xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงตู่” อ่วม ปชป.-เพื่อไทย ลืมความหลังแท็กทีมถล่มจมดิน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา


จะเรียกว่าได้จังหวะในช่วง “ขาลง” แบบนี้แหละที่จะเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามทุกฝ่ายเปิดหน้าโผล่หัวออกมา “รุมถล่ม” กันแบบหนักมือขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าเมื่อพิจารณาจากสัญญาณแนวโน้มแล้วในอนาคตอันใกล้นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะโดนถล่มหนักยิ่งกว่านี้อีกหลายเท่า

ขณะเดียวกัน ด้วยเงื่อนไขเวลาตามโรดแมป มันก็ถึงเวลาที่ต้องนับถอยหลัง “ปลดล็อก” พรรคการเมืองให้ทำกิจกรรมได้ ถึงตอนนั้นมันก็เหมือนกับการ “ปล่อยผี” พวกนักการเมืองให้โผล่ออกมาได้อย่างเต็มที่ และแม้ว่าด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ที่ยังทำให้ฝ่าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะพยายามหาทางยื้อเวลาออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็นั่นแหละถึงจะยื้ออย่างไรในที่สุดมันก็ต้อง “ปล่อย” จนได้ ขณะเดียวกัน ในทางตรงกันข้าม ครั้นจะไม่ปลดล็อกมันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาได้ประกาศเป็นสัญญาเอาไว้กับสังคมนานาชาติเอาไว้แล้ว ว่า การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นในราวเดือนพฤศจิกายนปี 2561 ซึ่งมันก็ค้ำคอจนดิ้นไม่ออก

แต่เมื่อพิจารณาจากบรรยากาศรอบตัวในเวลานี้มันชักไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ ปัญหาก็ไม่มีอะไรซับซ้อนก็คือ จะทำอย่างไรให้บรรดา “เพื่อนพ้องน้องพี่” เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองต้องตัดสินใจ และเข้าใจกับความรู้สึกของสังคมภายนอกได้อย่างไร เพราะสิ่งที่เห็นในเวลานี้ ก็คือ มีบางคนที่ยังเป็น “ตัวถ่วง” แบบเสมอต้นเสมอปลาย ที่สำคัญบางคนยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่าถูกสังคม “ยี้” แค่ไหน และกำลังกลายเป็นตัวฉุดรั้งสร้างความเสื่อมศรัทธาให้กับรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 1 ปีมานี้ ประกอบกับมีเงื่อนไขในด้านเศรษฐกิจปากท้องมารุมเร้ามันก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างเริ่มลงเร็ว

แน่นอนว่า นาทีนี้คงไม่มีใครรังเกียจ “นายพล” ที่มาร่วมอยู่ในคณะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมือนกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยบ่นให้ฟังก่อนหน้านี้ แต่ที่เบื่อก็คือ บรรดานายพลที่เข้ามาเหล่านั้นมันไร้ผลงาน หรือทำงานไม่เอาอ่าว ไม่เหมาะกับการเป็นผู้บริหารในรัฐบาล แต่เมื่อพิจารณาจากคำพูดและท่าทีดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ มันก็เหมือนกับว่าเป็นการพูดเพื่อรักษาน้ำใจเพื่อนฝูง และหากปรับคนเหล่านั้นออกไปมันก็เหมือนกับว่าต้องทำด้วยความจำใจและจำเป็นจริงๆ

วกกลับมาที่การแท็กทีมของฝ่ายนักการเมือง ซึ่งก็มีสาเหตุมาจาก “ขาลง” ของฝ่ายรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้สังเกตเห็นว่าในช่วงนี้ต่างก็ดาหน้าออกมากันถล่มกันเต็มพิกัด แบบไม่ยั้ง หลายคนที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยโผล่ออกมา คราวนี้ไล่วิจารณ์รัฐบาลกันแบบทุกเม็ด ทั้ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำทีม ฝ่ายเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น จาตุรนต์ ฉายแสง และรายอื่นๆ มากันเกือบครบ

สังเกตหรือไม่ว่าเวลานี้หากโฟกัสไปที่พรรคการเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต่างออกมารุมถล่มใส่รัฐบาลหนักหน่วง รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และที่น่าจับตา ก็คือ ทั้งสองพรรคต่างยุติการโจมตีซึ่งกันและกันมานานพักหนึ่งแล้ว อาจเรียกว่า “แสวงหาจุดร่วมสงวนจุดต่าง” นั่นคือ วางเรื่องความขัดแย้งแตกต่างเอาไว้ชั่วคราว แล้วมุ่งไปยังเป้าหมายข้างร่วมกัน ถึงขนาดที่ก่อนหน้านี้ มีการเสนอออกมาจากอดีต ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย เช่น อำนวย คลังผา เรียกร้องให้พรรคการเมืองสามัคคีกันเพื่อขัดขวางอำนาจนอกระบบ แม้จะไม่พูดตรงๆ ความหมายก็คือ ฝ่าย คสช.นั่นแหละ เนื่องจากพวกเขารับรู้เหมือนกับที่ชาวบ้านรับรู้และเข้าใจ ก็คือ มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องกลับมาอีกรอบแน่หลังการเลือกตั้ง

ดังนั้น มีวิธีเดียวที่จะสกัดกั้นไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะกลับมาก็คือ พวกพรรคการเมืองและนักการเมืองจะต้องจับมือกันไม่โหวตหนุน “คนนอก”

แม้ว่าเส้นทางข้างหน้ายังอีกไกลพอสมควร แต่ขึ้นกับสถานการณ์ในเวลานั้นจะเอื้ออำนวยให้แก่ฝ่ายไหน แต่เอาเป็นว่าในเฉพาะหน้าในช่วงปีเศษที่เหลือหากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถแก้ปัญหาปากท้องได้แบบเห็นหน้าเห็นหลัง ยกระดับสินค้าเกษตรขึ้นมาได้บ้าง รวมทั้งโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พวกยี้ถอยออกไปไกลๆ นั่นแหละพลังแท็กทีมของนักการเมืองก็จะไร้ความหมาย แต่ถ้าผลออกมาในทางตรงข้ามก็น่าหวาดเสียว!
กำลังโหลดความคิดเห็น