จะเป็นเพราะ 2 ภาวะที่แปลกแยก เพียงเพราะผรุสวาททีว่า “มันด้อยพัฒนา” จนนำมาซึ่ง“ภาวะแห่งความล้มละลายรัฐ” เหตุใด 2 ขั้วความคิดของ “ทักษิณ”ผู้นำเบอร์หนึ่ง จึงต่างกันสิ้นเชิงเพียงแค่ความวัน อาจจะเป็นเพราะความปากไวโดยนิสัยส่วนตัวหรือการป้อนข้อมูลที่ผิดพลาดของพวกลิ่วล้อ
“ทักษิณ” คนนี้ จึงกลายเป็นบุรุษฝีปากกล้า และตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ กับฝ่ายตรงข้ามไปเสียทุกเรื่อง ราวกับว่าประเทศนี้เป็นของข้าเพียงผู้เดียวอย่างเมื่อครั้งไปปาฐกถาพิเศษเรื่อง “คุณธรรม นำไทยแข็งแรง” ในงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ โดยมีสาระว่าด้วย 3 เสา เสาประชาธิปไตย เศรษฐกิจและสังคม
แต่ 3 เสาหลักที่ “ทักษิณ” สร้างฝัน 4 ปีที่ผ่านมา สามัญชน...เริ่มตระหนักแล้วว่ารัฐฐาลนี้ยึดถือนโยบายทุนประชานิยม เป็นหลัก ปัญหาสังคมมิอาจเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอีกทั้งจะส่งเสริมภาระหนี้สินแบบยั่งยืนอันจะตกกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจแบบครบวงจร
ผลแห่งกรรมที่จะตามมา จึงตกอยู่กับประเทศชาติและประชาชน 4 ปีที่ผ่านมา หรืออีก 3 ปีเศษยุค “ทักษิโนมิกส์” ที่ชูโรงระบบทุนนิยม และยึดตัวเลขจีดีพี เป็นแนวทางในการบริหารประเทศ สวนแนวทางพระราชดำรัส “เศรษฐกิจแบบพอเพียง” จริยธรรมและคุณธรรมที่จะขึ้นแผ่นดินสยามผืนนี้ก็หดหายเหลือลงน้อยเต็มที
ภาวะแปลกแยกทางสังคมที่ล้มเหลวและสัมผัสได้ ในข้างต้น มันไม่ต่างจากผรุสวาท ที่ดังจากปากทักษิณ เพียงคำว่า"ด้อยพัฒนา" เมื่อครั้งให้สัมภาษณ์สื่อทำเนียบที่ผ่านมา เพียงเพราะกทม.(ซึ่งถูกปรามาสว่าไม่ใช่รัฐอิสระ หักดิบรัฐฯ สร้างต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสช่วงเจ้าพระยา -ฝั่งธนบุรี ทุ่มทุน 2.3 พันล้านบาท
นาทีนั้นความเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง สำหรับระบบประชาทุนนิยม จึงตามหลอกหลอน ผู้นำการเมืองที่ชูธงการตลาดนำหน้า จนชนะใจประชาชนอย่างท่วมท้น เมื่อครั้งการเลือกตั้งมาแล้วสองสมัย......
ความล้มเหลวทางสังคม จาก 4 ปีที่ผ่านมา จะนำซึ่งภาวะแห่งความล้มละลายรัฐจริงหรือ จะเพราะเหตุใด
มันไม่สำคัญไปว่า ความพยามยามสถานปนา“เป็นรัฐตำรวจ” คนรวยกดขี่คนจน ตำรวจ รังแกประชาชนหรือความพยามสร้างภาพแต่ไม่จริงใจ อย่างกรณีจัดตั้งคณะกรรมอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ หรือ(กอส.)
นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ กอส. เปรียบเสมือนเงื่อนเวลาที่ไร้ค่า เพราะบทสรุปในคลี่คลายสางปัญหากรณี ปล้นปืน 4 ม.ค.47 ตันหยงลิมอ 4ก.ย. 48 ล้มเหลว ...กระทั่งการบุกปล้นปืน ชรบ.กว่า 30 จุดใน 3 จ.ชายแดนใต้ เมื่อวันวานสะท้อนแล้วว่าการแก้ปัญหาเดินมาถึงทางตันแล้ว
นอกจากงานมวลชนจะแหลกเหลว เพราะคนนี้ไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่รัฐ นาทีนี้ “ทักษิณ” ต้องปลงตกแล้วว่า รัฐฯไม่สามารถรับประกันหรือคุ้มครองความปลอดภัยให้กับพลเมืองของตนได้
2 นัยยะที่กล่าวมาข้างต้นจึงสรุปได้ว่า รัฐบาลนี่กำลังเผชิญ “ภาวะแห่งการล้มละลาย” ทั้งด้านสังคมและการตลาด สุดท้ายแม้จะกุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จในระบบรัฐสภาะหรือสามารถครอบงำองค์กรอิสระสีเทาไว้ได้ แต่อย่าลืมกระแสสังคมที่มิอาจไว้วางใจการบริหารของรัฐบาลชุดนี้ต่อไป
“ทักษิณ” คนนี้ จึงกลายเป็นบุรุษฝีปากกล้า และตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ กับฝ่ายตรงข้ามไปเสียทุกเรื่อง ราวกับว่าประเทศนี้เป็นของข้าเพียงผู้เดียวอย่างเมื่อครั้งไปปาฐกถาพิเศษเรื่อง “คุณธรรม นำไทยแข็งแรง” ในงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ โดยมีสาระว่าด้วย 3 เสา เสาประชาธิปไตย เศรษฐกิจและสังคม
แต่ 3 เสาหลักที่ “ทักษิณ” สร้างฝัน 4 ปีที่ผ่านมา สามัญชน...เริ่มตระหนักแล้วว่ารัฐฐาลนี้ยึดถือนโยบายทุนประชานิยม เป็นหลัก ปัญหาสังคมมิอาจเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอีกทั้งจะส่งเสริมภาระหนี้สินแบบยั่งยืนอันจะตกกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจแบบครบวงจร
ผลแห่งกรรมที่จะตามมา จึงตกอยู่กับประเทศชาติและประชาชน 4 ปีที่ผ่านมา หรืออีก 3 ปีเศษยุค “ทักษิโนมิกส์” ที่ชูโรงระบบทุนนิยม และยึดตัวเลขจีดีพี เป็นแนวทางในการบริหารประเทศ สวนแนวทางพระราชดำรัส “เศรษฐกิจแบบพอเพียง” จริยธรรมและคุณธรรมที่จะขึ้นแผ่นดินสยามผืนนี้ก็หดหายเหลือลงน้อยเต็มที
ภาวะแปลกแยกทางสังคมที่ล้มเหลวและสัมผัสได้ ในข้างต้น มันไม่ต่างจากผรุสวาท ที่ดังจากปากทักษิณ เพียงคำว่า"ด้อยพัฒนา" เมื่อครั้งให้สัมภาษณ์สื่อทำเนียบที่ผ่านมา เพียงเพราะกทม.(ซึ่งถูกปรามาสว่าไม่ใช่รัฐอิสระ หักดิบรัฐฯ สร้างต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสช่วงเจ้าพระยา -ฝั่งธนบุรี ทุ่มทุน 2.3 พันล้านบาท
นาทีนั้นความเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง สำหรับระบบประชาทุนนิยม จึงตามหลอกหลอน ผู้นำการเมืองที่ชูธงการตลาดนำหน้า จนชนะใจประชาชนอย่างท่วมท้น เมื่อครั้งการเลือกตั้งมาแล้วสองสมัย......
ความล้มเหลวทางสังคม จาก 4 ปีที่ผ่านมา จะนำซึ่งภาวะแห่งความล้มละลายรัฐจริงหรือ จะเพราะเหตุใด
มันไม่สำคัญไปว่า ความพยามยามสถานปนา“เป็นรัฐตำรวจ” คนรวยกดขี่คนจน ตำรวจ รังแกประชาชนหรือความพยามสร้างภาพแต่ไม่จริงใจ อย่างกรณีจัดตั้งคณะกรรมอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ หรือ(กอส.)
นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ กอส. เปรียบเสมือนเงื่อนเวลาที่ไร้ค่า เพราะบทสรุปในคลี่คลายสางปัญหากรณี ปล้นปืน 4 ม.ค.47 ตันหยงลิมอ 4ก.ย. 48 ล้มเหลว ...กระทั่งการบุกปล้นปืน ชรบ.กว่า 30 จุดใน 3 จ.ชายแดนใต้ เมื่อวันวานสะท้อนแล้วว่าการแก้ปัญหาเดินมาถึงทางตันแล้ว
นอกจากงานมวลชนจะแหลกเหลว เพราะคนนี้ไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่รัฐ นาทีนี้ “ทักษิณ” ต้องปลงตกแล้วว่า รัฐฯไม่สามารถรับประกันหรือคุ้มครองความปลอดภัยให้กับพลเมืองของตนได้
2 นัยยะที่กล่าวมาข้างต้นจึงสรุปได้ว่า รัฐบาลนี่กำลังเผชิญ “ภาวะแห่งการล้มละลาย” ทั้งด้านสังคมและการตลาด สุดท้ายแม้จะกุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จในระบบรัฐสภาะหรือสามารถครอบงำองค์กรอิสระสีเทาไว้ได้ แต่อย่าลืมกระแสสังคมที่มิอาจไว้วางใจการบริหารของรัฐบาลชุดนี้ต่อไป