“สุเทพ” เสียดาย “ปู” หนี จับตาเครือข่ายแม้ว - “สาทิตย์” จี้รัฐบาลแจงคดีโกงจำนำข้าว

ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ เสียดาย “ยิ่งลักษณ์” หนีคดี นับถือ “บุญทรง” ยอมรับกระบวนการยุติธรรม หวังนักการเมืองติดคดีจะไม่ได้ประกันตัว รับตอบยากแก้การเมืองหรือไม่ แต่เชื่อคนไทยตื่นตัวเรื่องโกง จับตาเครือข่าย “แม้ว” ชี้ชาติไหนรับลี้ภัยต้องมีคำตอบให้สังคมโลก อย่าอ้าง คสช.จุ้นศาล ด้าน “สาทิตย์” จี้รัฐบาลแจงชาวบ้านคดีโกงจำนำข้าว เสียดาย “ปู” ไม่อยู่พิสูจน์ตัวเอง จะมาอ้างเป็นเกมการเมืองไม่ได้

วันนี้ (28 ส.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มารับฟังคำพิพากษาคดีรับจำนำข้าวจนเป็นเหตุให้ศาลออกหมายจับว่า สถานการณ์การเมืองไทยตลอด 10 ปีที่ผ่านมาทำให้สังคมไทยมีความรู้สึกว่าคนที่เข้าสู่อำนาจใช้อำนาจเกินขอบเขตเพื่อทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งการติดตามตรวจสอบทุจริตจำนำข้าวเกิดขึ้นจากหลายภาคส่วน ทั้งอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์, ป.ป.ช., สตง. และองค์กรต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน จนคดีเข้าสู่ศาลซึ่งเปิดโอกาสต่อสู้ได้เต็มที่ แต่น่าเสียดายที่เมื่อถึงวันชี้ขาดคดี จำเลยกลับหลบหนี แต่ยังมีบางส่วนในโครงการรับจำนำข้าว คือ คดีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ที่จำเลยถูกตัดสินลงโทษ คือนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวก ที่ถูกตัดสินลงโทษจำคุก ยังยอมรับกระบวนการยุติธรรมไทยซึ่งเป็นเรื่องน่านับถือ

นายสุเทพกล่าวว่า ส่วนกรณีการหนีคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็มีความเป็นห่วงว่าสังคมไทยส่วนใหญ่คิดว่าคุกมีไว้ขังคนจนเท่านั้น เพราะหลายคดีคนรวยหลบหนี ทั้งนายทักษิณ ชินวัตร ในคดีที่ดินรัชดาฯ นายประชา มาลีนนท์ คดีรถดับเพลิง ล่าสุดคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงหวังว่าวันข้างหน้าหากนักการเมืองที่มีคดีคนอื่นๆ แต่ยังไม่มีการตัดสินจะไม่ได้รับการประกันตัว เพราะมีตัวอย่างคนหลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การหนีคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ ทำให้ถือว่าแพ้ทางการเมืองหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เป็นเรื่องตอบยาก เพราะไม่ทราบว่าคนไทยจะลืมเรื่องนี้ไปหรือไม่ในอนาคต แต่เชื่อว่าขณะนี้คนไทยตื่นตัวเรื่องการทุจริตมาก และไม่อยากให้คนไม่มีเข้ามาสู่วงการเมืองได้

ทั้งนี้ นายสุเทพยังเชื่อว่าเครือข่ายของระบอบทักษิณยังมีนอมินีสามารถขับเคลื่อนทางการเมืองได้ โดยยกตัวอย่างในอดีตที่แม้นายทักษิณจะหลบหนีคดีไปแล้ว ยังมีตัวแทนเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 3 คน จึงขอให้สังคมไทยจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าองคาพยพยังมีการขับเคลื่อนอีกหรือไม่ เพราะล่าสุดนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ยังออกมาเคลื่อนไหวผ่านสังคมออนไลน์อยู่ ตนก็เชื่อว่ายังมีคนขายชาติขายวิญญาณให้ผลประโยชน์

เมื่อถามต่อว่า ล่าสุดสื่อต่างประเทศระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะขอลี้ภัยทางการเมืองกับประเทศอังกฤษ นายสุเทพกล่าวว่า ประเทศใดรับลี้ภัยทางการเมืองก็ต้องคิดหนักหน่อย เพราะคดีนี้ไม่ใช่คดีการเมือง แต่เป็นการหนีคำพิพากษาศาลในคดีที่มีการทุจริต ซึ่งประเทศในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลกต่างต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันทั้งนั้น หากประเทศใดรับลี้ภัยก็ต้องมีคำตอบชี้แจงต่อสังคมโลก

เมื่อถามต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจจะอ้างว่ากระบวนการศาลอาจถูกแทรกแซงโดย คสช. นายสุเทพกล่าวว่า จะไปอ้างเช่นนั้นไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ยังออกมาชื่นชมศาล หลังจากมีคำพิพากษายกฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นเรื่องสับสนที่คนในตระกูลเดียวกัน พูดไม่ตรงกัน หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์จะอ้างเช่นนี้จริง

ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา กปปส.เราโฟกัสที่การทุจริต การใช้อำนาจมิชอบของรัฐ รวมถึงการทุจริตโครงการจำนำข้าว ผลจากการที่ศาลตัดสินชี้ให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่นโยบาย แต่อยู่ที่การทุจริตที่เกิดขึ้นจริงซึ่งมีการร่วมมือกันตั้งแต่นักการเมือง ข้าราชการประจำ จนถึงพ่อค้า ดังนั้น การหนีไปต่างประเทศของอดีตนายกฯ ทำให้เกิดคำถามในสังคมที่ว่า คนที่เป็นนายกฯ คนต่อไปจะต้องรับโทษหรือไม่ ในกรณีที่ไม่รับงับยับยั้งโครงการ ในขณะที่รู้ว่าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาทุจริต ขณะเดียวกัน เรื่องการขอลี้ภัยนั้นตนมองว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าถามว่ากระทบต่อประเทศหรือไม่ ก็กระทบต่อคนที่ประกาศตัวเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะต้องยืนหยัดรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ และต่อไปนี้บรรทัดฐานของคนที่จะเป็นนายกฯ จะต้องเข้มงวดกว่านี้ และให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นกรณีตัวอย่าง ไม่ควรเกิดขึ้นอีก

“ผมคิดว่าเรื่องนี้รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ที่จะต้องอธิบายเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และชี้แจงว่าคดีโครงการรับจำนำข้าวว่าการทุจริตในมีที่มาที่ไปอย่างไร และส่งผลเสียหายอย่างไรต่อประเทศ ซึ่งการอธิบายข้อเท็จจริง สามารถลดกระแสไม่ให้กลุ่มคนบางกลุ่มหยิบไปบิดเบือนว่าเรื่องนี้เป็นการถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง” นายสาทิตย์กล่าว

เมื่อถามว่า ผลของคำพิพากษานายบุญทรง ถือว่าเป็นความสำเร็จของฝ่ายที่เคลื่อนไหวต่อต้านหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าว่า ที่ผ่านมาคนมักจะบอกว่ากระบวนการอภิปรายในรัฐสภาทำอะไรไม่ได้ แต่วันนี้ผลของการดำเนินการที่ยังดำเนินอยู่ก็เห็นชัด สิ่งที่ชัดสุดคือ กระบวนการทำงานของรัฐบาลจะต้องมีกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้อยู่เพื่อพิสูจน์ตัวเองในคดีนี้ และจะมาอ้างเป็นเกมการเมืองไม่ได้