xs
xsm
sm
md
lg

1 สิงหาให้กำลังใจ “ปู” แล้ว 2 ส.ค.อย่าลืมเหลือแบ่ง “พี่เขย” บ้าง !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา



จะเรียกว่างวดเข้ามาหรือนับถอยหลังกันแล้วสำหรับ “แมนเดลา” เมืองไทย และ “อองซานซูจี” เมืองไทย โดยคนแรกที่ถูกลูกน้องยกก้นให้เป็นวีรบุรุษของโลกหมายถึง ทักษิณ ชินวัตร ที่เวลานี้กำลังหลบหนีคดีทุจริตในต่างประเทศ 4 - 5 คดี และถูกศาลสั่งยึดทรัพย์อีกกว่า 4.6 หมื่นล้านบาท จากการปฏิบัติหน้าที่มิชอบเช่นเดียวกัน ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือ น้องสาวของคนแรก คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เวลานี้กำลังถูกมรสุมรุมเร้าและกำลังใกล้มาถึงบทสรุปเต็มทีแล้วว่าจะออกบวกหรือลบ

นาทีนี้คงต้องโฟกัสไปที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นหลัก เนื่องจากทั้งคดีอาญาและแพ่งกำลังเดินหน้างวดเข้ามาทุกที สำหรับคดีอาญาที่เธอถูกฟ้องเป็นจำเลยในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจากโครงการรับจำนำข้าวในข้อหาประพฤติมิชอบปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายมากว่า 5 แสนล้านบาท และศาลนัดตัดสินในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ โดยในวันที่ 1 สิงหาคม เธอจะต้องไปแถลงปิดคดีด้วยวาจา จากนั้นก็มีกำหนดยื่นแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 12 สิงหาคม

ส่วนคดีทางแพ่งที่กำลังถูกคำสั่งทางปกครองสั่งยึดอายัดทรัพย์จากการประเมินความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยกรมบังคับคดีได้เริ่มดำเนินการอายัดบัญชีเงินฝากและมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสืบหาทรัพย์สินไปแล้ว แม้ว่าล่าสุดเธอจะพยายามดิ้นรนหาทางยื้อเวลาออกไปอย่างเต็มที่ก็ตามทั้งการยื่นคำร้องคัดค้านอำนาจการพิจารณาของศาลฎีกาฯพร้อมทั้งให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความเสียก่อน ขณะที่คดีทางแพ่งก็ยื่นต่อศาลปกครองให้ทะเลาคำสั่งอายัดทรัพย์เอาไว้ก่อน จนกว่ามีคำพิพากษา ซึ่งก็ต้องลุ้นกันว่าผลจะออกมาอย่างไร

อย่างไรก็ตาม วันที่ 1 สิงหาคมนี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีกำหนดการต้องไปแถลงปิดคดีรับจำนำข้าวด้วยวาจา ซึ่งก็น่าจับตาว่าในวันดังกล่าวจะมีมวลชนมาให้กำลังใจมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากเวลานี้กำลังมีการเคลื่อนไหวในลักษณะปลุกเร้าอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ ในลักษณะที่ว่าเธอถูกกลั่นแกล้งและไม่ได้รับความเป็นธรรม

แม้ว่าหากพิจารณากันตามความเป็นจริงมองอีกมุมหนึ่งบางทีเหมือนกับว่ามันเป็นการ “บิดเบือน” ไปจากความเป็นจริง แล้วมีเป้าหมายที่ “ซ่อนเร้น” บางอย่าง ทั้งที่จะว่าไปแล้วคดีรับจำนำข้าวที่เป็นคดีอาญาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขั้นตอนในเวลานี้เป็นอำนาจการพิจารณาของศาลไปแล้ว ถูกผิดขึ้นอยู่กับคำตัดสินชี้ขาดตามพยานหลักฐานที่นำมาโต้แย้งกันซึ่งที่ผ่านมาศาลฎีกาฯก็ได้มีการไต่สวนหาความจริงอย่างเต็มที่ และที่สำคัญประจักษ์แห่งความจริงที่รับรู้มาตลอด ก็คือ ตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เดินทางมาศาลตามนัดหมาย มีการขนพยานทั้งบุคคล และเอกสารมาสู้กันอย่างเต็มที่ นั่นเท่ากับว่าเธอก็ใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย

ดังนั้น หากพิจารณาจากตรงนี้ ก็ต้องเข้าใจว่า “นี่คือเขตอำนาจศาล” แล้ว ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เวลานี้ถือว่าเลยขั้นตอนแบบนั้นไปไกลลิบแล้ว แต่ก็มีความพยายามจากบางคนในพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. บางคนบิดเบือนว่าเป็นเรื่องของการกลั่นแกล้ง มีการนำเอาเรื่องขั้นตอนในคดีทางแพ่งจากคำสั่งทางปกครองในขั้นตอนอายัดทรัพย์สินของยิ่งลักษณ์ มาสร้างอารมณ์ร่วมไปอีกแบบหนึ่ง

แม้ว่าในคดีทางแพ่งคดียังไม่สิ้นสุด ยังไม่ไปที่ขั้นตอนสุดท้ายที่มีการโต้แย้งจากฝ่าย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเชื่อว่า ต้องนำไปฟ้องกันในศาลและตามกระบวนการในทางคดีมีเวลาอีกนับเป็นปีๆ แต่ขั้นตอนเวลานี้ทางการบังคับคดีมีการอายัดทรัพย์เอาไว้ก่อนก็เพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ซึ่งในความเป็นจริง ก็คือ เวลานี้มีเงินในบัญชีของเธอลดน้อยลงเหลือไม่กี่บาทเป็นหลักแสนบาทเท่านั้นไม่ตรงกับบัญชีทรัพย์สินที่เคยยื่นกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังพ้นจากตำแหน่ง 1 ปีก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี เธอก็ยังสามารถยื่นคำร้องต่อศาลปกครองให้ทุเลาคำสั่งดังกล่าวไปก่อนได้ ซึ่งก็ต้องรอการพิจารณาของศาลก่อน

ขณะเดียวกัน สิ่งที่กำลังจะเกิดเฉพาะหน้าก็ต้องมาพิจารณาจากกำหนดการวันตัดสินคดีที่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายรัฐมนตรี “พี่เขย” ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินคดีที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยจากการสั่งสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งศาลฎีกาฯนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 2 สิงหาคม พร้อมกับพวกอีกจำนวนหนึ่ง ในนั้นก็มี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ขณะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น เป็นต้น

ดังนั้น ก็ต้องจับตามองว่าในวันที่ “พี่เขย” คือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ศาลนัดอ่านพิพากษาในวันที่ 2 สิงหาคม แต่บรรยากาศความเคลื่อนไหวสำหรับการให้กำลังใจกลับเงียบเชียบ ไม่ได้ยินเสียงพูดของใครที่ออกมาช่วยปลุกเร้ามวลชนมาให้กำลังใจกันบ้าง แบบนี่หรือเปล่าที่เรียกว่า “ไม่ยุติธรรม”!!
กำลังโหลดความคิดเห็น