xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” เยือนถิ่นอีสานเช็กเรตติ้งยังพุ่ง แต่ระวังผักชีบิดเบือน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เมืองไทย 360 องศา

ต้องยอมรับการนำคณะคณะรัฐมนตรีชุดใหญ่ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีตั้งแต่เมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทำได้แบบอลังการงานสร้างใช้ได้ทีเดียว เพราะบรรดารัฐมนตรีที่หอบหิ้วกันไปคราวนี้เรียกว่าเป็นแบบ “ครบวงจร” หรือหากพิจารณากันแบบเนื้องานก็ต้องบอกว่านี่คือแบบ “วันสต็อปเซอร์วิส” ก็ไม่ผิดนัก

เริ่มจาก สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น

พิจารณาจากรายชื่อบรรดารัฐมนตรีแต่ละคนที่ร่วมคณะเดินทางกันมาในครั้งนี้ถือว่าเน้นกันที่เนื้องานทั้งด้านเศรษฐกิจ และการเกษตร รวมไปถึงการคมนาคมค้าขายสินค้า และในครั้งนี้ยังเป็นการประชุมผู้ว่าราชการในภาคอีสานนอกเหนือจากผู้ว่าฯ อุบลราชธานีแล้ว ยังมีผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเขตอีสานตอนล่าง เพราะรัฐมนตรีที่มาล้วนเกี่ยวข้องกับเรืาองของกองทุนหมู่บ้าน การลงทุนตำบลละ 5 ล้านบาท การเกษตรชลประทาน การเพาะปลูก การขายสินค้าการเกษตร การคมนาคมขนส่ง

ดังนั้น การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบอกว่ามามอบนโยบายรัฐบาลและติดตามความคืบหน้าโครงการตามนโยบายของรัฐบาลถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะมีการรับฟังความคิดเห็น รับฟังปัญหาสามารถติดตามเร่งรัดแก้ไขได้ทันท่วงที

ที่น่าสนใจก็คือ การเดินทางมาคราวนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา จะเน้นที่การติดตามความคืบหน้าในโครงการที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เช่น เรื่องการปล่อยกู้ของกองทุนหมู่บ้าน และตำบลละ 5 ล้านบาท การติดตามดูแลปัญหาการขาดแคลนน้ำ รวมไปถึงการกระตุ้นให้เกษตรกรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เพื่อรับมือกับภัยแล้งที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ และการเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดในกลุ่มพื้นที่อีสานตอนล่างก็ถือว่าเป็นการรับฟังปัญหาและขันน็อตกันได้ทันที

อย่างไรก็ดี แม้ว่าหากพิจารณาจากสภาพบรรยากาศเท่าที่สังเกตก็ต้องยอมรับว่าค่อนข้าง “ตึงเครียด” เพราะมีการรักษาความปลอดภัยค่อนข้างเข้มงวด เป็นเรื่องยากที่ระดับชาวบ้านจะเข้าถึงตัวนายกรัฐมนตรี เพราะตัองผ่านด่านหลายชั้น อย่าว่าแต่ชาวบ้าน บรรดาข้าราชการที่ต้องมาร่วมขบวนต้อนรับยังต้องมีการตรวจตรากันอย่างเข้มงวดหลายชั้นกว่าจะผ่านเข้าไปข้างในได้ แต่ถึงอย่างไรมันก็ต้องมี “รายการพิเศษ” เข้ามาแทรกจนได้ นั่นคือกรณีมีชาวบ้านคนหนึ่งได้เข้าพบพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีโดยบอกว่าในอดีตเขาเคยเป็นคนเสื้อแดง แต่ตอนนี้ได้กลับใจแล้ว อยากมาช่วยนายกรัฐมนตรีเพื่อสานต่อนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล เพราะเห็นว่าเป็นนโยบายที่ลงมาถึงประชาชนจริงๆ สร้างความพอใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างมาก โดยกล่าวว่าอยากให้มีแบบนี้อีกมากๆ

แน่นอนว่าการได้รับโอกาสเข้าถึงแบบประชิดตัวแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือผิดคิวเข้ามาอย่างแน่นอน แต่นี่คือการ “กำหนด” เอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งก็คงเป็นพวกข้าราชการฝ่ายปกครองในพื้นที่นั่นแหละ แต่เอาเป็นนั่นไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องการแสดงให้เห็นก็คือการ “เข้าถึงมวลชน” และยังการันตีเปรียบเปรียบให้เห็นอีกว่านโยบายของรัฐบาลที่ทุ่มลงไปนั้นได้ผล ถึงขนาดที่ทำให้มวลชนที่แม้เคยเป็นคนเสื้อแดงสามารถเปลี่ยนใจกลับมารักได้ก็แล้วกัน

หากพิจารณากันในเชิงการเมืองก็ต้องบอกว่านี่คือรายการเกทับบลัฟกลับไป เพราะหากจำกันได้ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันก่อน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัญมนตรี ถือเป็นหัวขบวนของเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ก็ลงพบปะมวลชนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเหมือนกัน แม้ว่าจะมาในแบบ “งานบุญทอดกฐิน” แต่แม้ว่าจะทำให้ “เนียน” แค่ไหนมันก็ดูออกว่านี่คือรายการเข้าหามวลชนแบบกระตุกอารมณ์ เป้าหมายก็เพื่อเช็กเรตติ้งในช่วงสำคัญที่ตนเองกำลังดิ้นรนเรื่องคดีใหญ่กันอยู่ในเวลานี้ และก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียวเธอก็ร่อนจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบต้องการให้เป็นข่าวโดยร้องขอความเป็นธรรมอีกรอบในคดีเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว เหมือนกับเรียกน้ำตาขอความเห็นใจ ทำนองว่าทำเพื่อชาวนา แต่ดันมาโดนกลั่นแกล้งอะไรประมาณนั้น

แต่ภาพที่เห็นในวันนี้ ภาพที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้นำคณะรัฐมนตรีชุดใหญ่ลงพื้นที่ภาคอีสานประเดิมที่อุบลราชธานี โดยหอบหิ้วเอารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแบบ “เน้นที่เนื้องาน” เป็นหลัก ประกอบกับด้วยคยามที่มีบุคลิกแบบลูกทุ่งบ้านๆ ทุกอย่างจึงดูกลมกลืน แม้ว่าในภาพรวมอาจดูตึงเครียดไปบ้างก็ตาม และด้วย “ลูกแถม” ที่เปิดโอกาสให้อดีตแกนนำคนเสื้อแดงในพื้นที่ที่บอกว่า “กลับใจ” มาช่วยรัฐบาลสานต่อนโยบายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน มันก็ทำให้น่าสนใจว่านี่คือการเล่นกับมวลชนเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตากันก็คือ ในเมื่อบรรยากาศแบบมีข้อจำกัดแบบนี้ มันก็เสี่ยงต่อการบิดเบือนและปิดบังความจริง เหมือนกับ “ผักชีโรยหน้า” ซึ่งภาพที่เห็นมันอาจไม่ใช่ของจริง!
กำลังโหลดความคิดเห็น