xs
xsm
sm
md
lg

“วิรัตน์” แฉรัฐเตรียมคลอด กม.โอนกรรมสิทธิ์ธรณีสงฆ์ เอื้อ “ยงยุทธ” ส่อหลุดคดีอัลไพน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายประชาธิปัตย์ แฉสำนักพุทธฯ กรมที่ดิน เตรียมออกกฎหมายใหม่เป็นคุณแก่คดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ ชง พ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ธรณีสงฆ์ให้กับมูลนิธิมหามกุฏฯ จ่อชง สนช.เห็นชอบ จี้รัฐทำตามประสงค์เจ้าของที่ แล้วค่อยแก้ปมผู้ซื้อโดยสุจริต ซัดคนออกส่อทุเรศหักหลังคนตาย เชื่อ “ยงยุทธ” ยกใช้สู้อุทธรณ์ให้หลุดคดีแน่ ปูดนำไปฟังความเห็นชาวบ้านก่อนศาลพิพากษาด้วย

วันนี้ (1 ก.ย.) นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาสนามกอล์ฟอัลไพน์และคดีอัลไพน์ว่า ในฐานะที่ตนทำงานติดตามมาตั้งแต่ต้น พบว่ากำลังจะมีการออกกฎหมายกรณีที่ดินอัลไพน์ ที่อาจจะเป็นคุณแก่คนที่ทำความผิดในเรื่องคดีอัลไพน์ อย่างนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เพิ่งถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตัดสินจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา เพราะจากข่าวที่ว่าในเวลานี้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และ กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย มีแนวคิดจะเสนอร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหาร ต.ประจวบคีรีขันธ์ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา พ.ศ. ... จนมีการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวออกมาและมีการเปิดรับฟังความเห็นประชาชน และเตรียมเสนอให้รัฐบาลและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบ

นายวิรัตน์กล่าวว่า พบว่าสาระสำคัญ คือ การจะออกกฎหมายเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามฯ ที่อยู่ใน ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วพินัยกรรมของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ทำไว้ว่า ให้ยกที่ดินดังกล่าวให้กับวัดธรรมิการามฯ ไม่ใช่ให้เป็นของมูลนิธิฯ เพราะวัดกับมูลนิธิฯ ที่เป็นนิติบุคคล เป็นคนละส่วนกัน หากเป็นคนก็คือคนละคนกัน วิธีการที่ถูกต้อง รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรทำให้เป็นไปตามพินัยกรรมและความประสงค์ของนางเนื่อม คือทำให้ที่ดินกลับไปเป็นของวัด แล้วจากนั้นก็มาแก้ปัญหาให้กับผู้ได้รับผลกระทบ เช่น ประชาชนที่ไปซื้อบ้านจัดสรร หรือที่ดินในโครงการหมู่บ้านอัลไพน์ที่เขาซื้อมาด้วยความสุจริตใจ โดยรัฐบาลค่อยแก้ปัญหานี้อีกทีหนึ่ง

“ผมเชื่อว่าเรื่องนี้ นายกฯ ประยุทธ์ไม่รู้เรื่องรายละเอียด เป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่รู้ว่าใครคิดจะทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ก็ควรกลับไปทำให้ทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนตั้งแต่แรก ตามที่พินัยกรรมของนางเนื่อมเขียนไว้ ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินเคยมีคำสั่งความเห็นแล้วว่า ให้เพิกถอนการทำนิติกรรมระหว่างมูลนิธิฯ กับเอกชน ที่ทำกันโดยมิชอบ โดยต้องทำให้ที่ดินกลับมาเป็นของวัดก่อนเป็นลำดับแรก เพราะวัดกับมูลนิธิฯ คนละส่วนกัน คือให้ยึดหลักทำตามเจตจำนงของเจ้าของที่ดิน ที่เขาต้องการให้ที่ดินเป็นของวัดไม่ใช่ของมูลนิธิฯ เพราะนางเนื่อม ต้องการให้ที่ดินเป็นของวัด แต่ให้มูลนิธิฯ ดูแล หากมีการไปออกกฎหมายแบบนี้ ก็เท่ากับขัดต่อเจตนาของเจ้าของที่ดิน เท่ากับเป็นการไปหักหลังเจ้าของที่ดินที่เสียชีวิตไปแล้ว หากทำแบบนี้ทุเรศมาก หักหลังผู้เสียชีวิต ผมคิดว่ารัฐบาลไม่ควรเอาด้วยกับกฎหมายนี้ เพราะมันจะเป็นการทำให้นายยงยุทธ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดกรณีใช้อำนาจทางปกครองไปทำเรื่องอัลไพน์ จะยกกฎหมายนี้ มาสู้คดีตอนอุทธรณ์ได้ จะเป็นการไปช่วยนายยงยุทธให้พ้นผิดได้ ถ้าออกมาแบบนี้นายยงยุทธอาจจะรอดได้เลย” นายวิรัตน์กล่าว

นายวิรัตน์กล่าวว่า ในการออกพระราชบัญญัติให้ที่ดินดังกล่าวให้ไปเป็นของมูลนิธิฯ สังคมจะตั้งคำถามว่าเพื่อให้การจดทะเบียนโอนขายระหว่างมูลนิธิกับเอกชนชอบด้วยกฎหมาย แล้วมันจะไปมีผลต่อการอุทธรณ์คดีของนายยงยุทธ ดังนั้น ถ้าจะมีการออกร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยไม่มีคำอธิบายหรือยังไม่ทำความเข้าใจกับประชาชน จะไม่อาจแก้ปัญหาที่คาราคาซังทับถมมาเป็นเวลาร่วม 30 ปีเศษได้ เพราะฉะนั้นหากจะมีการส่งร่าง พ.ร.บ.นี้ใปให้ สนช. ก็ไม่ใช่แค่รับแล้วไปพิจารณา แต่ต้องลงมติคว่ำ ตีตกตั้งแต่วาระแรกไปเลย เพราะมันเป็นการจะไปออกกฎหมายหักหลังคนที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ในเมื่อที่ดินเป็นของวัดก็ต้องเป็นของวัด จะไปออกกฎหมายมาไม่ให้ที่ดินเป็นของวัดได้อย่างไร

นายวิรัตน์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวฯ พบว่ามีการเผยแพร่และนำไปรับฟังความเห็นประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเป็นต้นเรื่องในการออกกฎหมายจะต้องฟังความเห็นประชาชนก่อนจะออกฎหมาย ซึ่งได้มีการรับฟังความเห็นประชาชน ในช่วง 7-23 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าได้ทำเสร็จสิ้นก่อนที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จะมีคำพิพากษาจำคุกนายยงยุทธ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งตัดสินไปเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา” นายวิรัตน์กล่าว
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา กรณีทุจริตที่ดินอัลไพน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเว็บไซต์ การรับฟังความคิดเห็นกฎหมายไทย ได้มีการเผยแพร่ “ร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหาร ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา พ.ศ. …” เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็น ช่วงวันที่ 7-23 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยมีสรุปสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้เสนอร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหาร ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติและได้จัดทำบันทึกวิเคราะห์สรุปสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ โดยมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้

๑. เหตุผลและความจำเป็นในการเสนอร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหาร ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏ ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา พ.ศ. ....

ด้วยนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๐ ตำบลคลองซอยที่ ๕ฝั่งตะวันออก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ ๗๓๐ ไร่ ๑ งาน ๕๑ ตารางวา และโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๔๔๖ ตำบลบึงอ้ายเสียบ (คลองซอยที่ ๕ ฝั่งตะวันตก) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานีเนื้อที่ ๑๙๔ ไร่ ๑ งาน ๒๔ ตารางวา ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้อาศัยอำนาจตามมาตรา ๘๔ และมาตรา ๘๕ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่อนุญาตให้วัดธรรมิการามวรวิหารถือครองที่ดินเกินกว่า ๕๐ ไร่ และต้องจำหน่ายจ่ายโอนเพื่อให้เป็นไป ตามกฎหมาย ประกอบกับคณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมใหญ่) มีความเห็นตามเรื่องเสร็จที่ ๗๓/๒๕๔๔ ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมมิการามวรวิหารแล้วตั้งแต่เจ้ามรดกถึงแก่กรรม ซึ่งการจำหน่ายจ่ายโอนจะกระทำได้โดยการตราเป็นพระราชบัญญัติ ตามความในมาตรา ๓๓ (๒) และมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และวัดธรรมิการามวรวิหารได้แสดงความประสงค์ไม่ต้องการโอน ทางทะเบียนที่ดินมาเป็นชื่อวัดผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่ต้องการจำหน่ายเพื่อนำเงินมาบำรุงวัดและเก็บดอกผล แต่เนื่องจากมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ได้จัดการมรดกโดยรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าวมาเป็นของมูลนิธิและได้จำหน่ายต่อไป โดยไม่ได้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ดังนั้น เพื่อให้การโอนที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งเป็นการคุ้มครองสิทธิและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนซึ่งครอบครองที่ดินอยู่ในขณะนี้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

๒. สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้
ร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหาร ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดธรรมิการามวรวิหาร ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๐ ตำบลคลองซอยที่ ๕ ฝั่งตะวันออก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ ๗๓๐ ไร่ ๑ งาน ๕๑ ตารางวา และโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๔๔๖ ตำบลบึงอ้ายเสียบ (คลองซอยที่ ๕ ฝั่งตะวันตก) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ ๑๙๔ ไร่ ๑ งาน ๒๔ ตารางวา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ตามคำสั่งศาลแพ่งคดีหมายเลขแดงที่ ๑๓๓๔๓/๒๕๓๓ ลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๓ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ทั้งนี้ ให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีอากร
กำลังโหลดความคิดเห็น