อดีตรองปลัดกลาโหมฯ เผยเหตุ คปค. เอาคนระบอบทักษิณ มาร่วมงาน เพราะความฉุกละหุก แต่ยันฟังเสียงประชาชน พร้อมจัดทีมกฎหมายหลายชุด เหมือนบ้านที่มีหลายครัว-กินข้าวหลายสำรับ แต่หวั่นแพ้สงครามข่าวสาร เหตุฟรีทีวียังไม่ช่วย เตรียมผังรายการฟรีทีวี ให้ข้อมูลประชาชน
คืนวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา พล.อ.ปานเทพ ภูวนาถนุรักษ์ อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้สัมภาษณ์ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ในรายการ “คนในข่าว" ออกอากาศทาง เอเอสทีวี ฟรีทีวีผ่านดาวเทียม กรณีการดำเนินงานของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) และการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.อ.ปานเทพ ตอบคำถาม กรณีมีข่าวที่ว่าจะได้รับการแต่งตั้งจาก คปค. ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า คงเป็นแค่ข่าวลือ และขณะนี้ยังไม่มีนายกฯ ถ้ามีนายกฯแล้วคงขึ้นอยู่กับนายกฯ ว่าจะเลือกใคร และขณะนี้ ตนพอแล้ว และอีกอย่างถ้าเป็นรมว.กลาโหม ถ้าหากนายกฯ ไม่เข้าใจ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงไม่เข้าใจ หรือมีเจ้าหน้าที่ส่วนใดส่วนหนึ่งไม่เข้าใจ ก็ทำอะไรไม่ได้ และที่จริงตนไม่ต้องเป็นรัฐมนตรีก็ยังสามารถทำงานเรื่องภาคใต้ได้ ในฐานะเป็นคนให้คำปรึกษา
กรณีการเปรียบเทียบการทำงานของ คปค. กับคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) พล.อ.ปานเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ คปค.ต้องไปศึกษาประวัติศาสตร์ และนำไปแก้ไข และเท่าที่ทราบ คณะปฏิรูปฯชุดนี้เลือกที่จะดำเนินการทางกฎหมาย เพราะจะอยู่ในอำนาจแค่ระยะสั้น เพราะฉะนั้น ต้องวางวิธีการทางกฎหมายเอาไว้
ส่วนข้อสงสัยที่มีต่อการเอาคนที่เคยทำงานให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาทิ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นายวิษณุ เครืองาม นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ มาร่วมงานกับ คปค. พล.อ.ปานเทพ กล่าวว่า การเข้ามายึดอำนาจครั้งนี้ ค่อนข้างจะฉุกละหุก เมื่อคณะปฏิรูปฯ เข้ามา ก็รีบตัดสินใจไปหาคนที่เก่งมาช่วย เหมือนยึดบ้านได้แล้ว ก็ต้องรีบไปหาคนเป็นแม่ครัวมาทำกับข้าว บังเอิญว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนที่เก่งอยู่แล้ว ต้องการทำกับข้าวตำรับไหนก็ทำให้ได้
“แต่เมื่อไปสักระยะหนึ่ง ท่านก็ฟังเสียงประชาชน และคนทำกับข้าว ตอนนี้ไม่ได้มีชุดเดียว มีหลายชุด แต่คณะนี้มีชื่อเสียงสื่อมวลชนก็เห็น แต่อยากจะเรียนว่า ครัวเรามีหลายครัว ท่านรับประทานหลายสำรับ ไม่ได้รับประทานสำรับเดียว และมีแม่ครัวหลายชุดเสนอกับข้าวมาให้ แล้วก็ดูเหมือนว่า แม่ครัวชุดเดิมเขาก็รู้ตัว สักพักก็จะถอยออกไป”พล.อ.ปานเทพ กล่าว
อดีตรองปลัดกลาโหม ได้ยกตัวอย่างกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งหลายฝ่ายกำลังทักท้วงว่าจะมีคนของรัฐบาลชุดก่อนเข้ามา ซึ่งคณะปฏิรูปฯ ก็รับฟัง และอาจจะมีการปรับปรุงเพิ่มเติมคณะกรรมการ เพื่อให้สามารถดูแลคดีที่มีจำนวนมากด้วย
พล.อ.ปานเทพ กล่าวต่อว่า ในการต่อสู้ด้านข้อมูลข่าวสารกับกลุ่มอำนาจเดิมนั้น ตอนนี้เราก็ห่วงว่าเราจะแพ้ แต่ก็ดีที่คณะปฏิวัติคณะนี้เป็นคณะแรกที่มีสื่อออกมาช่วยมาก เพียงแต่สื่อที่เป็นฟรีทีวี ช่อง 3 5 7 9 11 ไอทีวี ข้อมูลยังไปไม่ถึง ซึ่ง คปค.กำลังทบทวนเรื่องรายการต่างๆ ว่าจะปรับปรุงเพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์กันได้อย่างไร
“อาจจะมีการปรับผังรายการ อย่างเช่น ถึงลูกถึงคน (ทางช่อง9) อาจจะต้องมีการทบทวน” พล.อ.ปานเทพกล่าว
กรณีที่สหรัฐฯจะตัดความช่วยเหลือ พล.อ.ปานเทพ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าสหรัฐฯจะยกเลิกความช่วยเหลือจริงหรือไม่ รู้แต่ว่าสหรัฐฯ จะทบทวน เช่นเดียวกับหลายประเทศที่ยึดอำนาจ สหรัฐฯ ก็ไม่ตัดความช่วยเหลือ เพียงแต่มีการทบทวนระยะหนึ่งเท่านั้น
นอกจากนี้ พล.อ.ปานเทพ ยังกล่าวว่า เป็นเรื่องดี ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ไปให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็น ถึงสาเหตุที่คณะปฏิรูปต้องยึดอำนาจ และเป็นกรณีที่ คปค.จะนำไปพิจารณาเรื่องการปรับปรุงรายการทางโทรทัศน์
สำหรับกรณีภาคใต้นั้น พล.อ.ปานเทพ กล่าวว่า ตนเคยพูดเรื่องนี้กับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เมื่อ 2 ปีก่อนแล้วว่าปัญหาอยู่ที่พ.ต.ท.ทักษิณ แต่นายมีชัยบอกว่าไม่ได้ทำงานให้กับพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ส่วนที่ตนพูดที่ดุสิตธานีเรื่องปัยหาภาคใต้ เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ได้เคยพูดกับพ.ต.ท.ทักษิณแล้วเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2548 และได้ทำเอกสาร 80 หน้าให้พ.ต.ท.ทักษิณไปอ่านแล้ว
“แรงบันดาลใจที่พูดวันนั้น เพราะทนมาเรื่อยกับการแก้ไขปัญหาที่ผิดมายาวนาน จนในหลวงมีพระราชดำรัสกับศาล เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 พระองค์ท่านทรงรับสั่งว่าประเทศไทยวิกฤติที่สุดในโลก ซี่งผมคิดว่ามี 2 วิกฤติ คือ การแตกแยกทางความคิดของคนใน 3 จังหวัดภาคใต้ ที่จับอาวุธขึ้นมาสู้ กับเจ้าหน้าที่ และ 2. ความแตกแยกทางความคิดทางการเมืองของคนในชาติ ถึงขั้นทำร้ายกันผู้หญิง คนแก่ เลือดตกยางออก”
พล.อ.ปานเทพ กล่าวต่อว่า ฟางเส้นสุดท้าย ก็คือ เหตุระเบิดที่หาดใหญ่ ซึ่งหลังเหตุการณ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จไปเยี่ยมครูจูหลิง เป็นการเสด็จแทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ ที่ยังทรงพระประชวร เชื่อว่าถ้าทั้ง 2 พระองค์ไม่ทรงพระประชาร ก็คงจะเสด็จเยี่ยมครูจูหลิงแน่นอน ดังนั้นตนเห็นว่า คงอยู่นิ่งต่อไปไม่ได้แน่จึงตัดสินใจออกสื่อหลายที่ แต่ไม่จุใจ ก็ต้องไปแถลงข่าวที่โรงแรมดุสิตธานี
อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 บอกว่า ปัญหาภาคใต้ ไม่ได้เกิดจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดน แต่เป็นการเคลื่อนไหวเรียกร้องความชอบธรรมโดยผิดวิธี ตนรู้เรื่องนี้ดีเพราะอยู่ภาคใต้มานาน ปัญหาเหมือนไฟสุมขอน ไม่มีวันดับ แต่จะลุกโชนหรือมอดไหม้ ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่รัฐ
“เหมือนคนไข้เรื้อรัง ที่รักษาไม่หายแต่หมอยังควบคุมได้ ซึ่งก็คือแม่ทัพภาค 4 พอทักษิณเข้ามา ก็เปลี่ยนหมอ เปลี่ยนวิธีการ ถอนทหาร เลิก พตท.43 ยุบ ศอ.บต. เอาตำรวจมาแทน ปัญหาก็ลุกลาม เพราะทักษิณไม่ได้ดูบันทึกการรักษาไข้นี้ที่มีมายาวนาน ตั้งแต่สมัยสมบูรณาญาสิทธิราช ตอนนั้น กลุ่มผู้มีอุดมการณ์ต่อสู้ เหลือคนอยู่น้อยมาก ทักษิณก็คิดแบบคณิตศาสตร์ ว่าผู้ร้าย 50 คน ถ้าตายหมด ก็หมด ซึ่งที่จริงมันไม่ใช่ เข้าไม่เคยได้ยินหรือว่า ตาย 1 เกิด 10 เมื่อเอาทหารออก ทำให้พวกที่อยู่บนป่าเขาลงมาปลุกระดม มาฝึกอบรมคนในหมู่บ้านได้ จากที่เมื่อก่อนต้องไปต่างประเทศ ส่วนชาวบ้านที่เดือนร้อนเคยพึ่ง ศอ.บต.ได้ ตอนนี้ไม่รู้ไปที่ไหน ก็ไปพึ่งกลุ่มอุดมการณ์แทน” พล.อ.ปานเทพกล่าว