ภาคี 8 เครือข่ายออกแถลงการณ์ ไม่ยอมรับ “สมชาย” เป็นนายกฯ จี้ลาออกด่วน เหตุเมินเฉยต่อปัญหาความขัดแย้ง ปล่อยอำนาจเถื่อนทำร้าย ปชช.จนล้มตาย-บาดเจ็บ ท่องคาถามาจากเลือกตั้ง ดึงดันเกาะเก้าอี้ต่อ เรียกร้องทุกองค์กรร่วมกดดันให้พ้นจากตำแหน่ง ด้านพีเน็ตจี้คนไทยเลิกเป็นกลาง หันมายึดถือความถูกต้อง จวก “สานเสวนา” แค่คำพูดสวยหรู ช้าเกินการณ์ สุดท้ายนักการเมืองต้องเสียสละ รับผิดชอบต่อประชาชน
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 1 ธ.ค.ที่โรงแรมโฟร์ซีซันส์ ถนนราชดำริ ภาคี 8 เครือข่ายมูลนิธิ และชมรมนักวิชาการนักธุรกิจและประชาชน ได้ออกแถลงการณ์ประกาศไม่ยอมรับการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อีกต่อไป โดยมีสาระสำคัญว่า
ประการแรก รัฐบาลนายสมชายได้ละเลยต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด และได้ปล่อยปละละเลยให้เกิดการใช้อำนาจนอกกฎหมายเข้าทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นระยะๆ เช่น การใช้อาวุธสงครามยิงใส่ผู้ชุมนุมหลายครั้งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยรัฐบาลไม่ได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวและยังคงยึดหลักที่ว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะบริหารจัดการบ้านเมืองอย่างไรก็ได้ โดยมิได้คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติจนบ้านเมืองได้เข้าสู่วิกฤติอย่างรุนแรง
ประการที่ 2 รัฐบาลปัจจุบันเป็นผู้เริ่มต้นสร้างความขัดแย้งในสังคม โดยมิได้คำนึงถึงผลหรือความเสียหายที่จะติดตามมาเช่นการเสนอประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การใช้สื่อของรัฐ (NBT) เป็นเครื่องมือทางการเมืองโดยนำเสนอข่าวสารที่มีอคติก่อให้เกิดความร้าวฉานและความรุนแรงตลอดเวลา อีกทั้งรัฐบาลไม่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติในกรณีปราสาทเขาพระวิหาร จนเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างประเทศ ตลอดจนการขาดความจริงจังในการดำเนินคดีต่อกลุ่มหรือบุคคลที่ก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์
ประการที่ 3 รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่ได้ดูแลและรักษาความสงบสุขของประเทศชาติแต่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในวันที่ 7 ต.ค.51จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยไม่ได้แสดงความรับผิดชอบขั้นสูงที่ไม่สามารถดูแลรักษาสถานการณ์ไว้ได้
ประการที่ 4 เมื่อสถานการณ์อันเกิดจากความย่อหย่อนของประสิทธิภาพของรัฐบาลพัฒนาไปถึงจุดวิกฤติร้ายแรงสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างในกรณีปิดสนามบินดอนเมืองและการบินสนามบินสุวรรณภูมิและได้มีการเสนอจากหลายภาคส่วนสังคมให้รัฐบาลยุบสภาหรือลาออกและให้พันธมิตรฯ ยุติการชุมนุมแต่นายสมชาย ก็ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวทำให้ปัญหายังคงอยู่โดยไม่มีการรับผิดชอบจากรัฐบาล
ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้องค์กรที่รายงานข้างท้ายนี้ จึงขอประกาศไม่ยอมรับการปฏิบัติหน้าที่ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอีกต่อไป รวมถึงคณะรัฐบาลทั้งชุดด้วยและขอเรียกร้องให้ทุกองค์กรและกลุ่มดังกล่าวที่มีความเห็นในแนวทางเดียวกันได้แสดงออกต่อสาธารณะโดยสงบและสันติและร่วมกันกดดันทุกวิถีทางให้นายสมชาย พ้นจากตำแหน่งโดยวิธีการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขต่อไปและขอให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงแนวทางหรือวิธีการที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงทุกรูปแบบ และเสียสละร่วมกันเจรจาเพื่อยุติสถานการณ์ต่างๆ โดยเร็วต่อไป
สำหรับภาคี 8 เครือข่าย ประกอบด้วย มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย เครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง(พีเน็ต) เครือข่ายปัญญาสยาม มูลนิธิเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้ง (ANFREL) เครือข่ายปวงชนต่อต้านอธรรม มูลนิธิพัฒนาสิทธิมนุษยชน
รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง(พีเน็ต) กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องออกจากความเป็นกลาง เพราะในปัจจุบันเรื่องผลประโยชน์แห่งชาติและเรื่องความถูกต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า เพื่อที่จะนำความสงบสุขมาให้สังคมในที่สุด ทั้งนี้ การยุบสภาไม่ใช่ทางออก เพราะหากมีการเลือกตั้งอีกปัญหาก็จะไม่จบ ส่วนการเจรจาการสานเสวนาก็เป็นเพียงคำพูดสวยหรู แต่ช้าเกินไป เพราะฉะนั้น ทางสุดท้าย ในฐานะที่รัฐบาลเป็นนักการเมือง รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองและเสียสละด้วยการลาออก เพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน และเปิดโอกาสให้กลุ่มอื่นเข้ามาบริหารบ้านเมืองแทน
ศ.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ แกนนำเครือข่ายปัญญาชนสยาม กล่าวว่า การที่รัฐบาลกล่าวอ้างว่ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ทำให้มีความชอบธรรมในการอยู่ในตำแหน่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ถูกต้องไม่หมด เพราะรัฐบาลที่ดีต้องสามารถแก้ปัญหาของประชาชนได้ แต่ขณะนี้ความรู้สึกของประชาชนได้รู้สึกว่าเสมือนว่าขณะนี้ไม่มีรัฐบาล เพราะรัฐบาลไม่สามารถทำหน้าที่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยต้องมีการรับผิดชอบด้วยการลาออกเพื่อให้ประชาธิปไตยเดินต่อไปได้
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า นายสมชาย ย้ำเสมอว่าเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ซึ่งขณะนี้ส่วนตัวคิดว่าถึงเวลาแล้วที่นายสมชายจะต้องลาออกจากตำแหน่ง เพราะนายสมชายเป็นนายกฯ ก็เหมือนไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เมื่อบริหารไม่ได้ก็ควรออกไป
ผศ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ แกนนำเครือข่ายสยาม กล่าวว่า นักการเมืองต้องมีจิตสำนึกที่สูงกว่าคนทั่วไป หน้าที่ของนักการเมืองมี 3 อย่าง คือ การเข้าสู่ตำแหน่ง การปฏิบัติหน้าที่ และ การออกจากตำแหน่งในเวลาที่เหมาะสม เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะนั่งอยู่ต่อไปแต่ไม่สามารถบริหารงานเพื่อประเทศชาติได้ เพราะฉะนั้น นายสมชายต้องลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่เหมาะสมเข้ามาทำงานแทน เพราะที่ผ่านตนเองไม่เคยเห็นรัฐบาลเสนอแนวทางที่ดีให้กับบ้านเมืองเลย ตรงกันข้าม ทุกแนวทางที่เสนอมารัฐบาลกลับปฏิเสธทั้งหมด
“ผมขอเสนอให้นายสมชายลาออก มากกว่าการยุบสภา เพราะการลาออกอาจจะสามารถทำให้บ้านเมืองกลับมาสู่ภาวะปกติได้ โดยให้ ส.ส.ที่มีอยู่ในสภาประชุมเลือกกันเพื่อเลือกคนที่เหมาะสมเป็นนายกฯ และให้คนนอกที่มีความสามารถมาเป็นรัฐมนตรี เพื่อให้สังคมยอมรับ เชื่อว่าบ้านจะสามารถเดินต่อไปได้” ผศ.เฉลิมชัย กล่าว
ทั้งนี้ ทางเครือข่ายจะมีการเดินขบวนรณรงค์เรื่องนี้ ที่ถนนสีลมในเวลา 10.30 น. และจะอ่านแถลงการณ์ที่หน้าตึกสีลมคอมเพล็กซ์ด้วย
ศ.นพ.ประมวล วีรุตมเสน อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ผู้บริหารประเทศต้องเป็นคนที่มีจิตใจสูง แต่เหตุการณ์ที่รัฐบาลทำร้ายประชาชนในวันที่ 7 ต.ค.เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ที่รัฐบาลไม่มีความรับผิดชอบ ทั้งนี้ ส่วนตัวเป็นคนที่ยอมรับระบบการเลือกตั้ง แต่ก็คิดว่าคนที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาไม่มีสิทธิ์ที่จะชั่วโดยเด็ดขาด