“วิรัตน์” ระบุหลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด “นิคม” ต้องหยุดทำหน้าที่ประธานวุฒิสภาทันที แนะจับตา 7 ม.ค. 57 ป.ป.ช.นัดแจ้งข้อกล่าวหา 381 ส.ว.-ส.ส. ส่งผล “ยิ่งลักษณ์” พร้อม ครม.หากถูกชี้มูลต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที ส่งผลเกิดสุญญาการทางการเมือง เข้ากรอบ รธน.มาตรา 7 รองประธานวุฒิสภา ที่ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา จะนำรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ขึ้นกราบบังคมทูลฯ
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา และทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวหา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา ในฐานะประธานรัฐสภา และ นายนิคม ไวรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ในความผิดกระทำการส่อไปในทางทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฏหมายหรือไม่ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 มีผลให้ทั้ง 2 ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที จนกว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะพิจารณาหากศาลฯวินิจฉัยว่ากระทำความผิดจริงก็ต้องติดคุก แต่หากศาลฯวินิจฉัยว่าไม่ผิด ก็กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ นายสมศักดิ์ พ้นจากตำแหน่งไปแล้วหลังยุบสภา แต่ นายนิคม ยังดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา อยู่ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยจะมี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เข้ามาทำหน้าที่แทน
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า การที่ ป.ป.ช.เตรียมสรุปสำนวน 381 ส.ส.และ ส.ว.ในกรณีเดียวกับ นายสมศักดิ์ และนายนิคม ในวันที่ 7 ม.ค. 2557 จะมีผลกระทบต่อรัฐบาลรักษาการทันที เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที ทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง เมื่อถึงตอนนั้น คงต้องนำรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 ที่ระบุว่าในกรณีที่ไม่มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยตามประเพณีการปกครอง นายสุรชัย ในฐานะที่ทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา จะนำรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขึ้นกราบบังคมทูลฯ ทรงพระกรุณา ก็จะมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนกลางเข้ามาทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน