xs
xsm
sm
md
lg

“ณรงค์”หนุน“สนธิ”ให้ ปชป.ลาออก นำมวลชนเปลี่ยนแปลงการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ณรงค์ โชควัฒนา ในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ เสาร์ที่ 17 ส.ค.56
“ณรงค์ โชควัฒนา” หนุนแนวคิด “สนธิ” เรียกร้อง ส.ส.ปชป.ลาออกนำมวลชนเปลี่ยนแปลงการเมือง ล้างระบอบเสียงข้างมากชี้ขาดความถูกต้อง ให้ ปชช.ควบคุมนักการเมือง ย้ำเป็นโอกาสสุดท้ายของ ปชป.หลังแกนนำ พธม.เปิดทางให้แล้ว เชื่อเป็นพรรคมีศักยภาพ แต่ต้องกล้าปฏิเสธระบอบเดิม อย่าจ้องแต่รอสลับขั้ว


นายณรงค์ โชควัฒนา นักธุรกิจและนักวิชาการอิสระ กล่าวในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” วันเสาร์ที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ถึงแนวทางการปฏิรูปการเมืองที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ในขณะนี้ว่า ยังไม่มองไม่เห็นทิศทางที่จะนำไปสู่ปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง เพราะยังคงมองว่าการเมืองที่ใช้เสียงข้างมากตัดสินคือความถูกต้อง คนที่ได้เสียงข้างมากจากการเลือกตั้งสามารถทำผิดได้ ฆ่าคนก็ได้ ตนเองทำผิดกฎหมาย ก็บอกกฎหมายผิด ต้องแก้ไขกฎหมาย การเกิดเวทีนี้คือการซื้อเวลา และสุดท้ายคือการยืนยันว่าการเมืองปัจจุบันดีอยู่แล้ว ผลคงจะออกมาทำนองว่า จะแก้กฎหมายให้องค์กรอิสระลดบทบาทการตรวจสอบนักการเมืองลง เนื่องจากไม่จำเป็น เพราะการมาจากประชาชนคือสุดยอดแล้ว องค์กรอิสระคือตัวขัดขวางประชาธิปไตย ขัดขวางเสียงส่วนใหญ่ไม่ให้ทำงานส่วนศาลรัฐธรรมนูญก็อาจถูกยกเลิก ทั้งนี้ การจะปฏิรูปอะไรก็ใช้วิธีตั้งคนของตัวเองเข้าไปให้มากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วใช้เสียงข้างมากตัดสินเอา

นายณรงค์กล่าวต่อว่า การต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น เมื่อรัฐบาลมีเสียงข้างมากก็คงผ่าน เพราะการเมืองปัจจุบันคือการเมืองที่ใช้เสียงส่วนใหญ่ที่มาจากการเลือกตั้งตัดสินความถูกต้องทุกอย่าง ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่ว่าจะเปลี่ยนขั้วอย่างไรก็เหมือนเดิม

ส่วนการเดิน 2 ขาแบบพรรคประชาธิปัตย์คือใช้ทั้งวิธีการชุมนุมและการต่อสู้ในสภานั้น ยังไม่คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะการชุมนุมไม่ว่าจะหลักพัน หลักหมื่น หรือหลักแสน รัฐบาลก็อ้างว่ามาจาก 15 ล้านเสียง จึงยังไม่เห็นว่าการเดิน 2 ขาของประชาธิปัตย์จะชนะ การรอให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านวาระ 3 ก่อนค่อยออกมาชุมนุม ก็แสดงว่ายังเชื่อเรื่องเสียงข้างมาก คิดว่าเมื่ออภิปรายอย่างมีเหตุมีผลแล้วจะมีคนจากฝ่ายเสียงข้างมากมายกมือให้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ การอภิปรายในสภามันไม่ได้่อะไรนอกจากหวังว่ามีการถ่ายทอดสดแล้วได้หาเสียงฟรีล่วงหน้า หากวันหนึ่งมีการยุบสภา ซึ่งถ้ายังเป็นการเมืองระบบเดิม เลือกตั้งกี่ครั้งก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ส่วนการคิดจะใช้ประชาชนออกมาชุมนุม โดยที่คิดว่าระบบเดิมมันดีอยู่แล้วหวังแค่จะสลับขั้ว อย่างนี้มันก็ไม่มีประโยชน์ และถ้ายังเชื่อในระบบการตัดสินด้วยเสียงข้างมาก จะใช้วิธีการชุมนุมทำไม

นายณรงค์กล่าวต่อว่า การโค่นระบอบทักษิณและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง 15 ล้านเสียงนั้น ถ้าตั้งธงไว้ก็สามารถโค่นได้ แต่ต้องระดมคนออกมาชุมนุมให้ได้ 2 ล้านคน และมีผู้สนับสนุนอีก 10 เท่าคือ 20 ล้านคนอยู่ที่บ้าน ซึ่งจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่คิดสู้ และหนีอย่างเดียว แต่ถ้าระดมคนไม่ได้ตามจำนวนนี้ก็ไม่รู้จะชุมนุมไปทำไม และการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้นเป็นเรื่องยาก พันธมิตรฯ เคยชุมนุมมากกว่านี้ คนเสื้อแดงเคยใช้คนมากกว่านี้ ใช้วิธีการที่รุนแรงมากกว่านี้ก็ไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไม่สำเร็จ

วันนี้ที่พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนการชุมนุมที่สวนลุมพินีเพื่ออะไร ตนขอเดาว่า ติดต่อกับทหารอยู่หรือเปล่า หวังว่าทหารจะออกมาแต่ถ้าออกมา กลุ่ม นปช.ก็จะออกมาอีก หรือหวังว่าจะดึงเอาบางกลุ่มในพรรครัฐบาลออกมาเหมือนเมื่อก่อน ที่สำคัญพรรคประชาธิปัตย์ยังคิดในระบบเดิมอยู่ คือเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง แล้วหวังว่าวันหนึ่งประชาธิปัตย์จะทำอย่างพรรคเพื่อไทยบ้าง

ถ้าไม่คิดอย่างนั้น พรรคประชาธิปัตย์ต้องปฏิเสธระบบนี้ และออกมาให้ความจริงว่า การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยคือการเลือกลูกจ้าง ไม่ใช่เลือกนาย เมื่อเลือกเข้าไปแล้วลูกจ้างจะออกกฎหมายเอง เอาของในบ้านไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ได้ และนายจ้างมีสิทธิถูกไล่ออก หรือติดคุกได้ นักการเมืองไม่ใช่เทวดาที่จะทำอะไรไม่ผิด การเลือกตั้งเป็นการเลือกคนมาทำหน้าที่แทนประชาชน นักการเมืองต้องดูแลระบบราชการให้บริการประชาชน ไม่ใช่มารับใช้นักการเมืองในการโกงกิน จนวันนี้ระบบราชการเราพังหมด ข้าราชการยึดนักการเมืองเป็นที่พึ่ง การรับใช้ประชาชนหายหมด ระบบนี้ประชาธิปัตย์จะเอาไว้ทำไม

ส่วนข้อเสนอของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออกและมานำประชาชน โดยพันธมิตรฯ จะเข้าร่วมด้วยนั้น นายณรงค์กล่าวว่าเป็นข้อเสนอที่วิเศษสุด ขอชื่นชมและยินดีที่นายสนธิจะสละตำแหน่งผู้นำมวลชนให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนเดินนำ นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะพรรคประชาธิอปัตย์มีฐานที่เชื่อมโยงกับประชาชน มีทีวี 2 ช่อง ฐานเสียงประชาชนไม่แพ้พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคคการเมืองเดียวที่จะเข้าถึงคนข้างล่างได้ถ้ามีอุดมการณ์ทีี่ถุกต้องและออกมาให้ควาามจริงประชาชนจะทุ่นแรงได้อย่างมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเมื่อจับมือกับพันธมิตรฯ แล้วจะไล่รัฐบาลได้ ต้องเป็นการชุมนุมอย่างอหิงสา บอกความจริงประชาชนว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่การเลือกนายแต่เป็นการเลือกลูกจ้าง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มี 12 ล้านเสียง ออกสู่ถนน 2 ล้านคน และอีก 10 เท่าอยู่ที่บ้านคอยสนับสนนุน ก็จะไม่มีอะไรต่อต้านได้ ฝ่ายตรงข้ามจะหนีอย่างเดียว ตำรวจ ทหาร ข้าราชการก็มาเข้าร่วมหมด ส่วนข้าราชการที่รับใช้นักการเมืองก็จะหนีหมด และถ้ามีคนเห็นด้วยถึง 20 ล้านคน ก็ไม่คิดว่ารัฐบาลจะเอาคนออกมาต่อต้านได้ และเขาทำผิดกฎหมายไว้เยอะ ก็จะหนีมากกว่า เพราะพฤติกรรมของรัฐบาลขณะนี้ทำเพื่อจะหนีอยู่แล้ว มีการทุจริตโกงบ้านโกงเมืองอย่างสร้างความเสียหายโจ่งแจ้ง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะเตรียมจะหนีอยู่แล้ว

นายณรงค์กล่าวต่อว่า เมื่อประชาชนได้ชัยชนะและมีอำนาจอย่างแท้จริงแล้ว ต้องทำให้การโกงการทุจริตต่อรัฐเป็นคดีที่ไม่หมดอายุความ ต้องตามยึดทรัพย์ถึงลูกหลานได้ เอาไปซ่อนไว้ที่ไหนตามยึดคืนได้หมด

อย่างไรก็ตาม หากจัดชุมนุมแล้วจำนวนคนไม่มากพอและอีกนำคนออกมาต่อต้านก็จะเกิดการนองเลือดขึ้นเฉยๆ โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้าจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเร็ว ประชาธิปัตย์ต้องเอาด้วย แต่ถ้าไม่เอาด้วยก็ไม่เป็นไร เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงจะเกิดช้าหน่อย เมื่อ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่าน มีการเลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยกลับเข้ามาอีกครั้ง ประชาชนเดือดร้อนมากขึ้นก็จะลุกขึ้นมาเองโดยไม่ต้องมีพรรคประชาธิปัตย์ เพราะหมดเวลาแล้วสำหรับพรรคการเมืองที่ยังยิดติดอยู่กับสิ่งเดิมๆ เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นเพียงปฏิกิริยาที่รักษาสิ่งเลวๆ ไว้เพื่อรอเปลี่ยนขั้วเท่านั้น และจะหมดไปจากหัวใจของคนไทย ทั้งที่ในปัจจุบันยังมีคนไทยจำนวนมากที่คิดว่าประชาธิปัตย์ยังเป็นทางออกของประเทศอยู่ แต่ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงก็ไม่มีทางชนะ เลือกตั้งอีกก็แพ้อีก เพราะความกล้าน้อยกว่าอีกพรรค

นายณรงค์กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องลุกขึ้นมาเป็นแกนนำ เวลานี้พันธมิตรฯ เปิดโอกาสให้แล้ว นายสนธิใจกว้างมากที่ยอมลืมความหลัง ตนก็ขออนุโมทนา นี่คือทางออก ถ้าพ้นจากนี้ ตนไม่เชื่อว่าจะมีหวังจากการเลือกตั้งระบอบเดิม

ส่วนการชุมนุมที่สวนลุมพินีนั้น นายณรงค์กล่าวว่า ตนเห็นด้วยหากเป็นการชุมนุมอย่างอหิงสาและให้ความรู้ประชาชน เพื่อปฏิรูปประเทศไหทย ให้เห็นว่าระบอบมันมีปัญหาตรงไหน การเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตยจริงหรือ แต่ถ้าเป็นการชุมนุมเพื่อไล่รัฐบาลยังมองไม่เห็นทางว่าจะไล่ได้ และการไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอาจถูกดำเนินคดีข้อหากบฏ ควรจะเป็นการชุมนุมเพื่อที่จะบอกว่าตัวแทนของเราในสภามันทรยศอย่างไรแล้วให้ประชาชนจัดการ ไม่ใช่ผู้ชุมนุมไปจัดการเสียเอง เพราะมันไม่สำเร็จ ยิ่งคนน้อยก็ยิ่งกดดันไม่ได้ เราต้องบอกประชาชนที่เป็นนายจ้างของรัฐบาลให้มาจัดการ

ที่บอกว่าต้องโค่นระบอบทักษิณก่อนนั้น จะโค่นได้อย่างไร ถ้าไม่บอกให้ประชาขชนตื่นตัวให้มากกว่านี้ก่อน คิดว่าคงจะหวังลึกๆ ให้ทหารออกมามากกว่า แต่ถ้าทหารไม่ตื่นตัว ยังมีความสุขกับระบอบนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อีกประเด็นหนึ่ง ถ้าชุมนุมเพียงเพื่อไล่ระบอบทักษิณก็จะมีระบอบอื่นๆ ตามมาอีก

นายณรงค์กล่าวอีกว่า การบอกว่าต้องโค่นล้มคนที่เลวที่สุดด้วยการสามัคคีกับคนเลวน้อยกว่านั้น เชื่อหรือว่าจะแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ เพราะคนที่เลวน้อยกว่านั้นอาจเป็นเพราะไม่มีโอกาสโกง โอกาสที่พรรคการเมืองมีเสียงข้างมากในสภาถึงขนาดนี้มันเพิ่งเกิดหลังจากมีรัฐธรรมนูญ 2540 นี่เอง ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง นายทุนพรรคสามารถควบคุม ส.ส.ได้อย่างเบ็ดเสร็จ

ทั้งนี้ หาก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออก และมีคนออกมาชุมนุมจำนวนมาก รัฐบาลก็จะยุบสภา และกลับไปใช้การเลือกตั้งตัดสินถูกผิดอีกครั้ง ยกเว้นว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ลงเลือกตั้ง และออกมานำประชาชนสู้จนกว่าชัยชนะจะเป็นของประชาชน แต่วันนี้ถ้าประชาธิปัตย์ยังคิดว่าพรรคต้องมีอำนาจ และใช้เสียงส่วนใหญ่ตัดสินความถูกต้อง ทุกอย่างก็จะเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นที่ลาออกจาก ส.ส.ก็ต้องปฏิเสธการเมืองระบอบเดิม ไม่ยอมรับการใช้เสียงส่วนใหญ่ตัดสินความถูกต้อง ประชาชนต้องดูแลบ้านเมืองได้ หย่อนบัตรเลือกตั้งแล้ว ต้องเฝ้าตามดูพฤติกรรมและจัดการกับนักการเมืองได้

นายณรงค์ย้ำว่า การจะปฏิรูปการเมืองต้องเปลี่ยนจิตสำนึกคนไทย ว่าต้องดูแลบ้านเมือง จะทำเพื่อส่วนตัวไม่ได้ ไม่ใช่ว่าปล่อยให้คนที่โกหกเก่ง กล้าทุ่มซื้อ แทรกแซงองค์กรอิสระ คนนั้นชนะ ถ้าประชาชนยังเห็นว่าระบบนี้ถูก บ้านเมืองจะไม่มีอะไรเปลี่ยน เดินขบวนไล่รัฐบาลชุดแล้วชุดเล่า ก็เลือกเข้ามาใหม่อีก


กำลังโหลดความคิดเห็น