันและเฝ้าระวัง เป็นเรื่องสำคัญที่สุด โดยจะสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ที่ระบุให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการที่ประชาชนเฝ้าระวังการทุจริต ที่จะต้องมีกฎหมายมารองรับภายใน 2 ปี เช่นการคุ้มครองผู้ชี้เบาะแส เป็นต้น 2. ด้านการป้องปราม ที่มุ่งเรื่องการทุจริตในภาครัฐเป็นหลัก ยกระดับประกาศ คสช. 69/2557 เป็นกฎหมาย นอกจากนี้ต้องมีหลักจริยธรรมในหน่วยราชการ และยังต้องปรับปรุง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ ให้ประชาชนตรวจสอบได้ง่าย และมีกรอบเวลาเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจน รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนมีการรวมตัวเพื่อเฝ้าระวังด้วย

นายปานเทพกล่าวอีกว่า 3. ด้านการปราบปราม การดำเนินการคดีทุจริต จะต้องรวดเร็วเด็ดขาดและรุนแรง มีกรอบเวลาชัดเจน และ 4. ด้านการบริหารจัดการปรับปรุงหน่วยงานต่อต้านทุจริตให้เป็นระบบ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และพยายามให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบการทุจริตแบบสากล โดยความหวังของการปฏิรูปของเราตั้งเป้าหมายว่าภายใน 20 ปี ประเทศไทย ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นโลก (ซีพีไอ) จะต้องดีขึ้นติดอันดับ 1 ใน 20 และตั้งความหวังว่าการไต่สวนคดีทุจริตมีรูปแบบตื่นตัว ดำเนินการเร็ว ไม่ใช่เรื่องหายเป็นเวลานาน


กำลังโหลดความคิดเห็น