สวนดุสิตโพล สำรวจเรื่องปรองดอง แนะสิ่งที่ควรทำ นายกฯต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ครม. ทำงานซื่อสัตย์ นักการเมืองลดทิฐิ ขรก. คำนึงผลประโยชน์ชาติ สื่อเสนอข่าวสร้างสรรค์ ปชช. ต้องรักใคร่ สามัคคีกัน
วันนี้ (29 ม.ค.) “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทย” จะช่วยให้เกิดการปรองดองได้อย่างไร? การที่บ้านเมืองจะสงบสุข ประเทศจะเจริญก้าวหน้าได้อย่างมั่นคงนั้น สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ การที่คนในชาติ มีความสามัคคีปรองดองกัน โดยการสร้างความปรองดองจะเกิดขึ้นได้หากทุกคนทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจ ไม่ใช่เพียงแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรับผิดชอบ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการสร้างความปรองดองครั้งนี้ ซึ่งจากผลสำรวจจำนวนทั้งสิ้น 1,291 คน ระหว่างวันที่ 23 - 28 มกราคม 2560 สรุปผลได้ ดังนี้
เมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ โดยแต่ละฝ่ายควรทำดังนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรทำคือ
อันดับ 1เป็นผู้นำในการสร้างความปรองดอง เป็นแบบอย่างที่ดี 75.99%
อันดับ 2รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะเสียงจากประชาชน 73.04%
อันดับ 3ติดตามผลการดำเนินงาน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ 58.40%
“คณะรัฐมนตรี” ควรทำคือ
อันดับ 1ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ มีจรรยาบรรณ ไม่ทุจริตคอร์รัปชัน 73.20%
อันดับ 2ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ 60.50%
อันดับ 3ทุกกระทรวงทำงานสอดคล้อง เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 50.74%
“นักการเมือง” ควรทำคือ
อันดับ 1ลดทิฐิ เปิดใจ ไม่มุ่งเอาชนะกัน 76.53%
อันดับ 2เคารพกฎหมาย ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ 67.62%
อันดับ 3ร่วมแสดงความคิดเห็น และให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ 63.36%
“ข้าราชการประจำ” ควรทำคือ
อันดับ 1ตระหนักและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ 75.06%
อันดับ 2ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา 71.80%
อันดับ 3ให้ความร่วมมือในการสร้างความปรองดอง 53.83%
“สื่อมวลชน” ควรทำคือ
อันดับ 1นำเสนอข่าวการสร้างความปรองดองอย่างสร้างสรรค์ 84.66%
อันดับ 2มีความเป็นกลาง ไม่เลือกข้าง ไม่ชี้นำ 68.32%
อันดับ 3ไม่มุ่งหวังแต่ผลประโยชน์ทางธุรกิจ 62.82%
“ประชาชนคนไทย” ควรทำคือ
อันดับ 1ต้องรักใคร่ สามัคคีกัน เคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน82.18%
อันดับ 2ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม เคารพกฎหมาย 72.11%
อันดับ 3รับฟังข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติและมีวิจารณญาณ 64.06%