ข่าวปนคน คนปนข่าว
ปี 2555 กำลังจะผ่านพ้นไป ปีนี้เป็นปีที่ใครหลายคนล้วนมีความสุข โดยเฉพาะการได้เฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม และยังเป็นปีแห่งการฉลองพุทธชยันตี 2600ปี แห่งการตรัสรู้และประกาศพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า ถือเป็นสิริมงคลกับตัวเองในการดำเนินชีวิตในปีต่อๆ ไป
แต่สำหรับเหตุการณ์ทางการเมืองหากประมวลภาพรวมแล้ว ไม่ค่อยน่าอภิรมย์มากนัก ประชาชนยังรู้สึกว่าหลีกหนีความขัดแย้งแตกแยกของบ้านเมืองไม่พ้น
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขึ้นมาบริหารประเทศท่ามกลางความหวังของชาวบ้านว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงสมานฉันท์แบบฉับพลันทันที ตามสโลแกน "แก้ไข ไม่แก้แค้น" แต่ที่สุดแล้วก็เป็นได้เพียงวาทกรรมทางการเมืองที่สวยหรู แต่ไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรม
"ยิ่งลักษณ์" ก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารสูงสุด แต่สลัดไม่หลุดการถูกชักใยครอบงำจาก ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายนักโทษหลบหนีคดี ยังไม่สามารถแสดงตัวตนของการเป็นผู้นำ พาประเทศออกจากวิกฤติ ประเทศยังจมปลักกับการล้างแค้น กดหัวอีกฝ่าย เพื่อบีบให้มีการนิโทษกรรมล้างคดีทั้งหมด ชัดเจนที่สุด กรณีดีเอสไอตั้งข้อหา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ -สุเทพ เทือกสุบรรณ ก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล
ขณะเดียวกันยังมีการสั่งการเชิงลับให้ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินหน้าไล่บี้ถอดยศ “อภิสิทธิ์” ตามไล่ล่าดิสเครดิตอย่างไม่ลดราวาศอก
รูปแบบปรองดองสมานฉันท์ที่แท้จริง ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ลงมือทำกันจริงจังหรือไม่ เห็นแต่เพียงการเยียวยาช่วยเหลือฝ่ายตัวเอง ฝ่ายคนเสื้อแดง ใครเจ็บ ใครตาย จัดหนักให้รายละหลายล้านบาท เม็ดเงินจำนวนมากบางคนเห็นแล้วตาลุกวาวอยากไปร่วมม็อบลุยให้ตัวเองเจ็บตายให้มันรู้แล้วรู้รอด
นี่เป็นแนวทางแห่งการปรองดองที่ยั่งยืนกระนั้นหรือ!!
เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงง่ายๆ ภายใต้การนำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เช่นเดียวกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไม่กระเตื้องขึ้น ซ้ำยังเลวร้ายลงด้วยซ้ำ
ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ และผลักดันพ.ร.บ.ปรองดอง ของรัฐบาล ถือเป็นการสานต่อความขัดแย้งไม่รู้จบ แม้จะมีฝ่ายไหนทักท้วงอย่างไร แต่รัฐบาลไม่เคยให้ความสนใจ เดินหน้าลุยแหลก อ้างว่าเป็นสิ่งที่สัญญาหาเสียงไว้กับประชาชน จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ แต่หลายฝ่ายรู้เท่าทันว่ามันไม่ได้เป็นการเสาะหาประชาธิปไตย หรือหาแนวทางสมานฉันท์อะไรเลย นอกจากการช่วยเหลือคนๆ เดียว นักโทษหนีคดีต้องมาก่อนเหนืออื่นใด!!
หากไม่ช่วยกันออกมาขัดขวางการล้มล้างคดีให้นักโทษพ้นผิด ป่านนี้เรียบร้อยโรงเรียน "แม้ว" ไปแล้ว วันนี้สังคมได้กระตุกเตือนอย่าทำอะไรย่ามใจ "ทักษิณ" และเครือข่าย จึงไม่กล้าหักด้ามพร้าด้วยเข่าอย่างที่เห็น พ.ร.บ.ปรองดองก็ต้องฟาล์วไป ไม่กล้าพูดถึงแตะต้องอีก
ขณะที่รัฐธรรมนูญก็เตะถ่วง ยื้อเวลาดูสถานการณ์เป็นระยะ และเมื่อประเมินว่าฝ่าด่านไปไม่ไหวก็ต้องทำประชามติ วัดใจกันอีกครั้ง กระนั้นก็ตามการชิงเหลี่ยมคูทางการเมืองของฝ่ายหนุนฝ่ายต้านทักษิณก็ยังคงมีต่อเนื่องไปแบบไม่รู้จบรู้สิ้นแน่นอน
ด้วยเพราะรัฐบาลชุดนี้อะไรๆ ก็ "ทักษิณ" ต้องมาก่อน เดินหน้าทำงานกันทีสองที ก็วกกลับมาเรื่องช่วย "ทักษิณ" เรื่องกฎหมายก็พยายามหาทางแก้ไขช่วยเหลือนายใหญ่ทุกครั้งที่มีโอกาส บ้านเมืองเลยติดหล่มไม่เดินหน้าไปไหน หลายครั้งหลายหนทำให้เกิดความหมั่นไส้ จนเกิดเหตุการณ์ตะลุมบอนในสภา เสียรังวัด เสียเครดิตกันไปทุกฝ่าย นั่นก็เพราะความดื้อแพ่งไม่รู้จบ
สำหรับการบริหารงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังยึดหลักประชานิยมตามรอยเท้าพี่ชายแทบไม่ผิดเพี้ยน เป็นไปตามสโลแกน "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” โดยมียิ่งลักษณ์นำเสนอ ทว่าผลงานที่ออกมาดูเหมือนจะสอบตก ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
นโยบายที่อวดอ้างว่าดี “รถคันแรก-บ้านหลังแรก” ถูกตั้งคำถามว่าประสบความสำเร็จจริงหรือ มอมเมาประชาชน ไม่ต่างจากนโยบายอื่นๆ ที่เคยทำมา ลด แลก แจก แถม กันจนเคยชิน ไม่รู้ว่าเป็นการสร้างค่านิยมผิดๆ ทำให้ชนชั้นกลางรีบแห่จองก่อนหมดโปรโมชั่น สุดท้ายก็ไปตายเอาดาบหน้าผ่อนส่งค่างวดกันบักโกรก ดีไม่มีดีอาจเกิดภาวะล้มละลายทางการบริหารจัดการการเงิน รถถูกยึดกันเป็นแถว เพราะชักหน้าไม่ถึงหลัง
นโยบายเอกอุ ที่รัฐบาลเชื่อมั่นเหลือเกินว่าจะช่วยเหลือประชาชนได้เป็นอย่างดี “โครงการรับจำนำข้าว” ทำไปทำมาเจอจุดบกพร่องบานเบอะ เป็นที่มาของการหยิบยกมาอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลแจกแจงที่มาที่ไปของเม็ดเงินไม่ได้ ซ้ำยังยอมรับว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง สุดท้ายก็ยังแข็งขืนเดินหน้าต่อไป จนรัฐมนตรีต้องเอาคอพาดขึ้นเขียง ถูกองค์กรอิสระตั้งแท่นตรวจสอบนโยบายนี้
สำรวจตรวจสอบดูแล้วนโยบายนี้ถูกพูดถึงในแง่ของข่าวคราวการทุจริต ชักหัวคิวกินเปอร์เซ็นต์ มากกว่าเนื้อหา ประโยชน์ของนโยบายที่ประชาชนได้รับ รัฐบาลไม่สามารถนำผลงานมาอวดอ้างได้เต็มปาก ยิ่งเอามาพูดก็ยิ่งเหมือนเอามีดแทงเข้าเนื้อตัวเอง
ภาพรวมการทำงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในช่วงขวบปีที่ผ่านมา ที่ถือว่ามีโอกาส มีเวลาทำงานเต็มเพดาน แต่ดูเหมือนว่าไม่ประสบความสำเร็จ เป็นแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ แถมตลอดเส้นทางยังมีข่าวคราวการทุจริตเป็นระยะ จะอ้างว่ายังมีผลพวงจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 ก็อ้างได้นิดหน่อย “ยิ่งลักษณ์” หยิบมาเล่นเกมพลิ้วได้ไม่เต็มปากนัก
การเมือง ณ คาบปี 2555 ยังติดหล่มความขัดแย้ง ที่รัฐบาลไม่พยายามก้าวออกมาเอง เนื่องเพราะยังต้องกระเตงเรื่องราวที่ต้องทำเพื่อช่วยเหลือ“ทักษิณ” นักโทษหลบหนีคดีอยู่ทุกลมหายใจ กิจการงานใดๆ มันก็เลยยักแย่ยักยันอยู่ ผลงานเชิงบริหารก็ไม่เป็นที่ประจักษ์ ไม่เป็นโล้เป็นพาย
กระนั้นก็ตามถึงอย่างไรก็แล้วแต่ คนไทยยังต้องอยู่กับการบริหารภายใต้รัฐบาลชุดนี้ต่อเนื่องไปอีก ปีหน้า 2556 จะเป็นการพิสูจน์ หรือให้รัฐบาลแก้ตัวอีกครั้งหนึ่ง คงไม่มีข้ออ้างอื่นใดมาเอาตัวรอดอีกต่อไปแล้ว หากบริหารงานล้มเหลวต้องรับผิดไปเต็มๆ
ถ้าหากรัฐบาลยังยึดรูปแบบการทำงานไปด้วย จ้องหาช่องช่วยเหลือ “ทักษิณ” ไปด้วยอยู่อย่างนี้ รับประกันซ่อมฟรี ผลงานคงออกมาห่วยแตกเหมือนเดิม เพราะต้องเสียเวลามาตะลุยฝ่าด่านเครือข่ายเฝ้าระวัง องค์กรอิสระ และตุลาการ ที่ยืนตระหง่านอยู่ จนไม่มีไปบริหารงาน ไม่มีเวลาเอาสมองไปคิดเรื่องนโยบายอย่างจริงจัง ซึ่งนั่นก็จะเป็นการฆ่าตัวเองให้ตายช้าๆ
เพราะภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดของรัฐบาล ก็คือการบริหารงานที่ดี ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่รับใช้ใครบางคน..