xs
xsm
sm
md
lg

โปรโมชั่นนาทีทอง!! “ครม.ลุงตู่” อดใจไม่ไหว ต้องเคาะซื้อ “เครื่องตรวจความเร็วสเปกเทพ” ที่ “มท.ป๊อก” ตื้อขอซื้อมาหลายครั้ง เจอข้อเสนองามดัมป์ราคาจากเครื่องละเกือบล้านเหลือแค่ 6 แสนเศษ หวั่นใจซ้ำรอย “เรือเหี่ยว-ไม้ล้างป่าช้า” รึป่าว??

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ข่าวปนคน คนปนข่าว

** โปรโมชั่นนาทีทอง!! “ครม.ลุงตู่” อดใจไม่ไหว ต้องเคาะซื้อ “เครื่องตรวจความเร็วสเปกเทพ” ที่ “มท.ป๊อก” ตื้อขอซื้อมาหลายครั้ง เจอข้อเสนองามดัมป์ราคาจากเครื่องละเกือบล้านเหลือแค่ 6 แสนเศษ หวั่นใจซ้ำรอย “เรือเหี่ยว - ไม้ล้างป่าช้า” รึป่าว??

ตั้งเรื่องมาร่วมปี ตื้อมาหลายหน .. กว่าที่ “ครม.ลุงตู่” จะเคาะเมื่อการประชุมวันก่อน ตามที่ “ป๋าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำกับ “กระทรวงมหาดไทย” และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอของบประมาณ 573 ล้านบาทเศษ เพื่อให้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดหา “เครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา” จำนวน 849 เครื่อง เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) .. ด้วยเหตุผลคลาสสิกว่า เนื่องจากเครื่องรุ่นเก่าใช้งานมานาน 15 ปี ชำรุดทรุดโทรมไปตามเรื่อง .. ที่น่าตกใจก็เครื่องวัดความเร็วที่ว่าราคาเครื่องละ 9 แสนบาท พูดง่ายๆ เหยียบล้านบาทต่อเครื่อง .. โครงการเดียวกันนี้ก็มีการชงเข้า ครม. มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ถูกสกัดโดย “สำนักงบประมาณ” ที่มองว่า “ราคาแพงเกินไป” ตีเรื่องกลับไปให้ “มหาดไทย” ทบทวนการจัดซื้อ รวมทั้งมีข้อสังเกตแนบไปด้วยว่า เครื่องตรวจจับความเร็วที่ สตช. เคยซื้อราคาแค่ราว 1.3 แสนบาทเท่านั้น .. แต่เมื่อโครงการวนกลับเข้า ครม. ทาง “มหาดไทย” ก็ยังยันเครื่องรุ่นเดิมเข้ามา ด้วยเหตุผลว่า “สเปกเทพ” เป็นสเปกเครื่องตรวจจับความเร็วระบบแสงเลเซอร์แบบมือถือ (พกพา) บรรยายสรรพคุณไว้อย่างดีงาม .. พร้อม “โปรโมชั่นนาทีทอง” ลดราคาจากเครื่องละ 9 แสนบาท เหลือราว 6.75 แสนบาท ไม่เท่านั้นยังยอมลดจำนวนจากเดิม 1,064 เครื่อง ลงไป 215 เครื่อง เหลือเพียง 849 เครื่อง ด้วยงบประมาณ 573,075,000 บาท ประหยัดงบไปได้ถึง 384,525,000 บาท .. โปรโมชั่นดีขนาดนี้ “ครม.ลุงตู่” อดใจไม่ไหว เคาะซื้อทันที .. จะซื้อจะหาไม่ว่ากัน หวั่นใจก็แค่คนตรวจสเปกพะยี่ห้อ “บิ๊กป๊อก” เจ้าของผลงาน “สเปกเทพ” ทั้ง “เรือเหี่ยว - ไม้ล้างป่าช้า” อันลือลั่นนั่นแหละ.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
** ขี้จุ๊..เบ่เบ้ ขี้ตู่..ตะลันล๊า!! “บิ๊กรัฐบาล” จุดพลุ “เจ้าพ่อเฟซบุ๊ก” เยือนไทย ล็อกคิวเข้าพบ “ลุงตู่” เป็นตุเป็นตะ หวังโหนกระแสพยุง “ขาลง” ก่อนหงายเงิบหลังไม่เป็นท่า

ท่ามกลางกระแส “ขาลง” ของ “รัฐบาล คสช.” ในสายตาคนไทย ก็เลยมีความพยายามปั้นซีนให้เห็นว่า “รัฐบาลลุงตู่” กำลัง “ขาขึ้น” ในสายตานานาอารยประเทศ .. โดยเฉพาะฉากที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปยืนอยู่ที่ไวท์เฮาส์ ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องแลกมาด้วยออเดอร์สั่งซื้อสินค้า “เมดอินยูเอสเอ” หลายรายการ .. กลับจากแดนลุงแซมมาได้ไม่ทันไร “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯเศรษฐกิจ ก็ออกมาจุดพลุข่าวฮือฮาว่า มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook มีกำหนดการมาเยือนประเทศไทยในช่วงปลายเดือน ต.ค. นี้ .. สำทับกับข่าวเมื่อปีกลายที่ “บิ๊กจิน” พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯกำกับดูแลงานโทรคมนาคม เคยไปปะหน้า “พี่มาร์ก” ที่การประชุมเอเปก ชักชวนให้มาเยือนไทยในปีนี้ .. ไม่เท่านั้น “เฮียกวง” ยังล็อกคิวว่า “หลานมาร์ก” จะเข้าพบ “ลุงตู่” ในวันที่ 30 ต.ค. นี้ด้วย ทำเอา “ติ่งลุงตู่” กระดี๊กระด๊าเป็นการใหญ่ .. ที่มาที่ไปของกำหนดการเยือนไทยของ “เฮียมาร์ก” มาจากไหนไม่ทราบได้ แต่ก็กลายเป็นคำถามหนึ่งที่นักข่าวสอบถาม “ท่านผู้นำไทย” ภายหลังประชุม ครม. เมื่อวันก่อน .. ได้รับคำตอบมาว่า “พี่มาร์ก” เป็นคนขอเข้าพบเพื่อแสวงหาความร่วมมือในการป้องกันและลดผลกระทบจาก “อาชญากรรมข้ามชาติ” เพิ่มน้ำหนักว่าไม่ใช่ “ข่าวไก่กา” แน่นอน .. ก่อนจะมา “หงายเงิบ” เมื่อมีผู้สอบถามไปยัง “โฆษกของเฟซบุ๊ก” ถึงการมาเยือนไทยของเจ้านาย ก็ได้รับคำตอบมาว่าว่า “There are no plans currently for any of our senior leaders to visit Thailand.” .. แปลเป็นไทยว่า “ผู้บริหารระดับสูงของเฟซบุ๊กยังไม่มีแผนที่จะเดินทางมาประเทศไทยในช่วงเวลานี้” .. ซ้ำรอยเมื่อครั้ง “คนในรัฐบาล” ขี้ตู่ขึ้นมาว่า “ลุงทรัมป์” โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อสายตรงมาถึง “ลุงตู่” ชวนไปมีตติ้งที่ทำเนียบขาว วอชิงตัน ดี.ซี. ตั้งแต่ชนะเลือกตั้งใหม่ๆ แต่กว่าจะไปได้ไปจริงๆ ก็ผ่านไปค่อนปี .. แต่คราวนี้คง “หน้าแหก” กว่าครั้งนั้นหน่อยๆ ก็มีรายงานข่าวด้วยว่า เดิม “เจ้าพ่อเฟซบุ๊ก” มีกำหนดการมาเยือนไทยในช่วงปลายเดือนนี้จริงๆ .. แต่มา “เป็นการส่วนตัว” ดันเกิดข่าวรั่วไปเข้าหู “บิ๊กรัฐบาล” ที่กะรวบหัวรวบหางนำตัวเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อชูภาพ “บุคคลสำคัญระดับโลก” มาเยือนอย่างเป็นทางการก็เป็นได้ จนต้องยกเลิกกำหนดการทั้งหมดไปก่อน .. ย้อนกลับไปหลายปีก่อน “เจ้าพ่อเฟซบุ๊ก” ก็เคยมาเยือนไทยแบบเงียบๆแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อร่วมงานแต่งงานของหุ้นส่วนที่มีแฟนเป็นคนไทย .. ครั้งนั้นมีข่าวฮือฮาเช่นกันว่า “ผับดังย่านทองหล่อ” ไม่ยอมให้ “มหาเศรษฐีระดับโลก” ผู้นี้เข้าไปใช้บริการ เนื่องจากไม่ได้จองไว้ก่อน .. ทั้งครั้งนั้นครั้งนี้เจอประสบการณ์แบบ Amazing Thailand เข้าไป “พี่มาร์ก” คงขยาด “แลนด์ ออฟ สมายด์” ไปอีกนาน
พานทองแท้ ชินวัตร
** “ผู้ต้องหา” เต็มขั้น!! “ยอดชายนายโอ๊ค” เข้ารับทราบข้อหากับ “ดีเอสไอ” ก่อนวันนัดร่วมสัปดาห์ รอดูตอนจบคดี “เงินปากถุง” ที่คงไม่แคล้วได้ย้ายสำมะโนครัวไปต่างแดน ซ้ำรอย “พ่อแม้ว -
อาปู” แฮปปี้เอนดิ้งแบบ “ดีลชินสุวรรณ”


โอ๊ะ!! ต้องถอนคำที่เคยตั้งแง่ “สบประมาท” ว่า “หนุ่มโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ทักษิณ ชินวัตร คงจะชิ่งหนีไปแล้ว หลังถูกพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเข้ารับทราบ “ข้อหาคดีฟอกเงิน” กรณีผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อให้แก่กลุ่มบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) โดยมิชอบ .. ก็ล่าสุดมีข่าว พร้อมภาพประกอบจากวงจรปิดว่า “ชายโอ๊ค” พร้อมพวก “เกศินี จิปิภพ - กาญจนาภา หงษ์เหิน - วันชัย หงษ์เหิน” ที่ถูกตั้งข้อหาเดียวกัน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วแบบเงียบๆ .. เป็นการไปล่วงหน้าตั้งร่วมสัปดาห์ ก็จริงๆ นัดหมายกันไว้วันที่ 24 ต.ค. นู่น .. แน่นอนว่า “หนุ่มโอ๊ค” ที่วันนี้มีสถานะเป็น “ผู้ต้องหา” เต็มตัวก็ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาตามที่พยายามเคลื่อนไหวมาโดยตลอด ก่อนได้รับการปล่อยตัวไปในชั้นนี้ .. ถือเป็นการเดินหมากอย่างรอบคอบของฝ่าย “นายโอ๊ค” ที่คงเช็กดีแล้วว่า มาโชว์ตัวเดี๋ยวเดียวก็ได้กลับบ้าน ขืนดื้อด้านไม่มา ก็สุ่มเสี่ยงที่จะถูกออกหมายจับ .. ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นแค่ “ละครฉากหนึ่ง” ที่เหมือนไม่มีความคืบหน้าในเรื่องคดีใดๆ เลย ลากถูกันไปจนอาจหมดอายุความเหมือน “คดีรับของโจร” ก็เป็นได้ .. เพราะย้ำหลายครั้งแล้วว่าการดำเนินคดีกับ “โอ๊คอ๊าค” ในคดีกรุงไทยปล่อยกู้กฤษดามหานคร ล่าช้าแบบ “ผิดปกติ” .. ทั้งที่ตั้งแท่นมาตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 นู่น จนป่านนี้ระดับบิ๊กๆ ชักแถวเข้าตารางไปตั้งหลายคนแล้ว.. จะขาดไปก็แต่ “บิ๊กบอส” ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะจำเลยที่ 1 ที่หลบหนีคดี มีหมายจับอยู่ .. ส่วนคดี “โอ๊คและพวก” ก็มีหลักฐานขี้ชัดว่า ร่วมรับประโยชน์ “เงินปากถุง” จากการปล่อยกู้ให้กับบริษัทลูกของ กฤษดามหานคร ในวงเงินร่วม 9,900 ล้านบาทเศษ ในครั้งนั้นชัดเจนอยู่ในคำพิพากษาคดีใหญ่อยู่แล้ว .. ทำเป็น “มะงุมมะงาหรา” ไปเรื่อยๆ แบบนี้ ก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่า ที่ “ยอดชายนายโอ๊ค” ยังอยู่รอดปลอดภัยก็ด้วยอภินิหารของ “ดีลชินสุวรรณ” ที่ “บิ๊ก คสช.- ระบอบทักษิณ” สมยอมเกี้ยเซี้ยกันนั่นเอง .. และอย่าได้แปลกใจไป หากสุดท้ายคดีงวดเข้าสู่จุดจบ แล้วจู่ๆ “ลูกโอ๊ค” จะย้ายสำมะโนครัวไปต่างแดน ซ้ำรอย “พ่อษิณ” และ “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร .. กลายเป็นตอนจบแบบวินๆของ “บิ๊ก คสช.- ระบอบทักษิณ” แฮปปี้เอนดิ้งกันไป.

ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น