xs
xsm
sm
md
lg

อดีตปลัดยุติธรรม ย้ำลาออกจากราชการรอบนี้เป็นการถาวร หวังอุทิศเวลานั่ง “ผอ.ทีไอเจ” ดันสู่เวทีโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“กิตติพงษ์ กิตยารักษ์” อดีตปลัดยุติธรรม ย้ำลาออกจากราชการรอบนี้เป็นการถาวร หวังอุทิศเวลานั่ง “ผอ.ทีไอเจ” อย่างเต็มที่ พร้อมผลักดันให้เป็นที่ยอมรับของเวทีโลก มีผลตั้งแต่ 25 กุมภาพันธ์ เผย ครม.เพิ่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) โดยสงวนตำแหน่งไว้

วันนี้ (28 มี.ค.) มีรายงานว่า นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความบนเฟชบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณียื่นหนังสื่อลาออกตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) เพื่อไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (Thailand Institute of Justice - TIJ) อีกสมัยหนึ่ง โดยปัจจุบันตำแหน่งดังกล่าวมีนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาการผู้อำนวยการสถาบันทีไอเจ

สำหรับข้อความดังกล่าวระบุว่า มีหลายท่านได้กรุณาให้ความสนใจสอบถามกรณีลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อรับตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (Thailand Institute of Justice - TIJ) อีกสมัยหนึ่ง ขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง

“ผมขอเรียนว่าเดิมผมได้ขออนุญาตท่านนายกรัฐมนตรีลาออกจากราชการชั่วคราวมาทำงานที่ TIJ (http://www.tijthailand.org/main/en) เป็นเวลา 2 ปี เพื่ออุทิศเวลาอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้ TIJ ได้รับการรับรองจากสหประชาติเป็นสถาบันเครือข่ายด้านกระบวนการยุติธรรมให้ได้ภายในระยะเวลาดังกล่าว ซึ่งด้วยความร่วมแรงร่วมใจของทีมงาน TIJ เราสามารถสร้างผลงานจนเป็นที่ยอมรับ ทำให้ TIJ เป็นองค์กรแรกในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และองค์กรที่ 18 ของโลกที่ได้รับการรับรองสถานภาพเป็น United Nations Programme Network Institute (UN-PNI)

อย่างไรก็ตาม แม้จะประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายภายในระยะเวลา 2 ปีตามที่กำหนด แต่ผมได้พบความจริงว่าการเป็นองค์กรที่สหประชาชาติให้การรับรองมิใช่เป็นเส้นชัยของ TIJ แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะต้องทำงานหนักยิ่งขึ้นเพื่อสร้างการยอมรับในผลงานและบทบาทความเป็นผู้นำของประเทศไทยด้านกระบวนการยุติธรรมในเวทีโลก ด้วยเหตุผลดังกล่าวผมจึงได้ขออนุญาตท่านนายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและลาออกจากราชการเป็นการถาวรเพื่อมารับหน้าที่ผู้อำนวยการ TIJ อีกสมัยหนึ่งตามคำเชิญของคณะกรรมการสรรหาครับ

ตลอดชีวิตการรับราชการของผมไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทหน้าที่ใด ผมมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมสามารถเป็นเครื่องมือในการสร้างสังคมที่เป็นธรรม ด้วยความเชื่อมั่นว่าสังคมที่เป็นธรรมจะเป็นพื้นฐานสำคัญของความผาสุกอย่างยั่งยืนของสังคมไทย การเป็น “ข้าราชการ” เป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของชีวิตผม การลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุเป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดและไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เป็นการตัดสินใจที่ยึดเอาเป้าหมายและอุดมการณ์ของชีวิตเป็นที่ตั้งครับ”

เมื่อวานนี้ (27 มี.ค.) มีรายงานว่า พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งที่ 41/2560 เรื่องอนุญาตให้นายกิตติพงษ์ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้ลาออกตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ มีหมายเหตุว่าลาออกไปประกอบอาชีพอื่น ให้ได้รับบำเหน็จบำนาญตาม พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญ พ.ศ. 2537

การลาออกครั้งนี้เป็นขั้นตอนเพื่อจะเข้าไปรับตำแหน่ง ผอ.สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (ทีไอเจ) อีกสมัยหนึ่ง เนื่องจากคุณสมบัติตำแหน่ง ผอ.ทีไอเจ ต้องไม่เป็นข้าราชการประจำ ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหา ผอ.ทีไอเจ ได้ประชุมสรรหากันแล้วและมีมติเลือกนายกิตติพงษ์เป็น ผอ.ทีไอเจ ดังนั้นตอนนี้อยู่ระหว่างกระบวนการทาบทามและขั้นตอนการเสนอชื่อให้คณะกรรมการทีไอเจ หรือบอร์ดทีไอเจ นำชื่อนายกิตติพงษ์เข้าสู่การพิจารณา โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการทีไอเจ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ครม.มีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอให้นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ บรรจุกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้สงวนตำแหน่งไว้ ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 และนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบด้วยแล้ว ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม นายกฯ ได้มีบัญชาอนุมัติให้นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (ทีไอเจ) โดยมีกำหนดระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นไป และเมื่อนายกิตติพงษ์ปฏิบัติงานเสร็จสิ้นและขอกลับเข้ารับราชการจึงจะได้รับสิทธิและประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด
กำลังโหลดความคิดเห็น