xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” เดือดร้อนหนักถูกดำเนินคดี “จาบจ้วงฯ” !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา



จะเรียกว่านั่งไม่ติดกระวนกระกระวายก็อาจกล่าวแบบนั้นได้สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ในเวลานี้ หลังจากมีการเคลื่อนไหวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งอัยการสูงสุด และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เตรียมรื้อฟื้นคดีสำคัญอย่างน้อย 4 คดีขึ้นมาดำเนินการต่อหลังจากที่พระราชบัญญัติพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีผลบังคับใช้ เพราะความหมายก็คือจากเดิมคดีที่ถูกดำเนินคดีดังกล่าวในศาล หรืออยู่ในขั้นสอบสวนต้องหยุดชะงักชั่วคราว หรือ “จำหน่าย” ออกไปชั่วคราว เนื่องจากจำเลยหรือผู้ต้องหา คือ ทักษิณ หลบหนีซึ่งก็รับรู้กันว่าหลบหนีไปต่างประเทศมานานนับสิบปีแล้ว

โดยพระราชบัญญัติที่ว่านี้เมื่อบังคับใช้เท่ากับว่าสามารถพิจารณาคดี “ลับหลัง” จำเลยได้ นั่นคือ ไม่ว่าจะได้ตัว ทักษิณ ชินวัตร มาปรากฏตัวได้หรือไม้ก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะคดี “ทุจริต” สารพัดคดีที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ก็จะได้เดินหน้าต่อทันที

ก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุดคนใหม่ เข็มชัย ชุติวงศ์ แถลงหลังเข้ารับตำแหน่งใหม่เมื่อสัปดาห์ก่อนกล่าวถึงการรื้อฟื้นคดีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นจำเลยและผู้ต้องหาหลายคดีหลังจากที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่บังคับใช้

ถัดมา วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ก็รับลูกโดยย้ำว่าจากนี้จะมีการศึกษาในข้อเท็จจริงและเสนอตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาศึกษาสำนวนทั้งในส่วนของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายทั้งหมด เพื่อให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งการต่อไป

สำหรับในส่วนของคดีอาญาสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานอัยการสูงสุดที่ค้างคาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็มีคดีทุจริตเงินกู้ธนาคารกรุงไทยที่ปล่อยกู้ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร รวมไปถึงคดีทุจริตกรณีออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือและดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต คดีหวยบนดิน คดีปล่อยกู้ของธนาคารส่งออกและนำเข้า (เอ็กซิมแบงก์) ที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สรุปสำนวนสั่งฟ้องเอง

เป็นอันว่าเพียงแค่คดีอาญาดังกล่าวก็ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวนอนสะดุ้งแปดตลบกันไปแล้ว เพราะทุกคดีเสี่ยงคุกตะรางทั้งสิ้น ที่ผ่านมา ที่ชะงักส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะถูก “จงใจแช่แข็ง” เอาไว้ อาจเป็นเพราะติดขัดเรื่องกฎหมาย รวมทั้งกลไกราชการไม่ทำงานเนื่องจากถูกครอบงำทางการเมืองเอาไว้ แต่มาถึงวันนี้ทุกอย่างต้องเดินหน้ามันก็ทำให้เขานั่งไม่ติด เพราะเดือดร้อนแน่นอน

พิจารณาจากคำแถลงของอัยการสูงสุดคนใหม่ เข็มชัย ชุติวงศ์ นอกเหนือจากเรื่องการรื้อฟื้นคดีอาญาที่เคยฟ้องในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อมีกฎหมายบังคับใช้จนสามารถดำเนินคดีลับหลังได้แล้ว ยังมีอีกคดีที่สำคัญที่อัยการสูงสุดคนนี้ยืนยันว่าต้องดำเนินการต่อก็คือ “คดีหมิ่นเบื้องสูง” และความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการติดตามตัวโดยการออกหมายจับ แต่คดีหลังนี้เป็นคดีอาญาไม่ใช่คดีทุจริต ดังนั้น การฟ้องจึงต้องมีตัวจำเลยมายื่นต่อศาล

แม้ว่าการติดตามตัวมาดำเนินคดีนั้นยากแสนยาก และใช้เวลา แต่สำหรับคดีหมิ่นเบื้องสูงดังกล่าวที่อัยการสูงสุดคนก่อนได้อนุมัติสั่งฟ้องเอาไว้ถือว่าสร้างแรง “สั่นสะเทือน” กับ ทักษิณ ชินวัตร อย่างแรง โดยเฉพาะหากมีการรื้อฟื้นดำเนินคดีในช่วงเวลาแบบนี้ โดยสังเกตได้ว่าเขามีความเดือดร้อนจนนั่งไม่ติดแค่ไหนเห็นได้จากการส่งตัวแทนและทนายความไปยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมหลังจากที่อัยการสูงสุดได้สั่งเดินหน้าดำเนินคดีต่อเนื่องทันที

ขณะเดียวกัน ถัดมาเขาก็ใช้โลกโซเชียลโพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมาโดยอ้างว่ามีการแอบอ้างข้อความจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง โดยมีการอ้างถึงชื่อเขาด้วย ทำให้เขารับทราบเรื่องดังกล่าวด้วยความไม่สบายใจ และยืนยันว่า ไม่รู้จักบุคคลดังกล่าว และไม่เคยแม้ที่จะคิดล่วงเกินสถาบันฯเลยแม้แต่น้อย และขอประณามวิธีการดังกล่าว และยืนยันเอาเรื่องจนถึงที่สุดในการนำชื่อเขาไปเกี่ยวข้อง อีกทั้งประกาศว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่มีการแอบอ้างหรือพาดพิงมาที่เขาทุกคน

เอาเป็นว่า ไม่ว่า ทักษิณ ชินวัตร จะกล่าวถึงคนที่เขาอ้างว่ามีการแอบอ้างชื่อเขาไปจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงนั้นเป็นใคร มีชื่ออะไรบ้าง ก็เป็นเรื่องที่ ทักษิณ จะดำเนินการต่อไปก็เป็นเรื่องของเขา แต่ที่ต้องพิจารณาก็คือ จะโฟกัสเอาเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง จนเป็นที่มาของการถูกอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องดำเนินคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาตามมาตรา 112

ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 25558 กองทัพบกมอบหมายให้ พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผู้อำนวยการสำนักพระธรรมนูญ กองทัพบกเป็นโจทก์ฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร ที่ศาลอาญาในคดีดำเลขที่ 1824/2558 ฐานหมิ่นประมาท จากการให้สัมภาษณ์ที่ประเทศเกาหลี

ต่อมากองบังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ ทักษิณ ชินวัตร ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พระราชบัญญัติความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และน่าจะเป็นคดีนี้แหละที่ในที่สุดแล้วทางอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้อง

หากกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร โผล่จากต่างประเทศโพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ อ้างว่า ไม่เกี่ยวข้องกับใครก็ตามที่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง และไม่ได้เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าวโดยจะดำเนินคดีกับคนเหล่านั้น ก็จะเป็นเรื่องของเขาที่ต้องดำเนินการกันไป แม้ว่าที่ผ่านมาถ้ามองย้อนกลับไปบุคคลที่ถูกดำเนินคดี ถูกจำคุกหลายคนในคดีอาญาประเภทเดียวกันก็ล้วนแต่เกี่ยวข้องหรือเคยใกล้ชิดกับเขา รวมไปถึงการเคลื่อนไหวทางการเมืองในเครือข่ายเดียวกัน

แต่ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากคดีที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีที่เขา “จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง” มีความผิดตามมาตรา 112 ก็ถือว่าเจาะจงมาที่เขาโดยตรง และเป็นผลสืบเนื่องมาจากการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ต่างกรรม ต่างวาระหลายครั้ง รวมไปถึงพฤติกรรมที่น่าสงสัยระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนถึงปี 2549 ดังนั้น การเคลื่อนไหวล่าสุดของเขาจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นเพราะนั่งไม่ติด เดือดร้อนจากการที่อัยการสุงสุดเดินหน้าดำเนินคดีความผิดฐานจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงในช่วงเวลานี้หรือไม่ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น