“อลงกรณ์” แฉ “คนสนิทแม้ว” รีดสินบนประมูลงานเฟอร์นิเจอร์ “หนองงูเห่า” 300 ล้าน จี้ “ทักษิณ” เร่งชี้แจงต่อสาธารณชน ระบุมีการร้องเรียนผ่าน “ตู้ร้องทุกข์” มานานแล้วแต่ยังทำเฉย ขู่ อย่า “ดับเบิลสแตนดาร์ด” ไม่งั้นจะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไปด้วย
วันนี้ (12 ก.ค.) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทุจริตหลังจากเกิดกรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ในโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิว่า ขณะนี้ได้มีข้าราชการนิรนามในทำเนียบรัฐบาลติดต่อมา โดยส่งสำเนาเอกสารชุดหนึ่งเกี่ยวกับหนังสือร้องเรียนส่งถึงตู้รับเรื่องราวร้องทุกข์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นของบริษัทเอกชนรายหนึ่งส่งถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ลงวันที่ 28 ม.ค.2548 เรื่องขอความเป็นธรรมกรณีคนใกล้ชิดของนายกฯ และ ส.ส.พรรครัฐบาลในขณะนั้นกับพรรคพวก เรียกร้องเงิน 300 ล้านบาท เป็นค่าวิ่งเต้นประมูลงานโครงการหนึ่งเกี่ยวกับงานเฟอร์นิเจอร์ของสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่า 1,000 กว่าล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 25 ปี
“ทั้งนี้ มีการทำสัญญาข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้ร้องเรียนกับทีมงานของคนสนิทดังกล่าว และ ส.ส.รัฐบาลคนหนึ่ง เป็นหลักฐานในการจ่ายค่าคอมมิชชัน 300 ล้านบาท ซึ่งได้จ่ายเงินค่ามัดจำไปแล้ว 25 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงวด ซึ่งงวดแรกจ่าย 5 ล้านบาท ในวันทำสัญญาวันที่ 1 ส.ค.2546 มีทีมงาน 4 คนของคนสนิท และ ส.ส.รัฐบาล ได้เดินทางไปรับเงินที่ธนาคารกรุงไทยสาขาบางขุนเทียน และวันที่ 5 ก.ย.2546 ทีมงานชุดเดิมเดินทางมารับเงินอีก 20 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 275 ล้านบาทจะจ่ายให้หลังจากลงนามสัญญาได้งานก่อสร้างแล้ว นอกจากนี้ ส.ส.รัฐบาลและพรรคพวกที่เป็นผู้ประสานงานเบื้องต้นยังได้ขอค่าเปิดประตูในการเข้าพบกับคนสนิทของนายกฯ อีก 23 ล้านบาทด้วย” นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ผู้ร้องเรียนระบุด้วยว่าได้พบและประชุมกับทีมงานดังกล่าวกับคนสนิทของนายกฯ หลายครั้ง เช่น ที่โรงแรมอโนมา โรงแรมรีเจนท์ โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เซ็นทรัลลาดพร้าว ตึกชินวัตรไหมไทย ชั้น 2 เลขที่ 94 ถ.สุขุมวิท 23 และห้องทำงานที่สภาสตรีแห่งชาติ ย่านสะพานขาว แต่หลังจากเวลาผ่านไปหลายเดือนการประมูลโครงการดังกล่าวยังไม่เรียบร้อย ผู้ร้องเรียนจึงได้สอบถามคนสนิทของนายกฯ และได้รับการยืนยันในการพบกันครั้งสุดท้ายที่ห้องทำงานชั้น 2 ที่สภาสตรีแห่งชาติว่าไม่ต้องกลัวเงินสูญ หรือหากมีปัญหาจะคืนเงินให้ทันที จนกระทั่งเมื่อบริษัทของผู้ร้องเรียนไม่ได้รับงานประมูลตามข้อตกลง และพบว่าบริษัทที่เส้นใหญ่กว่าได้รับการประมูลจึงได้พยายามติดต่อขอเงิน 25 ล้านบาทคืน แต่ทุกคนกลับหนีหน้าไม่ยอมพูดคุย และไม่ยอมให้พบ จนผู้ร้องเรียนจึงได้ทำหนังสือถึงนายกฯ เนื่องจากประสบปัญหาการเงินอย่างรุนแรง
“ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะผู้ถูกกล่าวหาเป็นถึงคนสนิทนายกฯ รวมทั้งยังมีอดีต ส.ส.เกี่ยวข้อง และจากการที่ผมได้สอบสวนในเบื้องต้น และได้พบผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้เห็นสัญญาหลักฐานการจ่ายค่าคอมมิชชันตัวจริงแล้ว และมีสำเนาดังกล่าวอยู่ในมือแล้ว จะนำมาแถลงภายใน 2-3 วันนี้ จึงคิดว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวจริง จึงขอให้นายกฯ ชี้แจงต่อสาธารณชนว่าหลังจากมีการร้องเรียนแล้วท่านได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง และหากมีการกระทำดังกล่าวจริง ท่านได้สั่งการให้มีการแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ เพราะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายอาญาในข้อหาแอบอ้างเรียกรับผลประโยชน์ จึงหวังว่านายกฯจะไม่ปฏิบัติ 2 มาตรฐาน เพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีตามนโยบายประกาศสงครามกับทุจริตคอร์รัปชันโดยไม่ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์พวกพ้อง และเครือญาติ มิเช่นนั้นจะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157” นายอลงกรณ์ กล่าว