เมืองไทย 360 องศา
ต้องยอมรับว่า มึนไปเหมือนกันกับข่าวที่จู่ๆ ก็ลอยลมมาจาก “นปช.แดง” สายต่างประเทศอย่าง จอม เพชรประดับ แนวร่วม นปช. ที่เพิ่งได้รับสัญชาติอเมริกันและลี้ภัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างสบายใจที่โพสต์ลงเฟซบุ๊ก อ้างว่า นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” ถูกชายชุดดำราว 10 คน อุ้มหายไปแล้ว และจนบัดนี้ยังไม่รู้ชะตากรรม
จอม เพชรประดับ คนนี้ยังอ้างอีกว่า เหตุการณ์ลักษณะอุ้มที่ว่านั้น เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 9.45 น. เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ตามเวลาในประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างที่เขาเดินทางกลับบ้านโดยรถยนต์ พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน โดยกลุ่มชายชุดดำดังกล่าวสวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า แต่พูดภาษาไทย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวกลุ่มชายชุดดำที่ว่านี้ได้จับเพื่อนของ “โกตี๋” ทั้งสองคนมัดเอาไว้ และปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้นำตัวไป มีเพียง วุฒิพงศ์ เท่านั้น ที่ถูกนำตัวไป คาดว่าจะนำไปยังฝั่งไทย โดยไม่ทราบชะตากรรม
ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ชูพงศ์ ถี่ถ้วน แกนนำ นปช.แดง อีกคนหนึ่ง ที่มีความผิดตามมาตรา 112 และคดีก่อการร้าย ที่ยังหลบหนีอยู่ต่างประเทศ กล่าวผ่านยูทูปออกตัวว่า แม้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในลาว แต่มี “แหล่งข่าว” ที่เชื่อถือได้ออกมาพูด และยังอ้างว่าพวกเขากำลังอยู่ในอันตราย และกล่าวว่า เวลานี้พวก คสช. พยายามไล่ล่าโดยตั้งหน่วยลาดตระเวนระยะไกลนับร้อยคน ใช้งบราชการลับ มีการส่งคนแฝงตัวและฝังตัวอยู่เป็นเวลานานเพื่อหาโอกาสลงมือ
ฟังดูก็น่าตื่นเต้นหรือไม่ก็เพลิดเพลินดี ไม่ต่างจากหนังสายลับ หรือหนังประเภทแอ็กชั่นที่มีการส่งหน่วยจู่โจมเข้าไปในต่างประเทศ เพื่อไปจับกุมตัวอาชญากร หรือหัวหน้าโจรก่อการร้าย รวมไปถึงการส่งหน่วยกล้าตายเข้าไปสังหารแล้วล่าถอยกลับมาแบบเงียบเชียบ ฟังที่พวกแกนนำแดง หรือแนวร่วมแดงดังกล่าวเปิดเผยออกมามันช่างน่าตื่นเต้น แม้ว่าบางมุมเหมือนกับนั่งฟังพวกบ้าสงครามโม้ให้เพื่อนในวงเหล้าฟังจนอ้าปากหวอกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี ก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือโม้ หรือว่า “สร้างข่าว” เพื่อหวังสร้างกระแสบางอย่างในช่วงเวลาประจวบเหมาะแบบนี้หรือเปล่าก็ไม่อาจพูดจาแสดงความเห็นไปแบบส่งเดช เพราะจะว่าไปมันก็เป็นวิกฤตินาทีชีวิตของบางคน จะล้อเล่นไปทั้งหมดคงไม่เหมาะ
แต่ถึงอย่างไรหากให้พูดกันแบบตรงๆ ก็ต้องมั่นใจเป็นส่วนมากว่า “มันเวอร์” ไปหน่อย และหากมีการลงมือแบบนี้จริงมันก็เสี่ยงต่อการกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นั่นคือ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาว พูดให้ตรงๆ ก็คือ นายโกตี๋ คนนี้หลบหนีลี้ภัยอยู่ในประเทศลาว และที่ผ่านมา ไทยก็พยายามเจรจาเรียกร้องให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่เรื่องก็ยังเงียบ แต่จู่ๆ หากมีชายชุดดำนับสิบคนบุกเข้าไปอุ้มแล้วนำเข้ามาฝั่งไทย หรือเข้าไป “อุ้มฆ่า” ที่นั่น มันก็เรื่องใหญ่ และประเทศเพื่อนบ้านประเทศนั้นคง “เต้นผาง” แน่
เรื่องแบบนี้มันถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากจริงๆ เพราะขนาด พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก และ เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังไม่กล้าแสดงความเห็นมากนัก โดยย้ำว่าเกรงจะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง จึงไม่อยากพูดอะไร
หรือแม้แต่ พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ยืนยันในทำนองเดียวกันว่าไม่รู้เรื่องกับข่าวดังกล่าว
เอาเป็นว่านาทีนี้ก็ต้องรอดูไปก่อน แม้ว่าเรื่องแบบนี้สำหรับคนๆ หนึ่งเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เป็นความเดือดร้อนของคนในครอบครัว แต่อีกด้านหนึ่งมันอดไม่ได้ที่จะบอกตรงๆ ว่ามัน “ทะแม่ง” ชอบกล ที่สำคัญ เหมือนกับการ “สร้างกระแส” อะไรบางอย่างขึ้นมาในช่วงเวลาแบบนี้เสียด้วย โดยเฉพาะเป็นช่วงการปลุกเร้ามวลชนที่ระดับ “นายหัว” หรือหัวขบวนกำลังต้องการกำลังใจเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประเภท “เน้นจำนวนคน” ให้มากที่สุด
ความหมายที่เข้าใจง่าย ก็คือ เป็นช่วงที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังต้องการมวลชนมาให้กำลังใจในช่วงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 25 สิงหาคม ที่เธอจะถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาในคดีที่เป็นเป็นเลยฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบปล่อยปละละเลย ทำให้เกิดความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวเป็นมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท แต่อีกด้านหนึ่งหลายคนก็มองออกไปอีกทางว่านี่คือ การ “ปลุกระดมมวลชนมากดดันศาล” ซึ่งที่ผ่านมา ในยุคของพี่ชายของเธอ คือ ทักษิณ ชินวัตร เคยนำวิธีการแบบนี้มาใช้จนได้ผลมาแล้วจากคดี “ซุกหุ้น” ในศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2544 ส่วนคราวนี้จะได้ผลเป็นประการใดต้องติดตามอย่ากะพริบตาเป็นอันขาด
เมื่อวกกลับมาที่ “โกตี๋” กันอีกครั้ง ว่า มันดู “ทะแม่ง” ชอบกล ทั้งคนที่เผยแพร่ข่าวดังกล่าว และคนที่นำข่าวมาบอกเล่าอีกทอดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นตัวโกตี๋เอง จอม เพชรประดับ หรือ ชูพงศ์ ถี่ถ้วน คนพวกนี้หากพิจารณาจากเส้นทางแล้ว ถือว่าเป็นระดับ “ปลายแถว” แบบสุดลูกหูลูกตาของครอบครัว ทักษิณ ชินวัตร ยังเทียบไม่ได้แม้แต่ระดับ เหวง โตจิราการ ไม่เช่นนั้น คงไม่หลบหนีเลาะตะเข็บชายแดนลาวอยู่ในเวลานี้หรอก อาจจะมียกเว้นสำหรับ จอม เพชรประดับ ที่อาศัยคราบของสื่อที่เคยชุบตัวอยู่นาน มีเครือข่ายสื่อต่างประเทศ และ องค์กรสิทธิมนุษยชนที่พวกประเทศตะวันตกมีความอ่อนไหวกับเรื่องนี้จนสามารถแปลงสัญชาติเป็นคนอเมริกันไปเรียบร้อยแล้วจนต้องแสดงความดีอกดีใจกันยกใหญ่ ซึ่งรายนี้อาจจะยกเว้น
ที่น่าสังเกตก็คือ หากจะอุ้มทำไมต้องอุ้มโกตี๋ เพราะถ้าเทียบเคียงกับ วัฒนา เมืองสุข ที่กำลังเคลื่อนไหวท้าทาย “เผด็จการ” อยู่ในเวลานี้ รายหลังน่าจะฮอตกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่าไม่ใช่หรือ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องเถื่อนๆ แบบนี้ขึ้นมาไม่ว่ากับใคร เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตให้ได้คิดเท่านั้นเองว่ามันดูแปลกๆ ไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าใดนัก
ดังนั้น ถ้าจะสรุปให้เห็นภาพก็ต้องบอกว่านี่อาจเป็นการสร้างกระแสอีกทางหนึ่ง ประเภทที่เรียกว่า “เอากันทุกทาง” เพื่อจะ “ปลุก” ขึ้นมาให้ได้ แม้ว่าจะเป็นระดับปลายแถวแค่ไหน แต่หากพอมีชื่อขึ้นมา มีคนติดตามบ้างเมื่อได้โอกาสก็ต้องมั่วเอาไว้ก่อน เพราะถึงอย่างมันก็ลงทุนน้อย ไม่มีทางขาดทุนอยู่แล้ว !!