xs
xsm
sm
md
lg

ยังไม่หมด! สถานทูตไทยในญี่ปุ่น ปูด “แก๊งเรียกค่าโช” เน้นคนไทยใช้สิทธิเว้นวีซ่าท่องเที่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ยังไม่หมด! “แก๊งเรียกค่าโช” สถานทูตไทยในญี่ปุ่น รับขบวนการนายหน้าคนไทย ยังคงมีอยู่ เหตุคนไทยหัวหมอ หวังขุดทองใช้สิทธิ “ยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยว” ลักลอบเข้าทำงาน จนถูก ตม. ญี่ปุ่น จับกุมในข้อหาหนีวีซ่าและลักลอบทำงาน แถมบางคน “หมดตัว” ไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทย เผยอาชีพที่นิยมลักลอบทำงาน เก็บผลไม้ - รื้อถอนบ้าน - งานก่อสร้าง

วันนี้ (25 ธ.ค.) เพจเฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เผยแพร่จดหมายของแรงงานไทยที่ถูกหลอกมาทำงานอย่างผิดกฎหมายในญี่ปุ่นส่วนหนึ่ง ที่เขียนบันทึกผ่านเอกสารของสถานทูต ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นจับกุมตัวข้อหาหลบหนีเข้าเมือง เพื่อมาประชาสัมพันธ์เป็นอุทาหรณ์ มีใจความว่า

“ในช่วงที่ผ่านมา มีคนไทยที่ลักลอบทำงานภายหลังเดินทางเข้าญี่ปุ่น โดยการยกเว้นวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยว และถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่น จับกุมในข้อหาหนีวีซ่าและลักลอบทำงาน ซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่ให้ข้อมูลเป็นเสียงเดียวกันว่า

1. ไม่คุ้มที่จะลักลอบทำงานในญี่ปุ่น คนไทยส่วนใหญ่คาดหวังว่า จะมาขุดทองได้เงินกลับประเทศ แม้จะต้องหลบซ่อนทำงานก็ตาม แต่พอมาถึงญี่ปุ่นจริงๆ แล้ว กลับไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ถูกนายจ้างที่โฆษณา ว่า จะแนะนำงานรายได้ดีให้ ขูดรีดเงินค่าแนะนำงาน (ค่าโช) จนบางคนไม่เหลือแม้แต่เงินที่จะเป็นค่าใช้จ่ายเดินทางกลับประเทศไทย

2. งานที่ได้ทำ ถ้ามีบ้างเป็นครั้งคราว ก็เป็นงานหนัก ลำบาก เช่น งานเกษตร (เฉพาะตอนเช้า) งานรื้อถอนบ้าน (ไคไต) งานก่อสร้าง (เก็มบะ) ซึ่งงานส่วนใหญ่ต้องเข้าใจภาษาญี่ปุ่น จึงจะสามารถทำงานได้

สำหรับบันทึกจดหมายผ่านเอกสารของสถานทูต ส่วนหนึ่ง โดยฉบับแรก ระบุว่า “การทำงานในประเทศญี่ปุ่น ไม่มีวีซ่านั้นลำบากมาก งานก็หายาก ต้องหาที่อยู่ที่อาศัยนั้นยากลำบากมาก กว่าจะหางานได้ ค่าแรงก็น้อย สำหรับคนที่ไม่มีวีซ่า การเป็นอยู่ก็ไม่ดี และอย่าเชื่อนายหน้าว่าได้เงินเดือนมาก มันไม่จริงหรอกครับ มาถึงญี่ปุ่นเขาก็จะปล่อยเราทิ้ง ไม่สนใจหรอกครับ”

ฉบับที่สอง ระบุว่า “ต้องการมาทำงาน ทำสวนถั่วแระ ในญี่ปุ่น แต่ไม่มีที่ทำงานที่ไม่ชัดเจน แถมจะกลับไทยก็ไม่มีค่าใช้จ่าย” ฉบับที่สาม เป็นการเตือนผู้ที่จะมาญี่ปุ่น โดยระบุว่า “อย่ามาเลยครับ ญี่ปุ่นไม่มีงาน ถ้าได้จริงๆ ก็จะโดนนายจ้างโกงค่าแรง” ส่วนฉบับสุดท้าย ระบุว่า มาทำแล้วค่าแรงจริง 8,000 เยน และงานก็ค่อนข้างหนัก ต้องมีการสื่อสารด้วยภาษาญี่ปุ่นตลอดเวลา”

เฟซบุ๊กสถานทูต ระบุอีกว่า จึงขอเตือนมายังคนไทยที่จะคาดหวังมาลักลอบทำงานในญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่ง ว่า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายญี่ปุ่น จะถูกฝ่ายญี่ปุ่นแบล็กลิสต์ไม่ให้เข้าญี่ปุ่นอีก และที่สำคัญที่สุด ไม่สามารถหารายได้พอ ไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงอีกต่อไป

ทั้งนี้ สถานทูตได้รับความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจากคนไทยกลุ่มดังกล่าว โดยได้ปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลด้วยแล้ว

มีรายงานว่า เมื่อกลางปีที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เผยแพร่จดหมายของคนไทยที่เข้ามาทำงานผิดกฎหมาย 3 ฉบับ เป็นคำให้การจากแรงงานไทยที่ให้ข้อมูลงานที่ทำในประเทศญี่ปุ่น ค่าแรง ค่านายหน้าที่จ่ายที่ประเทศไทย และที่ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงสาเหตุที่ถูกจับกุม และความรู้สึกในการทำงานในประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้แก่ผู้ที่จะเข้ามาทำงานในประเทศญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมาย

ฉบับแรกเข้าทำงานในญี่ปุ่นมากว่า 6 เดือน แต่ไม่เป็นหลักแหล่ง ต้องจ่ายค่าเงินกู้ให้นายหน้าในประเทศไทย จำนวน 150,000 บาท และมาถูกตำรวจญี่ปุ่นจับกุมที่ จ.ไซตามะ ด้วยข้อหาไม่มีวีซ่าทำงานเข้าประเทศ จึงขอเตือนพี่น้องชาวไทยระวังโดนหลอกเหมือนตน เพราะไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะงานหายาก

ฉบับที่ 2 ระบุว่า หากจะเข้ามาทำงานในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายเป็นความคิดที่ผิด ญี่ปุ่นไม่ใช่ประเทศที่จะเข้ามาทำงานได้ง่ายๆ เพราะกฎหมายเข้มงวดมาก อีกอย่างญี่ปุ่นก็อยู่ลำบาก (คาดว่าที่พัก) งานก็หายาก หากจะเข้ามาแบบผิดกฎหมาย และที่สำคัญ คนที่จะเป็นนายหน้าหางานให้ ก็มุ่งหวังจะหาประโยชน์ด้วยการ “หักค่าหัว” โดยเฉพาะ พวกนำทัวร์, นายหน้าในไทย, นายหน้าในญี่ปุ่น พอไม่มีงานก็ต้องหาที่นอนไปเรื่อยๆ ท้ายสุดหนังสือฉบับนี้อ้างว่า ที่ญี่ปุ่นมีขบวนการเป็นกลุ่มที่หลอกคนเข้ามากินค่าหัวแล้วไม่มีงานให้ทำ จนถึงปล่อยให้ตกงาน

ฉบับสุดท้ายระบุว่า ตนมาทำงานในญี่ปุ่นก็หวังจะให้ทางบ้านมีฐานะดีขึ้น ทำงานได้แค่ 4 เดือน ก็ถูกจับ เขาระบุอีกว่า มาช่วงแรกๆ นายหน้าให้ไปทำงานตัดรถ (ตัดรถยนต์ด้วยเครื่องมือหนัก) ทำได้เพียง 6 วัน ได้เงิน 34,000 เยน และทำงานอยู่มาเป็นเดือน นายหน้าได้นำคนงานไทยเข้ามาใหม่ (ทำงานผิดกฎหมาย) เข้ามาทำงานแทน

เขาระบุในหนังสือว่า “ต่อมาได้เข้ามาทำงานที่อู่ซ่อมรถยนต์ซึ่งอู่แห่งนี้เป็นอู่รับเหมารถยนต์จากบริษัทแห่งหนึ่งมาซ่อม ได้ค่าจ้างซ่อมคันละ 5 ใบ (1 ใบ เท่ากับเงินหมื่นเยนของประเทศญี่ปุ่น หรือประมาณ 3,400 บาท) ก็จะได้มารับค่าจ้างเมื่อถึงสิ้นเดือน ที่อู่ซ่อมรถจะให้ 7 ใบ หรือ 10 ใบต่อเดือน แต่ตนเลือกที่จะส่งค่าจ้างทั้งหมดให้นายหน้าในประเทศไทยเป็นค่าเดินทางทั้งหมด เพราะอยากจะใช้หนี้ให้หมดโดยเร็ว เพราะค่าอาหารและค่าที่พักอู่จะออกให้

มาถึงตอนนี้ ในหนังสือระบุว่า “ต้องจ่ายหนี้ให้นายหน้าในเมืองไทยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือน เพราะไปกู้เงิน 170,000 บาท ตอนนี้มีหนี้เหลืออีก 130,000 บาท จนตนกลุ้มจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เพราะหากกลับไปประเทศไทยจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ ลูกก็ยังเล็ก มาถูกตำรวจญี่ปุ่นจับ ก็ไม่ได้ติดต่อพวกเขาเลย “ขอสาบานว่าเป็นความจริงทุกประการ” หนังสือฉบับสุดท้ายที่ให้การจากหนุ่มไทยที่ไปแสวงโชคอย่างผิดกฎหมายในญี่ปุ่นระบุ.






กำลังโหลดความคิดเห็น