xs
xsm
sm
md
lg

“ตัวถ่วง” เกาะแน่น แววเสื่อมรัฐบาล คสช.ชัด-ขาลงทิ้งดิ่ง!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา



อย่าทำเป็นเล่นหรือท้าทายกับความรู้สึกของชาวบ้านเป็นอันขาด อย่าคิดว่าตัวเองมีอำนาจอยู่เต็มมือจะปิดหูปิดตาชาวบ้านไม่ให้ออกเคลื่อนไหวนั้นก็ขอบอกว่า “คิดผิด” และอย่าคิดว่าต้นทุนความศรัทธาหรือแรงสนับสนุนจะคงเส้นคงวา เคยเป็นอยู่อย่างไรเมื่อ 3 ปีก่อนแล้วจะเป็นอยู่แบบนั้นตลอดไป

แน่นอนว่า หากยอมรับสภาพความเป็นจริงก็ต้องบอกว่ารัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเข้าสู่ภาวะ “ขาลง” อย่างชัดเจน และหากไม่แก้เกมให้ดีให้สอดรับกับความรู้สึกของชาวบ้านรับรองว่าจะ “ลงแรง” ยิ่งกว่านี้อีก

ก่อนอื่นต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลนี้เป็น “รัฐบาลเผด็จการ” เต็มขั้น และสำหรับประเทศไทยหลายคนยังมั่นใจว่าสาเหตุที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังอยู่ได้ด้วยความ “คาดหวัง” ศรัทธามากกว่าจะเข้มแข็งด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จที่มี ซึ่งไม่มั่นใจว่าบรรดาคณะผู้นำในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเข้าใจหรือเปล่า

เพราะในระยะหลังเริ่มทำเรื่องที่ “ขัดใจ” กับความรู้สึกของชาวบ้านในหลายเรื่อง และ “ถี่ยิบ” จนน่าเกลียด โดยเฉพาะความรู้สึกในทางลบแบบต่อเนื่อง ซึ่งหากพิจารณากันแบบแยกส่วนก็ต้องบอกว่าส่วนใหญ่มาจากบรรดา “เพื่อนพ้องน้องพี่” หรือกล่าวกันตรงๆ ก็คือ บรรดา “ตัวถ่วง” ทั้งหลาย

หากจะให้โฟกัสให้เห็นภาพเข้าไปอีกก็บรรดา “พี่ใหญ่ - พี่รอง” และ “เพื่อนรัก” คนพวกนี้ล้วนแต่ขยันสร้างภาพลบได้แบบต่อเนื่องแบบไม่เกรงใจ

ล่าสุด กำลังเกิดขึ้นกับการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 35 คน ที่ในจำนวนนั้นมีน้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ

ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ร่วมเป็นกรรมาธิการ หน้าตาเฉย แถมยังมี “คู่หู” อย่าง พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ เพียงแค่ประวัติ “สีเทา” ก็ไม่สมควรเสนอหน้าเข้าไปแล้ว แต่นี่ยังเป็นคนที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติสอบสวนเรื่องประเด็นความ “ร่ำรวยผิดปกติ” แบบนี้แล้วจะสร้างความน่าเชื่อถือได้อย่างไร

ที่สำคัญ มันมองไปถึง “วาระซ่อนเร้น” เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในหลายๆ เรื่องที่จะสร้างความสงสัยให้กับชาวบ้าน เพราะอย่าพูดอย่างนั้นอย่างนี้เลยคนที่เป็นประธาน ป.ป.ช. ในเวลานี้ก็ล้วนเคยเป็น “ลูกน้อง” ของ พล.อ.ประวิตร และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาก่อน

การที่แต่งตั้งคนพวกนี้เข้าไปมันก็ชี้นำให้สังคมได้มองว่าเห็นว่า มัน “ผิดปกติ” และไม่น่าเชื่อถือ ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยประกาศว่าการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติพยายามสร้างจุดขายในเรื่องแบบนี้ขึ้นมา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง

แน่นอนว่า ข้ออ้างของบรรดา “ขาใหญ่” และผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายที่เรียงหน้าออกมาปกป้อง ไม่ว่าจะเป็น พรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช .รวมไปถึง วิษณุ เครืองาม รองนายกฯที่อ้างว่ากรณีของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่กำลังถูก ป.ป.ช. สอบสวนเรื่องความร่ำรวยผิดปกตินั้น ยังไม่มีการชี้มูลตีดสินออกมาดังนั้นถือว่ายังเป็น “ผู้บริสุทธิ์” ก็คงจะใช่ไม่มีใครเถียงเพราะนี่คือข้ออ้างทางกฎหมายแบบเถรตรง แต่คำถามก็คือเรื่อง “ความเหมาะสม” และเรื่องสปิริตที่ต้องมีมาตรฐานสูงกว่าคนอื่น

อีกทั้งกรณีของ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ที่เป็นประธาน ป.ป.ช. ที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการด้วยนั้น ก็ยังถูกมองด้วยความสงสัยว่ามี “วาระซ่อนเร้น” ในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เพราะตัวเองเป็นหนึ่งในกรรมการ ป.ป.ช. ที่ต้องถูก “เซตซีโร่” เนื่องจากเข้าข่ายคุณสมบัติต้องห้ามที่พ้นจากตำแหน่งทางการเมืองมาไม่ครบ 10 ปี อีกทั้งที่ผ่านมาเขาก็ยืดอกยอมรับว่าใกล้ชิดกับครอบครัว “วงษ์สุวรรณ” ซึ่งความหมายที่เข้าใจง่าย ก็คือ “เด็กในบ้าน” นั่นแหละ ที่ผ่านมา ก็ถูกวิจารณ์ในเรื่องการส่งฟ้อง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พร้อมกับผู้ต้องหารายอื่นจากคดีการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 51 ในทำนองให้การช่วยเหลือทำสำนวนฟ้องที่ “อ่อนยวบ” อะไรประมาณนี้

สรุปก็คือ กรณีเป็นกรรมาธิการฯพระราชบัญญัติว่าด้วย ป.ป.ช. จะเป็น “จุดอ่อน” และจะถูกสังคมและฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองนำไปขยายผลถล่มซ้ำ ส่วนจะบานปลายจนกลายเป็น “จุดตาย” ได้หรือไม่ น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลายเรื่องเวลานี้ทั้งรัฐบาลโดนถล่มประดังเข้ามาเรียกว่าอยู่ในช่วง “ขาลง” เต็มรูปแบบ ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสื่อมความนิยมลงไปอย่างรวดเร็ว

นอกเหนือจากนี้ ยังมีกรณีข่าว “ตั้งพรรคทหาร” ที่ “พี่ใหญ่” แบะท่าว่าจำเป็นต้องทำ มันก็ยิ่งเป็น “ลาภปาก” ของชาวบ้านและฝ่ายนักการเมือง เพราะทุกอย่างมันปรากฏชัดทำนองว่า “นั่นไงคิดสืบทอดอำนาจแบบเอาเปรียบคนอื่น” และที่สำคัญ มันไม่มีทางไปรอด เพราะเข้าอีหรอบเดิมแบบ “ฝนตกขี้หมูไหล”

แต่ละดอกประมาทไม่ได้เป็นอันขาด เพราะเมื่อความศรัทธาหด ทุกอย่างเริ่มขาลง ก็น่าจะลองสำรวจตัวเองกันบ้างว่าใครเป็น “ตัวถ่วง” สร้างความพะรุงพะรังไร้ประโยชน์ก็น่าจะสลัดทิ้งไปก่อนจะ “ทิ้งดิ่ง” พังกันไปทั้งพวง !!
กำลังโหลดความคิดเห็น