ข่าวปนคน คนปนข่าว
ทำงานได้รวดเร็วฉับไวดี กับการไล่ล่าขบวนการก่อเหตุคาร์บอมบ์ที่ บิ๊กซี ปัตตานี ที่น่าตกใจผู้ร่วมขบวนการ มีทั้ง “ครูสอนศาสนา (อุสตาซ) - นายก อบต.- โต๊ะอิหม่าม” ซึ่งบุคคลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่อยู่ตลอดเวลา ก็ไม่รู้ว่า “งานด้านการข่าว” ของ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ในความดูแลของ “กองทัพภาคที่ 4” อ่อนด้อยลงหรืออย่างไร “อุสตาซ - นายก อบต.- โต๊ะอิหม่าม” ที่เจอหน้ากันแทบทุกวัน ได้วางแผนก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ กลับไม่รู้ไม่ชี้ สุดท้ายมาสารภาพตามสูตรว่า “การข่าวล่าช้า” อุตส่าห์มีผู้เชี่ยวชาญด้านการข่าว อย่าง “แม่ทัพอาร์ต” พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช เป็นหัวหน้าทีมแท้ๆ
ที่เจ็บใจ และไม่น่าให้อภัย ก็ “สุไฮมิง สะมะแอ” หนึ่งในแนวร่วมที่ก่อเหตุชิงรถ และฆ่าเจ้าของรถอย่างโหดเหี้ยม เป็นผู้ที่เคยเข้าโครงการ “พาคนกลับบ้าน” อันน่าภาคภูมิใจของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ “ท่านแม่ทัพอาร์ต” เป็นคนขึ้น ฮ. ไปรับมาด้วยตัวเอง สุดท้ายก็แก้เกี้ยวว่า ต้องตรวจสอบคนเข้าโครงการให้มากขึ้น ว่า จะกลับใจจริงไหม มาทรงนี้ทบทวนยกเลิกโครงการไปเลยก็ดีนะท่าน เพราะไม่ใช่แค่ “โจรกลับใจไม่จริง” เท่านั้น พวกหน้าม้า - รับงานมาให้ “ผู้ใหญ่” พรีเซนต์ผลงานเอาหน้าก็มีเยอะ
เรียงหน้าออกมากระทืบๆ หวังดับชนวนกระแสข่าวล้างบาง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กันเป็นแถว ปากก็บอกเองว่า แค่ “ข่าวลือ - ข่าวปล่อย” แต่ดูจะลุ่มร้อนเหมือนไฟสุมอยู่ในอกกันอย่างผิดสังเกต เหมือนรู้ดีว่ามีแผล ก็ที่บอกเรื่องการจัดการปัญหา - ข้อร้องเรียนที่มีต่อธุรกิจ “ร้านค้าปลอดภาษีอากร หรือ ดิวตี้ฟรี” ที่ทุกวันนี้มีแค่ “คิง เพาเวอร์” ถือสัมปทานอยู่เพียงเจ้าเดียวทั่วราชอาณาจักรไทย แล้วอย่างนี้ไม่บอกว่า “ผูกขาด” ได้ไง ยังไม่เห็นรายงานข้อเสนออย่างเป็นทางการของ “กรรมาธิการปราบโกง” สภาขับเคลื่อนการปฏิรูป (สปท.) ที่ชงให้ปลด นิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. และการยกเลิกสัญญากับ “กลุ่มคิง เพาเวอร์” แต่อ่านจากข่าว ก็พยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยในหลายข้อ
ถึง วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี คนในข่าวจะปฏิเสธทันควัน ว่า กระแสข่าวไม่เป็นความจริง เรื่องปลดใครที่ไหนไม่มี๊ ไม่มี แต่ประเด็นที่น่าสนใจมันอยู่ที่ “ท่านรองฯ วิษณุ” ยอมรับว่า “กมธ. ปราบโกง” ของ ท่านปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ส่งรายงานข้อเสนอถึงรัฐบาล 5 ประเด็นจริง จำนวนตรงเป๊ะกับ “ข่าวปล่อย” ที่ท่านว่าเลย และ “นายกฯ ตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็บัญชาให้ “รองฯ วิษณุ” นี่แหละรับไปศึกษา เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งกรรมาธิการของ สปท. อธิบดีกรมธนารักษ์ อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมสรรพากร ผู้ว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงคมนาคม รวมถึงตัว ผอ.ทอท. ที่มีข่าวจะถูกปลดมาพุดคุยกัน แสดงว่า “ข่าวปล่อย” มีมูล กลัวก็แต่ว่า “ชงหวาน” มาขนาดนี้แล้ว จะมี “พลังงานบางอย่าง” มาทำให้ “เตะว่าว” แบบที่ผ่านมาอีกหรือเปล่า อันนี้ตะหากที่น่าลุ้น
เห็นหัวข่าว “ตร.กองปราบฯบุกรวบพิธีกรช่องนิวส์วันคาร้านกาแฟ” วันก่อน ก็นึกว่า “เพื่อนร่วมสำนัก” ไปทำอะไรคอขาดบาดตาย พออ่านเนื้อข่าวก็ต้องร้อง ปัดโธ่.. ทำไปได้ ก็เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการไปทำการจับกุมตัว “พี่หมี” ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที พิธีกรช่องนิวส์วัน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอ่างทอง ที่ จ.12/2560 ลงวันที่ 11 ม.ค. 60 ในข้อหาทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ - หมิ่นประมาท จากกรณีที่ นายยุทธิยง เป็นพิธีกรรายการ “สภากาแฟ สภาประชาชน” ได้เชิญ “กลุ่มชมรมนักธุรกิจส่งอาหารเข้าเรือนจำกลาง จ.อ่างทอง” มาออกรายการ และพูดพาดพิงเกี่ยวกับบุคคลที่ 3 ในเรื่องการทุจริตการส่งอาหารเข้าเรือนจำ ทำให้ผู้ถูกพาดพิงแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายยุทธิยง จนกระทั่งมีการออกหมายจับและนำมาสู่การจับกุมตัว
เรื่องผิดไม่ผิด ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการต่อไป แต่ดูจากขั้นตอนการจับกุมมันทะแม่งๆ ชอบกล คดีไม่ได้ร้ายแรง ฆ่าคนตาย หรือค้ายาเสพติด แต่กลับไปจับกุม “ยามวิกาล” ที่สำคัญ ผู้ต้องหาก็ออกหน้าจอทีวีแทบทุกวัน ไม่มีพฤติกรรมหลบหนีแน่นอน ดูหมายจับก็ยิ่งแปลกเพราะศาลท่านออกให้ตั้ง 11 ม.ค. ผ่านไปร่วม 4 - 5 เดือน มาดักจับเอากลางร้านกาแฟ ช่วงที่กำลังจะเป็นวันหยุดยาวเสียด้วย อันนี้จงใจกลั่นแกล้งหรือเปล่าในวงการเข้ารู้กัน
ที่สำคัญ กรณีที่ “กลุ่มชมรมนักธุรกิจส่งอาหารเข้าเรือนจำกลาง จ.อ่างทอง” มาร้องเรียกผ่านสื่อนั้น มันก็ประเด็นที่มี “การเรียกรับผลประโยชน์” การจัดซื้ออาหารดิบด้วยวิธีพิเศษสำหรับผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ ในกรณีนี้ก็คือการส่งวัตถุดิบให้คุกในพื้นที่ 11 จังหวัดภาคกลาง ที่ได้ทำการร้องเรียนหลายหน่วยงาน รวมทั้ง “นายกฯ ลุงตู่” มาตั้งแต่เมื่อปี 2557 สมัย คสช. เข้ามาใหม่ สอดคล้องกับคำสั่ง คสช. ที่เด้งดึ๋ง พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย มือทำงานของขั้วเพื่อไทย ออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ อันเกี่ยวเนื่องกับการจัดซื้อจัดจ้าง “ผูกปิ่นโต” ซื้ออาหารดิบมาเลี้ยงผู้ต้องขังจากหน่วยงานของรัฐ 3 แห่ง คือ องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย รวมวงเงินนับ “หมื่นล้านบาท” ซึ่งโดยมากหน่วยงานที่เป็นคู่สัญญากับกรมราทัณฑ์ก็ไปจ้างเอกชนอีกทอดหนึ่ง แต่เกิดกรณี “เรียกรับสินบน” จนโดนสั่งย้ายออกจากตำแหน่งประเดิมอำนาจของ คสช. ในตอนนั้น ถ้าข้อร้องเรียนของ “กลุ่มชมรมนักธุรกิจส่งอาหารเข้าเรือนจำกลาง จ.อ่างทอง” เข้าข่ายหมิ่นประมาท แบบนี้ “ท่านหัวหน้า คสช.” ก็น่าจะมีความผิดด้วยนะท่านนะ
ช.ชฎา