xs
xsm
sm
md
lg

ชท.จวก “แม้ว” โต้ “สนธิ” แบบไร้ข้อมูล-อายไม่กล้าให้คะแนนตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชาติไทย” จวก “แม้ว” ลงมาโต้ “สนธิ” สะท้อนระบบผู้นำซีอีโอ เน้นการเมืองแถมไร้ข้อมูล ปริปากอายไม่กล้าให้คะแนนตัวเองในการตรวจสอบรัฐบาล รับทำดีที่สุดแล้ว ลั่นปีหน้าลุยงานหนัก หนุนปฏิรูปการเมืองเกิดให้ได้ จี้รัฐปรับนโยบายสนองพระราชดำรัสในหลวง

วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่พรรคชาติไทย นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการตอบโต้ของรัฐบาล และ ส.ส.พรรคไทยรักไทย กรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ กล่าวเปิดโปงการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐมนตรีในรัฐบาลในรายการว่า ดูเหมือนว่าการตอบโต้นั้นไม่ได้เป็นการชี้แจงในเนื้อหาหรือข้อเท็จจริง แต่จะเป็นไปในลักษณะทางการเมืองมากกว่า ที่มักจะกล่าวหาว่าการจัดรายการมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ หรือเป็นคนที่เสียผลประโยชน์ ตนคิดว่าไม่ได้เป็นการเสริมศรัทธาประชาชนในระบอบประชาธิปไตย เพราะรัฐบาลปฏิเสธไม่ได้ว่าการบริหารนโยบายของรัฐบาลมีจุดบกพร่องมาก ซึ่งในทางกลับกันรัฐบาลควรที่จะต้องน้อมรับข้อเท็จจริงนั้นแล้วนำกลับไปพิจารณา

“รัฐบาลควรที่จะออกมาชี้แจงในเนื้อหาข้อเท็จจริงในสิ่งที่นายสนธิพูดมากกว่า ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างต่อระบอบศรัทธาของประชาชน ส่วนปรากฏการณ์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงมาตอบโต้ด้วยตนเองนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่ได้สำคัญว่าใครพูด แต่สำคัญว่าการพูดนั้นอยู่บนหลักการหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงระบบซีอีโอ ที่ภายใต้การปกครองภายใต้ระบบพรรคเดียวนั้น ในมิติหนึ่งก็อาจจะสร้างความรู้สึกเด็ดขาดและชัดเจนในการสั่งการ แต่เมื่อเวลาผ่านไปผลของระบบนี้คือความคิดไม่มีความหลากหลาย ไม่มีการทบทวนและทัดทานเกิดขึ้น จนนำไปสู่การความขัดแย้งในตัวเอง และสร้างความยุ่งยากในการปฏิบัติ เช่น ข้าราชการประจำ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ซึ่งกรณีที่สะท้อนได้ชัดคือการจัดการศึกษาที่ไม่มีฝ่ายใดได้รับความสุขเลย ที่ใช้การสั่งการเป็นที่ตั้งมากกว่าการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย” นายวีระศักดิ์ กล่าว

นายวีระศักดิ์ ยังแถลงถึงการทำงานของพรรคชาติไทย ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อต้นปี 2548 ว่า การทำงานที่ผ่านมาพรรคชาติไทยได้ทำการแก้ปัญหาในด้านสังคมโดยยุทธวิธีทางนิติบัญญัติ คือการเสนอร่างกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาสังคมหลายฉบับ โดยที่ตอนนี้กำลังรอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในการประชุมสภาฯ ปี 2549 ทางพรรคก็ยังคงที่จะเดินหน้าในการเสนอกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวต่อไป ซึ่งมีกฎหมายหลายฉบับที่ตนเตรียมที่จะเสนอให้กับที่ประชุมของคณะกรรมการบริหารของพรรค เช่น ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะใช้สำหรับการปรับปรุงระบบการจัดการกับปัญหาสาธารณภัย เป็นต้น

รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวต่อว่า สำหรับการทำงานของพรรคในปีต่อไปจะแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ระลอก ประกอบด้วย 1.จะเร่งเพิ่มบทบัญญัติให้ประชาชนมีสิทธิที่จะเข้าชื่อเพื่อการปฏิรูปการเมือ งคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ต้องรอให้เกิดจากทางฝ่ายการเมือง 2.พรรคชาติไทยได้ตกลงกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อการศึกษาประเด็นต่างๆ แล้วทำการรวบรวมเพื่อเสนอต่อประชาชนว่าจะต้องมีการแก้ไขอย่างไร 3.จะทำการผลักดันเพื่อให้มีการแก้ไขกระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ โดยเฉพาะการทำงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทั้งหมด เพื่อที่จะให้การทำงานขององค์กรเหล่านี้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน

นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทางพรรคจะติดตามการทำงานของรัฐบาลทั้งหมดว่าการทำงานนั้นได้เป็นไปตามนโยบายที่หาเสียงไว้ และที่แถลงต่อรัฐสภาหรือไม่ ซึ่งการทำงานตามนโยบายนั้นจะต้องเป็นเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศและมีความรับผิดชอบที่จะต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติว่าถ้าใครไม่เลือกพรรคใดจะไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างไร รวมทั้งการบริหารนโยบายของรัฐบาลจะต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทุกๆ ด้าน โดยงบประมาณในการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ที่การใช้งบประมาณต้องมีวินัยอย่างรัดกุม ปราศจากการคอร์รัปชัน

“ที่สำคัญนโยบายด้านเศรษฐกิจจะต้องยึดหลักในเรื่องของทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ที่ผลประโยชน์จะต้องไม่ตกอยู่กับกลุ่มคนที่ใกล้ชิดกับอำนาจรัฐ ส่วนในเรื่องของความมั่นคงทางพรรคจะผลักดันให้ทุกฝ่ายยึดหลักการปกครอง โดยที่ไม่ให้เกิดความแตกแยกที่จะต้องเป็นไปตามหลักธรรมคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำความสงบกลับมาสู่สังคม ซึ่งการทำงานของทุกพรรคการเมือง มีความสำคัญในการที่จะทำนโยบายสนองต่อพระราชดำรัสของในหลวง” นายวีระศักดิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคชาติไทยได้วางการทำงานในเชิงตรวจสอบรัฐบาลอย่างไรบ้าง นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า เราได้ตกลงกับพรรคร่วมฝ่ายค้านนั้นได้ยึดแนวทางว่าจะไม่ทำการคัดค้านนโยบายของรัฐบาลทุกเรื่อง ซึ่งถ้าเรื่องใดพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นด้วยและเป็นเรื่องที่ดีเราพร้อมที่จะสนับสนุนเช่นกัน แต่ที่เราอยากเรียกร้องคืออยากให้รัฐบาลใส่ใจในปัญหาด้านสังคมที่กำลังจะเกิดในปี 2549 เนื่องจากประชาชนจะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนตลอดเวลาที่คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น การแก้ปัญหานี้รัฐบาลจะต้องสร้างเครือข่ายทางสังคมโดยการสร้างศรัทธากับประชาชน และองค์กรท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม เพราะคนกลุ่มนี้เป็นคนที่อยู่ในพื้นที่ที่จะเข้าใจปัญหาดีที่สุด

“พรรคชาติไทยไม่กล้าที่จะให้คะแนนกับตัวเองว่าจะให้คะแนนเต็ม แต่การทำงานของเราเองได้อยู่บนหลักการที่ดี โดยที่เราไม่ได้ชวนทะเลาะกับใคร แต่สำหรับการทักท้วงนั้นทางพรรคได้ทำอย่างน่าพึงพอใจภายใต้เสียงของรัฐบาลที่มีอยู่เกือบเต็มรัฐสภา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พรรคและฝ่ายค้านได้มากขึ้นคือแนวร่วมภาคประชาชนที่มากขึ้นจากการที่ไม่เห็นด้วยกับการทำงานของรัฐบาล ซึ่งแนวร่วมนี้จะสำคัญมาก” รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น