เมืองไทย 360 องศา
น่าจะนึกตรึกตรองตัดสินใจมาจากบ้านอย่างดีแล้ว สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ประกาศตัว “เป็นนักการเมือง” โดยเลือกเอาช่วงปีใหม่หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกในรอบปี ซึ่งลีลาท่าทางในการพูดเปิดตัวดังกล่าว ถือว่าใช้ได้ และเหมาะสมสำหรับคุณสมบัติของนักการเมือง
“วันนี้ผมต้องเปลี่ยนแปลง เพราะผมไม่ใช่ทหาร เข้าใจไหม เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร มันก็ติดนิสัยทหารอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดคือประชาชน และไม่ใช่ประชาชนของผม ประชาชนของประเทศไทย และไม่ใช่ของพรรคไหน ทุกคนเป็นพลเมืองไทย ก็ต้องต้องหนุนการเมืองที่ถูกต้อง มีธรรมาภิบาล มีการเลือกตั้งในระบบยุติธรรม มีพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ มีพรรคการเมืองที่ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่าและประหยัด ตรวจสอบได้ และการตรวจสอบเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม อย่ามาตัดสินกันเองทุกเรื่อง”
คำพูดดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มกราคม หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลนัดแรกในรอบปี 2561 ดังนั้น จึงถูกมองว่าเจตนาของ เขาคือ “ตั้งใจมาพูด” กันเลย โดยเฉพาะต้องการสื่อสารคำว่า “ผมเป็นนักการเมือง” และ “ผมเป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร”
อย่างไรก็ดี แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งจะยอมรับว่าเป็นนักการเมือง แต่ทั้งด้วยตำแหน่งและสถานะ มันก็ย่อมมีความหมายในตัวเองอยู่แล้วว่า เขาเป็นนักการเมืองร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมา เขาไม่เคยยอมรับ ขณะเดียวกัน ยังมีท่าที และมีคำพูดที่ “ดูถูก” นักการเมือง ในทำนองว่า เป็นพวกที่สร้างปัญหาให้เขาต้องเข้ามาแก้ไขด้วยความยากลำบาก ในเวลานี้
ก่อนหน้านี้ นักการเมืองในสายตาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ล้วนออกมาในทางลบทุกเรื่อง เอาเป็นว่าสร้างความล้มเหลวในทุกเรื่องก็แล้วกัน ซึ่งในที่นี้ ยังรวมไปถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในอดีตอีกด้วย
แต่น่าสังเกตก็คือ ในอีกด้านหนึ่งท่าทีที่รังเกียจและเหยียดหยามนักการเมืองนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีความเคลื่อนไหวที่มีลักษณะเป็นนักการเมืองเต็มตัว มีการลงพื้นที่พบปะกับชาวบ้าน มีลีลาไม่ต่างจากการลงพื้นที่หาเสียงของนักการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ที่เคยได้เห็นจนเป็นภาพชินตา
ขณะเดียวกัน การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกโอกาสนี้ในการเปิดตัวเป็นนักการเมือง อาจเป็นเพราะกำลังเตรียมตัวสำหรับความพยายามกลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ หลังการเลือกตั้งที่ต้องเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้หรือไม่ อีกทั้งอาจเป็นเรื่องบังคับที่ต้องประกาศตัวเป็นนักการเมือง หลังจากเกิด “ภาพหลุด” ออกมา จากกรณีที่มีการถ่ายภาพหมู่กับพวกนักการเมืองตระกูล “สะสมทรัพย์” ที่เป็น “ขาใหญ่” แห่งจังหวัดนครปฐม เมื่อตอนปลายปีที่แล้ว จนปิดกันไม่มิดอีกต่อไปแล้ว
ที่ผ่านมา ก็ยังมีการรับรู้กันถึงความเคลื่อนไหวสำหรับการตั้ง “พรรคทหาร” ที่มีความหมายคือ เป็นพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนพวกแกนนำของคณะรักษาความสงบแห่งขาติ (คสช.) โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ ขณะเดียวกัน ก็มีการเดินสาย เพื่อทาบทามกลุ่มการเมืองในท้องถิ่นเข้ามาร่วมสนับสนุน ซึ่งตามรายงานที่ปราฏออกมา ก็จะเห็นการสานสัมพันธ์กับ “กลุ่มศิลปอาชา” ของพรรคชาติไทยพัฒนา กลุ่ม “มัชฌิมา” ของ สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่สุโขทัย และล่าสุด ก็เป็นภาพกลุ่มสะสมทรัพย์ ขาใหญ่แห่งนครปฐม และก่อนหน้านี้ ก็มีกลุ่มที่นำโดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่เคยประกาศสนับสนุนไปแล้ว
ความเคลื่อนไหวที่ปรากฏออกมาแบบนี้หรือเปล่า ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องรีบประกาศตัวเป็นนักการเมือง เพราะไม่สามารถปิดได้มิดอีกต่อไป แต่ขณะเดียวกัน ภาพนักการเมืองของเขาที่กำลังเกิดขึ้น มันก็ไม่ใช่ภาพของนักการเมือง “สายปฏิรูป” ที่เป็นความหวังในแนวนั้น แต่เป็นภาพของนักการเมือง “พันธุ์เก่า” ที่มีอยู่ดาษดื่น และอยู่ในระนาบเดียวกับกลุ่มการเมืองที่เขาไปพบปะพูดคุย หรือทาบทามให้สนับสนุน นั่นแหละ
ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่การประกาศตัวคราวนี้ของเขา จะไม่ได้เรียกเสียงฮือฮาอะไรเลย เพราะชาวบ้านเขารับรู้สถานะไปนานแล้ว อีกทั้งจังหวะ เวลา ก็ไม่น่าสนใจนัก อย่างไรก็ดี ทำให้ได้รู้ถึงเจตนาชัดเจนว่า นี่คือ ความพยายามกลับมาเป็นนายกฯ และรักษาอำนาจอีกรอบ นั่นแหละ !!