xs
xsm
sm
md
lg

ฝากถึง"รัฐบาล+คมช."อย่าปล่อย"พล.อ.ชวลิต" ว่างงานจนเพี้ยน

เผยแพร่:   โดย: "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง

•• ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของ ปี 2550 เราจะได้เห็น คู่ขัดแย้ง คู่ใหม่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กับ รัฐบาล + คมช. วิจารณ์กันตามเนื้อผ้าต้องถือว่า คู่คี่สูสี ขุนพลเฒ่าวัย 75 นั้นแม้ในสายตาประชาชนอาจจะ พูดไม่รู้เรื่อง และประสบการณ์ในการบริหารชาติบริหารแผ่นดินที่ได้โอกาสไปแล้ว 1 สมัย 1 ปีเมื่อ 10 ปีที่แล้วจะ ล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่จริง ๆ แล้วจุดเด่นของท่านผู้นี้อยู่ที่ พลังในการทำงานลับเชิงต่อต้านบ่อนทำลาย -- รวมทั้งการสร้างเครือข่าย ชื่อเสียงในอดีตคือความเป็น ทูตลับ, ผบ.กองกำลังลับปฏิบัติการในเขตศัตรู, จัดตั้งหน่วย ต่อต้านพื้นเมืองขึ้นในเขตศัตรู และมีความถนัดเป็นพิเศษใน งานมวลชน, งานข่าว พูดง่าย ๆ ว่าสมแล้วกับที่เป็น นายทหารเหล่าสื่อสาร จุดเด่นเหล่านี้จะบังเอิญมา ชง ทำปฏิกิริยากับด้านที่เป็น จุดอ่อน ของ รัฐบาล + คมช. ที่ในปี 2550 จะต้อง รับศึกหลายด้าน และมีแนวโน้มที่ยิ่งนานวันไป ศรัทธาที่ได้รับจากประชาชนจะค่อย ๆ ลดลง นักข่าวจำนวนหนึ่งที่ไปร่วมสนทนากับเจ้าของสมญา บิ๊กจิ๋ว เมื่อ 2 วันก่อนที่บ้านซอยปิ่นประภาคมโดยการประสานจากพี่ใหญ่ในวงการ เผด็จ ภูรีปฏิภาณ – ไพวงศ์ เตชะณรงค์ จับอาการขุนพลเฒ่าได้ว่า อารมณ์ดีและร่าเริงกับแนวโน้มสงครามครั้งใหม่ในปี 2550 เป็นพิเศษ ในระดับที่พอจะเปรียบเทียบได้ว่า จิตใจกระชุ่มกระชวยขึ้นมา 20 ปี แต่บางส่วนของผู้รับเชิญไปสนทนาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวและ รู้จักความเป็นบิ๊กจิ๋ว มามากพอควรกลับรู้สึก หนาว เพราะเกรงว่าสงครามครั้งใหม่จะไม่จำกัดอยู่แค่วง การเมือง, การเลือกตั้ง หากแต่จะกินปริมณฑลเข้ามาในวง การทหาร, การก่อความไม่สงบในเมือง ด้วย “เซี่ยงเส้าหลง” เองรู้ดีว่าความร่าเริงนี้มาจากการที่ขุนพลเฒ่าซึ่งเคยเริ่ม เฉา เพราะ ไร้งาน จู่ ๆ ก็เกิดกลับมาเป็น ตัวแปรของสถานการณ์บ้านเมือง ที่เคยเป็นมาตลอดชีวิตราชการอีกครั้งในลักษณะที่ ไม่ต้องห่วงเรื่องทุนรอน เหมือนก่อน

•• แต่ในฐานะที่ เคยรัก และ ยังรัก ในตัว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ชนิดที่เคยเขียนแก้ข้อกล่าวนานานัปการและเผยแพร่วีรกรรมลับที่คนไม่เคยรู้ให้ท่าน ณ ที่นี้หลายต่อหลายครั้งก็อยากจะขอบังอาจ ติง, เตือน ท่านให้คิดให้รอบคอบอีกครั้งว่าจะ ทิ้งศักดิ์ศรีทิ้งเกียรติภูมิในอดีตลงมาดำเนินงานในทิศทางที่สอดคล้องสอดรับกับโจรปล้นแผ่นดินที่เริ่มจะคิดการใหญ่ถึงขั้นปล้นราชบัลลังก์ เชียวละหรือ “เซี่ยงเส้าหลง” ขอให้พ่อใหญ่งดน้ำมังสวิรัติเข้าห้องพระ รวบรวมจิตให้เป็นสมาธิ – สัมผัสเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีชั้นมหาโยธิน ที่ได้รับพระราชทานและผ่าน พิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา สักสองสามชั่วยาม สัมมาปัญญา ที่อาจจะเกิดขึ้นมาน่าจะเป็น ตัวช่วย ให้ตัดสินใจใหม่ได้อีกครั้ง

•• คนระดับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ผ่าน วีรกรรมลับเพื่อชาติเพื่อราชบัลลังก์ มามากกว่ามากใยจะต้องลดตัวลงมาเกลือกกลั้วกับโจรปล้นแผ่นดินอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใยจะต้องลดตัวลงมาทะเลาะกับน้อง ๆ อย่าง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์, พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน, พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่านจินดา แม้ว่าน้อง ๆ จะไม่รู้เรื่องทำงานไม่เป็นไปบ้างแต่หลักใหญ่ใจความที่จะต้อง จับให้มั่น ก็คือ ณ นาทีนี้น้อง ๆ ถูกเลือกให้มาปฏิบัติภารกิจสำคัญยิ่ง ปกป้องชาติและราชบัลลังก์ สอนไปเท่าที่จะสอนได้หากน้อง ๆ มันดื้อถือดีเราก็ ปล่อยวาง ปฏิบัติ พรหมวิหารธรรม 4 ให้ได้ตามลำดับ

•• เมื่อเลือกจะเป็น หนุมาน (ถึงขนาดเมื่อกว่า 20 ปีก่อนเคยใช้เป็น ตราสัญลักษณ์ประจำตัว) ก็ต้องเข้าใจและเข้าถึง จิตวิญญาณและธรรมชาติของหนุมาน ว่าต้อง ทำงานหนัก, ครองเมืองไม่ได้ และบางครั้งแม้จะ ทำดี – แต่ต้องรับคำตำหนิของเจ้านาย ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรนักจาก ขงเบ้ง ที่ต้อง รบจนวันตาย, ไม่ได้ครองเมือง แต่วีรชนในหน้ามหากาพย์ทั้งสองก็ไม่เคย ท้อถอย, โทษฟ้าดิน และที่สำคัญ ไม่รับไมตรีจากศัตรูราชบัลลังก์ แม้จะมีโอกาสมากต่อมากนักก็ตาม

•• ถ้า พลาด ในการตัดสินใจครั้งนี้ต่อให้ ชนะศึก จะภูมิใจได้อย่างไรใน ทรากปรักหักพังของบ้านเมือง แต่ถ้า แพ้ ข้อกล่าวหาไม่จริงในอดีตอาทิ รบแพ้ลาว, คิดตั้งสภาเปรซิเดียม และ ฯลฯ จะถูกเสริมเติมแต่งจน คนทั้งแผ่นดินเชื่อ คุ้มค่าหรือกับ การเสี่ยง ถามจริง ๆ เถอะ

•• จะปีใหม่ 2550 อยู่รอมร่อ “เซี่ยงเส้าหลง” ไม่ขอ เรียกร้องด้านเดียว แต่จะขอเรียกร้อง รัฐบาล + คมช. ด้วยว่าลอง ปล่อยวาง แล้วหาวิธี ใช้ ขุนพลเฒ่าวัย 75 อย่าให้ ว่างงาน จน เห็นผิดเป็นชอบ ขอบอกว่าคนอย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นั้นแม้จะ ไม่ชำนาญเรื่องเศรษฐกิจ แต่เป็นคนไทยคนหนึ่งในรอบ 100 ปีที่ ชำนาญด้านความมั่นคง, ชำนาญด้านการเมืองระหว่างประเทศ ก่อนจะถึงจุด เศรษฐกิจวิบัติ นั้นคนคนนี้อาจจะ มืดบอด แต่เมื่อถึงจุดนั้นแล้วคนคนนี้ เปล่งประกายปัญญาเจิดจรัส ซึ่งไม่ใช่เพราะ บังเอิญ แต่เพราะ สายสัมพันธ์และประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน ไม่ใช่วันสองวัน บทที่ 10 – ความลับของทูตลับไปเมืองจีน ของหนังสือสุดดัง บันทึกลับ 2540 ความจริงที่ถูกปกปิดมาเป็นเวลานาน เขียนโดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ เคยบอกเล่าไว้ลองหามาอ่านดู

•• วันนี้ “เซี่ยงเส้าหลง” ขอเขียนเป็น ครั้งสุดท้ายของปี 2549 แปลกแต่จริงที่เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมาข้อเขียน ณ ที่นี้ที่เป็น ครั้งสุดท้ายของปี 2548 ก็เป็นการเขียนในเรื่องทำนองเดียวกันถึงคนคนเดียวกัน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ภายใต้ชื่อเรื่อง“ชายชื่อชวลิต – ความคิดไม่เคยเปลี่ยน” : เมื่อพ่อใหญ่หวนคืนสู่อ้อมอกทักษิณ -- ข้อเตือนใจว่าด้วยบริวารและสมมติ !ขอตัดต่อบางส่วนมาเป็นล้อมกรอบสั้น ๆ กำนัลแด่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ด้วยรักอีกครั้ง ณ ที่นี้

เรื่องราวของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธครั้งนี้เป็นคติสอนใจการดำรงชีวิตให้งาม สว่าง สะอาด และสงบ ได้เป็นอย่างดี

เป็นคติสอนใจในข้อธรรมอย่างน้อยที่สุด 2 เรื่องด้วยกัน

“บริวาร”

และ

“สมมติ”

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเป็นคนที่...

ไม่เคยเปลี่ยน !

ท่านมีจุดอ่อนในเรื่องบริวาร

โดยส่วนตัวแล้วท่านเป็นคนเก่ง เป็นเสนาธิการที่ดี แต่เป็นผู้บัญชาการที่มีจุดอ่อน

โลเล,

ลมเพลมพัด

ฯลฯ

คือบางครั้งก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะเอาอะไรแน่

การที่นักแสดงตลกที่แสดงเลียนแบบท่านในโชว์ชุด “สภาโจ๊ก” กลายเป็นนักแสดงยอดนิยมมากกว่าใคร ๆ ที่แสดงในโชว์ชุดเดียวกันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ

การมีบริวารที่ติดยึดในผลประโยชน์ และไร้หลักการ ยิ่งทำให้ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีจุดอ่อน

ยามมีอำนาจ บริวารที่มีผลประโยชน์แต่สอพลอเก่งมักจะได้ดี

การมีบริวารมาก และความรักในบริวารที่ภักดีอย่างไม่มีการจำแนก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ท่านตัดสินใจกลับคำหันมาร่วมงานกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอีกครั้ง

บริวารท่านคงจะสบายใจกันทั่วหน้าที่ “นาย” กลับมามีโอกาสกลับไปเป็นรัฐบาล

น่าเสียดายที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธหลีกไม่พ้นด่านสำคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์

“สมมติ”

ตำแหน่งเป็นหัวโขน เมื่อสวมใส่ได้ก็ต้องปล่อยวางได้

อำนาจเป็นสมมติ เมื่อมีได้ก็ไม่มีได้

เมื่อยามมีอำนาจมีตำแหน่ง ก็ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด

เมื่อถึงกาลจะต้องปล่อยวาง ก็ไม่ต้องกระวนกระวายไขว่คว้าแสวงหาให้เป็นที่ติฉินนินทาแก่ชนรุ่นหลัง

อายุอานามก็ใกล้ 75 แล้ว ปล่อยวางเสียให้หมดชาติบ้านเมืองคงไม่วิบัติไปต่อหน้าต่อตาหรอก

เหลือผู้ใหญ่ให้คนรุ่นหลังยกมือไหว้อย่างสนิทใจสักคน – ก็เป็นคุณูปการสูงสุดแก่อนุชนรุ่นหลังแล้ว

•• กราบลาและกราบสวัสดีปีใหม่ 2550 แต่ ผู้อ่านทุกท่าน ผิดพลาดพลั้งไปประการใด “เซี่ยงเส้าหลง” กราบขออภัย มา ณ ที่นี้ พบกันใหม่ต้นปี 2550 สวัสดีมีชัย
กำลังโหลดความคิดเห็น