นายกรัฐมนตรี เผย “สมยศ” สอบล้มบอลอยู่ กัดวอยซ์ทีวีอวยพรทุกวัน ขอให้เจริญ แย้มงัดกฎหมายคอมพิวเตอร์ บังคับให้ชัดเจนขึ้น เตือนพวกบิดเบือน สร้างความเกลียดชังจะถูกฟ้องกันบ้าง พวกคนไม่ดีที่อยู่ข้างหลังมันต้องโดนบ้าง พร้อมเปิดเพลง “ดา เอนโดฟิน” ให้ฟัง ด้าน “สรรเสริญ” เผย นายกฯ สั่งราชการไล่แจ้งความพวกใช้สื่อออนไลน์ทำไขว้เขว
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.35 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีการล้มบอลในไทยพรีเมียร์ลีก ว่า เรื่องดังกล่าว พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยตรวจสอบอยู่ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ นายกฯ ได้ถามสื่อว่า
“ฟังเพลงในรายการวอยซ์ทีวี หรือไม่ เกี่ยวกับนายกสมาคมฟุตบอลฯ หรือไม่ ไม่รู้จักกันหรือ เพลงอะไรที่บอกว่ายิ่งตกใจ ไปเปิดดูวอยซ์ทีวี เอ้ย ไม่ใช่วอยซ์ทีวี แต่เป็นรายการประกวดวอยซ์” โดยสื่อได้ถามใช่รายการเดอะวอยซ์หรือไม่ นายกฯ กล่าวตอบทันทีว่า “ใช่ ฉันรู้ว่ามันวอยซ์ ฉันเปิดเจอแต่พวกเธอเปิดไม่เจอ ไม่ใช่วอยซ์ทีวี แต่วอยซ์ทีวีเผอิญเป็นเพื่อนรักกันเลยจำได้ มันเพื่อนรักจริงๆ มันอวยพรนายกฯ ทุกวัน ก็ขอให้เจริญๆ ไปเถอะ ผมดูแค่หน่อยๆ ก็พอแล้ว เพราะเดี๋ยวมันก็พูดแบบเดิม โมโหจนเลิกโมโหแล้ว แต่เดี๋ยวกฎหมายกำลังจะมา เรื่องสำคัญเลย เดี๋ยวจะพูด” นายกฯ กล่าวอย่างมีอารมณ์ขัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กฎหมายนี้เป็นกฎหมายเดิม แต่จะบังคับใช้ให้ชัดเจนขึ้น เป็นกฎหมายพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ การให้ข้อมูลบิดเบือน ข้อมูลเท็จ ข้อมูลสร้างความเกลียดชัง กฎหมายมีอยู่แล้ว และที่ตนจำเป็นต้องพูดวันนี้เพราะอะไร เนื่องจากคณะกรรมการปฏิรูปสถาบันพระปกเกล้าสรุปมาแล้วว่าทำไมรัฐบาลไม่ใช้กฎหมายตัวนี้เพื่อไม่ให้สร้างความเกลียดชังไปเรื่อยๆ และจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งได้อย่างไร ซึ่งตนไม่ได้ไปเร่งรัดอะไร เขาศึกษากันอยู่ตลอด สื่อยอมหรือไม่ ก็ไม่ยอมอีก แล้วสื่อดูแลกันเองได้หรือไม่ ก็ไม่ได้อีก ไม่รู้ก็ไปหามาให้ได้ข้อสรุป
“ฉันจะไปสร้างศึกทำไม แต่ท่านก็ต้องทำให้สังคมสงบเรียบร้อย ฉะนั้น เตือนเสียก่อนไม่ว่าใครทั้งสิ้น ต่อไปนี้ใครบิดเบือนมากๆ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเลย หรือสร้างความเกลียดชังจะต้องถูกฟ้องศาลกันบ้างคราวนี้ กรุณาหาข้อสรุปให้ดีๆ ผมไม่ต้องการรังแกใคร นักการเมืองก็อย่าทำ ทุกคนทุกพวกถ้าทำให้ประเทศเสียหายก็ต้องโดนฟ้องกันบ้าง ไม่งั้นผมก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้สงบได้ อำนาจก็ไม่ใช้ คสช.ก็ไม่ใช้อำนาจ แล้วมันจะอยู่กันยังไง ในเมื่อต้องการการเลือกตั้ง แล้วจะสงบตรงนั้นได้ไหม ไม่ใช่เป็นเพราะไอ้พวกนี้ไม่สนับสนุนผม มันมีทั้งสนับสนุนและไม่สนับสนุน การเลือกตั้ง แต่ถ้าผมหยุดตรงนี้จะเกิดอะไรขึ้น คิดอย่างนี้ซิ ผมไม่ต้องการดึงอะไรซักเรื่อง สื่ออย่าตกใจ จะตกใจทำไม พอพูดเรื่องกฎหมายก็ตกใจ แต่เวลาจะเล่นงานนายกฯ ก็กระเหี้ยนกระหือรือ พอบอกว่าเป็นกฎหมายเดิมที่มีอยู่แล้ว สื่อก็จ้องกันว่าจะทำอะไรอีก ผมไม่เคยบังคับอะไรสื่อ มีใครถูกจับติดคุกหรือยัง มีใครโดนฟ้องหรือยัง แต่คนไม่ดีมันก็ต้องโดนบ้าง พวกที่อยู่ข้างหลัง” นายกฯ กล่าว
ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว ระหว่างเดินจากตึกบัญชาการไปยังตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลง “ยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอ” ของ “ดา เอ็นโดฟิน” อย่างสบายอารมณ์ พร้อมกับเดินไปอย่างช้าๆ และถาม พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ถึงบัวหลวงที่นำมาปลูกไว้ในสระน้ำหลังตึกไทยคู่ฟ้า
ต่อมาเวลา 15.30 น. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายกฯ ได้รับการประสานงานจากคณะกรรมการปฏิรูปด้านต่างๆ ไม่เฉพาะคณะกรรมการปฏิรูปด้านสื่อสารมวลชนอย่างเดียว รวมถึงสถาบันพระปกเกล้ามีความเห็นสอดคล้องกันว่า ทำไมรัฐบาลจึงไม่เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะเรื่องสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารของสื่อมวลชนกฎหมาย มีระเบียบที่ชัดเจนและทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรทำได้ อะไรที่ทำแล้วไปละเมิดสิทธิคนอื่นโดยเฉพาะเรื่องโชเซียลมีเดีย พล.อ.ประยุทธ์ จึงกำชับรัฐมนตรีต้นสังกัดทุกกระทรวงให้กวดขันกับหัวหน้าหน่วยงานภายในกระทรวง ให้พิจารณาตรวจสอบข้อมูลในโชเซียลมีเดียว่าข้อมูลเหล่านั้นผิดกฎหมาย คือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คอมพิวเตอร์ 2560 หรือไม่ ซึ่งหัวหน้าหน่วยงานนั้นๆ จะต้องไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“หากไม่ทำเช่นนี้จะทำให้การใช้สื่อในโซเชียลมีเดีย เป็นสิ่งที่ละเมิดสิทธิคนอื่น ทำให้สังคมเข้าใจไขว้เขวในสิ่งที่ต่างออกไป นอกจากนี้ ยังหมายถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการประชาสัมพันธ์ เช่น สำนักโฆษกฯ กรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น ต้องทำหน้าที่ร่วมกับกระทรวงที่เป็นเจ้าของเรื่องตรวจสอบเรื่องนี้แล้วแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งนายกฯ เน้นย้ำว่า ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะมาจ้องทำให้สื่อทำงานลำบาก และรัฐบาลไม่ได้จ้องทำร้ายใคร นายกฯ ไม่อยากทำร้ายใคร แต่ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย” พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า