xs
xsm
sm
md
lg

หนีไปเถอะ “น้องปู” คำขอร้องจาก “พี่ทหาร”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


ป้อมพระสุเมรุ

ปฏิทินการเมืองเดือนสิงหาคมร้อนฉ่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อมีนัดหมายของคดีที่เกี่ยวข้องกับ “บุคคลสำคัญ” ของระบอบทักษิณและพรรคเพื่อไทย อย่างน้อย 4 หมายสำคัญ ไล่ตั้งแต่ต้นเดือน วันที่ 1 สิงหาคม “หนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีคิวแถลงปิดคดีจำนำข้าวด้วยวาจากับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ถัดมา วันที่ 2 สิงหาคม นัดตัดสินคดีที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาตำรวจนครบาล เป็นจำเลยที่ 1-4 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551

จากนั้น วันที่ 15 สิงหาคม วันสุดท้ายที่โจทก์และจำเลยคดีจำนำข้าวแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษร โดยศาลได้นัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 เวลา 09.00 น. ในส่วนของคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อม.25/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 1, บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 2 และพวก หรือคดีทุจริตขายข้าวแบบ จีทูจี

ตบท้ายด้วยวันที่ 29 สิงหาคม ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 2544 และอดีตหัวหน้าหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ทั้งหลายทั้งปวง ไคลแมกซ์อยู่ที่ “คดีจำนำข้าว” ที่จะเป็นการปิดฉากมหากาพย์โครงการรับจำนำข้าว ที่เป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย ที่มีข้อมูลว่าได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างมหาศาล กว่า 5 แสนล้านบาท

หากแต่ตลอด 3 ปีกว่าที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยู่ในอำนาจมา ก็ยังไม่สามารถตัดจบมหากาพย์จำนำข้าวได้เสียที แน่นอนว่าด้านหนึ่งเป็นเพราะการที่เป็นคดีความในชั้นศาล ซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่อีกด้านนอกเหนือ

จากรอคำพิพากษา “รัฐบาล คสช.” ก็ใช้อำนาจปกติ ในการหนังสือคำสั่งทางปกครอง และใช้อำนาจพิเศษตาม มาตรา 44 ในการเดินหน้ากระบวนการยึดทรัพย์จากผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อชดใช้ความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว

โดยในส่วนของคนสำคัญอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับเกียรติให้ชดใช้เงิน จำนวน 35,717 ล้านบาท ขณะที่ นายบุญทรง นายภูมิ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ อัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และ พ.ต.ท.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ มีคำสั่งขอให้อายัดทรัพย์กรณีทางแพ่งกรณีทุจริตการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) มูลค่าร่วมกันราว 20,000 ล้านบาท

แม้จะมีคำสั่งมาตรา 44 ในการปกป้องข้าราชการไม่ให้ถูกฟ้องร้อง รวมทั้งอำนวยความสะดวกไม่ต้องติดขัดข้อกฎหมายแล้ว แต่กระบวนการยึด-อายัดทรัพย์ต่างๆ กลับไม่เดินหน้า ทั้งที่การยื่นขอคัดค้านการยึดทรัพย์ของจำเลยทุกคนไปยังศาลปกครอง ก็มีคำสั่งยกคำร้อง หรือทั้งหมดก็ตาม

จนมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2560 นี้เอง วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ผู้เคยประกาศใช้ “อภินิหารทางกฎหมาย” ในการยึดทรัพย์คดีจำนำข้าวคืนแผ่นดิน แม้จะถูกตั้งข้อสังเกตว่าใกล้จะหมดอายุความ กลับเป็นคนออกมายอมรับหน้าชื่นว่า ขณะนี้ กรมบังคับคดี ยังทำอะไรไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็หาทรัพย์ แต่เมื่อหาทรัพย์ไม่เจอก็หยุดไว้ก่อน เนื่องจากไม่ทราบจะไปทำอะไรที่ไหน

ทั้งที่ในบรรดาผู้ที่ถูกคำสั่งให้ยึดทรัพย์นั้น ก็มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไว้เกือบทุกคน อย่างน้อยๆ ก็มีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ล่าสุดยื่นเมื่อหลังจากพ้นตำแหน่งได้ 1 ปี ก็ราวต้นปี 2558 มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 693,866,287 บาท เป็นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ 615,844,660 บาท และเป็นของคู่สมรสอีก 76,546,159 บาท

ส่วนของนายบุญทรง ก็ยื่นไว้กับ ป.ป.ช. เมื่อเดือนมิถุนายน 2558 มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 17,828,911 บาท เป็นของนายบุญทรง 3,979,615 บาท และของคู่สมรศ 13,849,295 บาท

ขณะที่ นายภูมิ แจ้งไว้พร้อมกับนายบุญทรงว่า มีมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 39,377,047 บาท เป็นของนายภูมิ 26,441,538 บาท และของคู่สมรศ 12,935,508 บาท

ไม่เพียงแต่ยอดรวมทรัพย์สินเท่านั้น ยังแจกแจงรายการทรัพย์สินไว้ละเอียดยิบว่า มีอะไร-ที่ไหน-อย่างไร เป็น "ลายแทงสำเร็จรูป" ที่ไปสวมบท “อินนเดียน่าโจนส์” ไปล่าขุมทรัพย์กันได้เลย

แบะท่ากันเช่นนี้ก็หนีไม่พ้นจะถูกวิจารณ์ว่า มีการเตะถ่วง-ช่วยเหลือกัน โดยเฉพาะคิวของ สมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้รับผิดชอบในการตามล่าทรัพย์ ก็รับหน้าชื่นว่า ได้ตั้ง "คณะทำงานสืบทรัพย์" เพื่อติดตามสืบหาทรัพย์สิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ โดยต้องประสานหลายหน่วยงาน บลาๆๆๆ รวมทั้งติดที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยื่นคำร้องค้างไว้ที่ศาลปกครอง ซึ่งเรื่องนี้ทางนายวิษณุ ก็บอกเองว่า ยังไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวอะไรออกมา

เทียบกับกรณี "เสี่ยเปี๋ยง" อภิชาติ จันทร์สกุลพร อีกหนึ่งตัวละครสำคัญ ในคดีทุจริตจำนำข้าว ส่วนของการทุจริตระบายข้าวจีทูจี ก็ถูกชี้มูลความผิดจากป.ป.ช. เช่นเดียวกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงนาทีนี้ถูกทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์ไปแล้วเป็นหมื่นล้านบาท

แต่พอศาลนัด วัน ว. เวลา น. ในการฟังคำพอพากษาออกมา และกำลังเป็นประเด็นที่ฝ่ายทักษิณ ทั้งพรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่หยิบยกมาเลี้ยงกระแสทางการเมือง เพื่อทำให้เกิดภาพถูก “รัฐบาลทหาร” รังแกอย่างไม่เป็นธรรมอยู่นั้น “กรมบังคับคดี” ผ็รับผิดชอบหลักก็เกิดขยันขึ้นมา ดำเนินการอายัดบัญชีธนาคารจำนวน 16 บัญชีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามที่กระทรวงการคลังได้ส่งคำร้องมาให้ ทั้งที่เป็นเรื่องที่น่าจะทำได้ตั้งนานแล้ว

ก่อนที่ฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะออกมาโอดครวญว่า ไม่เพียงแต่ถูกอายัดบัญชีไว้เท่านั้น ตอนนี้ได้มีการเบิกถอนเงินออกจากบางบัญชีแล้วด้วย จนกลายเรื่องวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วว่า เหตุใดฝ่ายรัฐถึงทะเล่อทะล่าไปทำอะไรที่ไม่ชอบมาพากลแบบนั้น

ตลอดจนข้อสงสัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ สร้างเรื่องขึ้นมาเองหรือเปล่า

และก็เป็น นายวิษณุ ที่ออกมาเฉลยว่า เงินที่ถูกอายัดไว้ใน 16 บัญชี มีการถอนเงินออกมาแล้ว 5 บัญชีรวมเป็นเงินหลักแสนบาท ที่เหลืออีก 11 บัญชีนั้น ยังไม่มีการแตะต้องแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการดำเนินการยึดทรัพย์ตามคำสั่งทางคดีปกครอง ที่กฎหมายสามารถเปิดช่องให้ทำได้

จนน่าสงสัยว่า กรมบังคับคดีจะไปรีบร้อนเบิกเงินออกให้เป็นประเด็นขึ้นมาเพื่ออะไร ทั้งที่เงินเพียงหลักแสนบาท ยังไม่ได้กระพี้ของมูลค่ารวมที่ต้องคิดตามจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เลยด้วยซ้ำ

ยิ่งกลับไปรายละเอียดบัญชีทรัพย์สินที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยื่นไว้กับ ป.ป.ช.ในส่วนของบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ 14 บัญชี มูลค่ารวม 22 ล้านบาท รวมทั้งมีข้อมูลว่า เพิ่มขึ้นในภายหลังอีก 2 บัญชี รวมเป็น 16 บัญชี มูลค่ารวม 24 ล้านบาท ก็ยังไม่ได้น้ำได้เนื้อจากมูลค่ารวมที่ต้องถูกยึดทรัพย์หว่า 3,5 หมื่นล้านบาทเลย

ดูเหมือนการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐจะเป็นใจ ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาต่อความยาวให้เป็นกระแสดราม่าได้เสียอย่างนั้น

ยิ่งรวมกับความเคลื่อนไหวต่างๆที่ค่อนข้างชี้ตรงกันว่าในวันที่ 1 สิงหาคม และในวันที่ 25 จะมีแฟนคลับของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางมาให้กำลังใจที่หน้าศาลฯ เป็นจำนวนมากด้วยแล้ว แม้คงจะไม่มีความวุ่นวายในวันนั้น แต่เมื่อมีผลคำตัดสินออกมา ไม่ว่าทางไหน ก็ย่อมเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นอย่างแน่นอน ที่สำคัญจะเป็นเงื่อนไขให้เกิดเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ด้วย

ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าหนักใจแทน “รัฐบาลทหาร” ที่ปล่อยให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้ ทั้งที่มีอำนาจดำเนินการให้เด็ดขาดไปตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะประเด็นการอายัด-ยึดทรัพย์ต่างๆ แต่กลับปล่อยให้เลยเถิดมาในช่วงที่สถานการณ์ของรัฐบาลเองก็ไม่ได้ดีเด่ ทั้งยังถูกมองว่าเป็นขาลงด้วยซ้ำ ในทางกลับกันกระแสความเห็นใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็พวยพุ่งขึ้นมา กลายเป็นประเด็นที่เล่นได้อีกยาว

ทำไปทำมา “บิ๊กรัฐบาล” เสียละมั้งที่อยากให้ “หนูปู” หนีคดีไปต่างประเทศให้สิ้นเรื่องสิ้นราว.
กำลังโหลดความคิดเห็น