xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯมั่นใจคุมกำเนิดซิมการ์ด ลดโทร.บึ้มใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ทักษิณ” มั่นใจจัดระเบียบซิมการ์ดลดปัญหาจุดชนวนระเบิด ชี้ไม่ถึงขั้นออกเป็นกฎหมาย เผยหนักใจโรงานไนเตรทคุมไม่อยู่ ด้าน“ชิดชัย”เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคง-การข่าวเผยคุมซิมการ์ดไม่ใช่การดักฟัง-สั่งขันนอตคุมสารตั้งต้นอย่างใกล้ชิด ขณะที่“บิ๊กป้อม”ระบุต้องทดลองใช้ก่อนจะรู้ได้ผลหรือไม่ ส่วน “จาตุรนต์”เรียกปลัดไอซีที-กสท หารือให้ชัดเจนก่อนเริ่มดำเนินการ ด้าน"ชูวิทย์"ค้านจดทะเบียนซิมการ์ดทั่วประเทศ ท้าให้เลิกขายซิมการ์ดแบบเติมเงินให้ใช้เฉพาะจดทะเบียน


วันนี้ (19 เม.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดระเบียบซิมการ์ดว่า ยังไม่ได้มีการหารือในที่ประชุม ครม. เพราะงานที่ได้มอบหมายไป บังเอิญ รมต.เจ้าของเรื่องยังป่วยอยู่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้เพียงแต่กำหนดกรอบไว้กว้างๆ เท่านั้น และเท่าที่ฟังดูก็ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างนี้ มาตรการน่าจะดำเนินการต่อไปได้ และคงมีวิธีการที่จะทำให้ผู้ที่ซื้อไปแล้วเข้ามาในระบบโดยมีแรงจูงใจ เรื่องที่มองว่าจะเป็นการจำกัดสิทธินั้น จริงแล้วไม่น่ามีปัญหา เพราะไม่ถึงขั้นต้องมีการออกเป็นกฏหมาย ถ้าเป็นเรื่องของกติกาก็ประกาศได้อยู่แล้ว ไม่ใช่ต้องออกเป็นกฎหมายตลอด จะทำอะไรต้องแก้กฎหมาย ไม่ทำอะไรก็อ้างว่ากฎหมายมีอยู่แก้ไม่ได้

เมื่อถามว่า หากมาตรการควบคุมการซื้อซิมการ์ดคุมไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์จะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์จนได้ ถ้าซื้อในประเทศไทยต้องเป็นไปตามกติกา แต่ถ้าซื้อนอกประเทศเป็นอีกเรื่องนี้เราต้องมีการใช้เครือข่ายร่วมกัน ซึ่งสามารถควบคุมได้หมดด้วยระบบคอมพิวเตอร์ มันง่ายกว่าสมัยโบราณเยอะ จึงไม่มีปัญหา เมื่อถามว่า มาตรการจัดระเบียบวันนี้ยังไม่เริ่มใช้ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เขากำลังทำรายละเอียดเพื่อออกกติกา ได้มีประชุมร่วมกับภาคเอกชนด้วย โดยมอบให้กสท.กับกระทรวงไอซีทีไปทำให้เร็วที่สุด คงไม่ช้า เพราะปล่อยมานานแล้ว รออีกนิด รอให้ระบบกติกามันดีแล้วทุกอย่างก็จะดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจได้หรือไม่ว่าหากระบบการควบคุมซิมการ์ดออกมาใช้จะไม่มีการใช้โทรศัพท์ไปจุดชนวนระเบิด นายกฯกล่าวว่า แน่นอน จะเบาขึ้นเยอะ แต่ก็ต้องมาดูที่จะมีการเล็ดรอดออกไป เมื่อถามต่อว่าทำไมไม่ควบคุมวัตถุที่ประกอบในการทำวัตถุระเบิด พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า อันนี้ยิ่งคุมหนักยากขึ้นไปอีก เพราะมันใช้ได้หลายอย่าง ในการประกอบวัตถุระเบิด อย่างไนเตรทก็มีการผลิตในโรงงานในประเทศ บางทีก็คุมไม่ได้ เพราะบางทีเจ้าของโรงงานก็จ้องล้มรัฐบาลอีกต่างหาก อ้างไประเบิดหินเรื่อยเปื่อย ซึ่งเราต้องสกัดทุกอย่าง ตามให้ทัน มีเรื่องต้องทำอีกเยอะ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงและการข่าว อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ปรุง บุญผดุง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และพล.ต.ท.จุมพล มั่นหมาย ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

จากนั้น พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า การจัดระเบียบโทรศัพท์มือถือระบบเติมเงินไม่ใช่ทำเพื่อการดักฟังโทรศัพท์ การจะดักฟังได้ต้องใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)กฎหมายกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมถึงกฎหมายยาเสพติดซึ่งการจัดระเบียบดังกล่าวคงต้องทำโดยเร็ว เพื่อให้ปัญหาสงบส่วนการทำงานของหน่วยข่าวกรองคงไม่ต้องปรับปรุงอะไรเพราะมีศักยภาพสูงอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะตรวจสอบโทรศัพท์ระบบเติมเงินที่ทำไปใช้ก่อเหตุ และเกิดการระเบิดไปแล้วอย่างไร พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่าต้องดูว่าใครเป็นผู้ซื้อไป และใช้ทำอะไร ถือเป็นเรื่องการสืบสวนสอบสวนเมื่อถามว่าจะควบคุมสารตั้งต้นที่นำมาใช้ในการทำระเบิดอย่างไร พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า แม้วันนี้จะไม่มีการพูดคุย แต่ต้องมีการคุมเข้มมิเช่นนั้นสื่อจะมาว่าตนเอง ตอนนี้ต้องอุดรูรั่วทั้งระบบ และจะขันนอตให้ดีที่สุดทุกจิ๊กซอว์ต้องทำหมด แต่ปกติระเบียบการใช้สารตั้งต้นนั้นจะต้องมีการเก็บไว้ในค่ายทหารที่อยู่ใกล้สถานประกอบการ และเมื่อจะใช้ก็ให้เบิกไปใช้เป็นล็อตๆ แต่ที่เป็นห่วงคือจุดที่มีการเบิกจ่ายที่อยู่ในการดูแลของทหาร ตำรวจ คงต้องมีการคุมเข้มมากขึ้นแต่ต้องไม่กระทบกระเทือนต่อการทำธุรกิจของผู้ประกอบการ

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการประชุมร่วมหน่วยงานความมั่นคงเพื่อจัดระเบียบการจำหน่ายซิมการ์ดที่ต่อไปจะต้องมีการจดทะเบียนว่า ในเรื่องนี้รัฐบาลได้คิดเป็นอย่างดี เพราะเนื่องจากมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งจึงต้องมีมาตรการควบคุม เพื่อไม่ให้เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องปกติ ในการหามาตราการมารองรับและควบคุมส่วนมาตรการเสริมเพื่อรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมนั้น เรื่องนี้คิดว่าควรจะให้ พล.ต.อ.ชิดชัยเป็นผู้ชี้แจงดีกว่าเพราะการประชุมเป็นเรื่องของการบริหารจัดการ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มาตรการควบคุมซิมการ์ดดังกล่าวจะได้ผลหรือไม่ จะต้องมีการทดลองไปก่อนส่วนจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน จะต้องใช้เวลา เพราะเหตุการณ์ไม่เกิดขึ้นเราก็ไม่ทราบ แต่เราพยายามป้องกันหามาตรการต่างๆเพราะไม่อยากให้เกิดขึ้น

สำหรับประเด็นที่ผู้ก่อการอาจลักลอบซื้อซิมการ์ดจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อมาก่อเหตุนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะไปห้ามไม่ให้ประชาชนซื้อซิมการ์ดจากต่างประเทศคงไม่ได้ เป็นเรื่องสิทธิของแต่ละบุคคล ซึ่งการก่อเหตุของผู้ก่อการร้ายขณะนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตามผู้ก่อเหตุไม่ทัน แต่เป็นเรื่องที่เราคิดว่าเขาไม่ทำ

ต่อมาเวลา 16.30 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกนายไกรสร พรสุธี ปลัดกระทรวงไอซีที นายวิทิต สัจจพงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม มาหารือเรื่องการออกมาตราการควบคุมโทรศัพท์มือถือระบบเติมเงิน

โดยนายจาตุรนต์ กล่าวว่า เป็นการเชิญมาหารือเพื่อขอความชัดเจนของกระทรวงไอซีทีก่อนที่จะประชุมร่วมกับฝ่ายความมั่นคง เพราะด้านความมั่นคงก็รู้อยู่ว่าเน้นเรื่องความปลอดภัย ความมั่นคง เพราะทั้งหมดต้องทำเพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน และประเทศเป็นหลัก ซึ่งไม่เชื่อว่าจะไปกระทบสิทธิเสรีภาพมากมายนัก ไม่น่าจะทำให้คนเดือดร้อน และไม่ใช่การเชิญมาคุยเพื่อแก้กฎหมาย แต่คุยกันถึงวิธีทางเทคนิคก่อนเนื่องจากอาจมีความจำเป็นทางเทคนิคที่ต้องแก้ไขกติกา และเมื่อชัดเจนแล้วจึงไปถามฝ่ายกฎหมายว่าจำเป็นต้องออกเป็นกฎหมายหรือไม่ และเมื่อได้ความชัดเจนแล้วจะเรียกคุยกับกระทรวงไอซีที และด้านความมั่นคงอีกครั้ง ซึ่งในวันที่ 20 เม.ย.จะหารือกับกระทรวงไอซีทีอีกครั้งในช่วงบ่าย เชื่อว่าจะหาทางออกได้แน่นอน โดยทุกอย่างทำบนพื้นฐานของความปลอดภัยทั้งประชาชน และประเทศ

ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการให้ประชาชนต้องลงทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์แบบเติมเงินทั่วประเทศว่า เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาเรื่องมาเฟียแผงลอย เพราะการที่รัฐจะกำหนดให้ปฏิบัติเช่นนี้จะเป็นการเพิ่มภาระ สร้างความวุ่นวายให้กับผู้ใช้ เพราะการที่ให้คนละทะเบียนเมื่อซื้อซิมการ์ดนี้ ใครจะใช้ให้บุคคลอื่นไปซื้อแทนก็ได้ หรือซื้อจากประเทศเพื่อนบ้านมาใช้แทน หรือที่ร้ายที่สุดอาจจะไปขโมยเพื่อมาใช้ก็ได้ ดังนั้น วิธีที่รัฐบาลใช้อยู่ในขณะนี้คือการบังหน้าที่แก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด และถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอีกด้วย แต่การที่อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงขึ้นมาประชาชนก็ต้องยอมรับ

“ดังนั้น หากจะแก้ไขปัญหานี้ให้เด็ดขาดก็อยากเสนอให้ยกเลิกการขายซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินให้หมดทั้งประเทศ และให้มีการปฏิบัติให้ชัดเจนโดยให้คนทุกคนซื้อโทรศัพท์แบบจดทะเบียนทั้งหมด เพราะถึงอย่างไรก็เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอยู่แล้ว” นายชูวิทย์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น