xs
xsm
sm
md
lg

ความจริงสุดอึ้ง! นักการเมือง-ทหารใหญ่บางนายขายชาติ ปล่อยเขมรยึดที่ดินชาวบ้านสระแก้วตลอดแนว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"วีระ สมความคิด" พาชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เปิดโปงนักการเมืองและทหารใหญ่บางนายร่วมกันโกงชาติขายแผ่นดิน ยอมให้เขมรรุกล้ำเขตแดนแย่งครอบครองแผ่นดินไทย จนชาวบ้านต้องเสียที่ดินทำกินตลอดแนวชายแดนสระแก้ว ทุกวันนี้ได้มองไร่นาของตัวเองผ่านลวดหนาม



รายการ “ชัดเจนเปลี่ยน by สภากาแฟ” ทางช่อง News1 ดำเนินรายการโดย ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน พร้อมด้วย “ลุงขอด” “ลุงสิทธิ์” ตัวแทนชาวบ้านจากบ้านหนองจาน ต.โดนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และ “นายกเล็ก” นายธิติพัทธ์ เสมาทอง อดีตนายกเทศมนตรีตำบลบ้านใหม่หนองไทร มาร่วมรายการ เปิดโปงปัญหาเขมรรุกล้ำเขตแดนไทย ยึดครองที่ดินทำกิน บริเวณหลักเขตที่ 46, 47 และ 48 โดยที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยปล่อยปละละเลยให้ปัญหาคาราคาซังมากว่า 20 ปี


ล่าสุดมีชาวบ้านหนองจานถูกเขมรยึดที่ดินไปแล้ว 57 ราย กินเขตแดนประเทศไทยเข้ามาถึงถนนศรีเพ็ญ รวมทั้งมีความพยายามทำลายหลักเขตแดนจนขณะนี้ไม่สามารถอ่านข้อความบนหลักเขตได้แล้ว ที่ดินของชาวบ้านทั้ง 57 รายมีเอกสาร ส.ค.1 และ น.ส.2 โดยชาวบ้านได้ทำกินในพื้นที่แห่งนี้มาตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 หรือราวปี 2460 แล้ว แต่เริ่มโดนเขมรบุกรุกมาตั้งแต่ราวปี 2522 เป็นต้นมา และโดนบุกรุกเข้ามาเรื่อยๆ ตามที่นายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้พูดปลุกระดมอยู่เสมอว่าชาวเขมรจะต้องมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งก็หมายถึงประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง MOU 2543 ซึ่งใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่มีความคลุมเครือไม่ชัดเจน และเขมรเอาไปอ้างครอบครองดินแดนตามใจตัวเองได้


นายวีระ สมความคิด กล่าวว่า ปัญหาเขมรบุกมายึดครองพื้นที่ดังกล่าวเริ่มลุกลามมากขึ้นหลังจากมีการประกาศใช้ MOU 2543 ต่อมาได้มีชาวบ้านมาร้องเรียนที่ตน ในปี 2553 ซึ่งตอนนั้นตนเป็นเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2553 “นายกเล็ก” ได้พาตนลงพื้นที่ไปดูปัญหาเนื่องจากก่อนหน้านั้นเจ้าหน้าที่ที่ดินของไทยมารังวัดที่ดินเพื่อออกโฉนดให้ชาวบ้าน แต่ไม่สามารถเข้าไปในที่ดินของชาวบ้านได้เพราะมีทหารเขมรถือปืนมาขู่จนไม่สามารถทำการรังวัดได้ เมื่อ “นายกเล็ก” พาตนลงไปดูพื้นที่ก็ถูกทหารเขมรจับตัวไว้ รวมคนไทยที่ไปด้วยกันถูกจับ 6 คน ก่อนปล่อยตัวกลับมา หลังจากทหารไทยเข้าไปเจรจาและทำบันทึกไว้

นายวีระกล่าวต่อว่า ปัญหานี้ตนเคยยื่นร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรีขณะนั้น คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา จนกระทั่งวันที่ 29 ธันวาคม 2553 ตนได้พานายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ (คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมพิจารณาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC ในขณะนั้น) ลงพื้นที่บ้านหนองจาน เพื่อจะไปดูหลักเขตที่ 46 แต่ก็ถูกจับกุมพร้อมคนไทยคนอื่นๆ ที่ไปด้วยกันรวม 7 คน ทั้งที่อยู่บนที่นาของชาวบ้านคนไทย และมีข้อตกลงในคณะกรรมการชายแดนว่าถ้ามีการเข้ามาในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ห้ามมีการจับกุมถ้าไม่มีของผิดกฎหมาย ให้ทำแค่บันทึกไว้แล้วส่งตัวกลับ เหมือนกรณีเมื่อเดือนกรกฎาคม แต่ครั้งนี้กลับไม่เหมือนเดิม คนไทยทั้ง 7 คนถูกจับส่งตัวไปที่กรุงพนมเปญ

นายวีระกล่าวว่า การจับกุมครั้งนั้นเหมือนมีเจตนาที่จะเล่นงานตน เพราะมีการตั้งข้อหาเป็นสายลับด้วย พร้อมกับ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ แทนที่จะมีเฉพาะข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและเข้าเขตทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ เพราะตนและ น.ส.ราตรี ต่างก็ไม่ยอมรับว่าได้รุกล้ำอาณาเขตเขมร จึงโดนยัดข้อหาเพิ่ม


นอกจากนี้ นายวีระกล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในตอนนั้นเป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ทันทีหลังเกิดเหตุว่า 7 คนไทยถูกจับเพราะพลาดเดินล้ำเข้าไปในเขตเขมร 55 เมตร ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปวัดตรงไหนว่า 55 เมตร ทำให้กัมพูชาเอาไปอ้าง และไม่กี่วันต่อมานายอภิสิทธิ์ก็พูดอีกว่าคนไทยล้ำเขตแดนของกัมพูชา กลายเป็นหลักฐานที่กัมพูชาเอาไปตัดสินในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 ให้ตนมีความผิด ต้องติดคุกเขมรอยู่ 3 ปี 6 เดือน 3 วัน

“ผมถึงบอกว่านี่แหละ ทั้งนายกฯ และรองนายกฯ นี่ถีบผมเข้าคุก แทนที่จะช่วยผม ทั้งที่ผมนี่ช่วยราชการต้านภัยคอร์รัปชันมาตลอด ทำมาตั้งแต่ปี 2535 มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ผมไม่เคยเป็นสายลับ แต่ประเทศไทยปล่อยให้ผมถูกยัดข้อหาว่าเป็นสายลับกับคุณราตรี” นายวีระกล่าว

นายวีระกล่าวต่อว่า หลังจากตนออกมาจากคุกกัมพูชาในปี 2557 แล้ว ชาวบ้านหนองจานก็ได้มาร้องเรียนอีก ตนได้พาไปยื่นเรื่องถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อให้แก้ไขปัญหา รวม 4 ครั้ง แต่ไม่มีความคืบหน้า โดยครั้งที่ 4 นั้นได้มีคำสั่งลงมาว่าหากไม่สามารถไล่เขมรออกไปจากพื้นที่ได้ ให้จัดหาที่ดินทำกินให้ชาวบ้านเป็นการชดเชย โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรับไปดำเนินการ แต่จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วคนไหนดำเนินการเรื่องนี้เลย

นายวีระย้ำว่า สาเหตุที่ปัญหาดังกล่าวยังคาราคาซังอยู่จนทุกวันนี้ เพราะเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยปล่อยปละละเลยเนื่องจากมีผลประโยชน์ พูดตรงๆ คือรับส่วยจากธุรกิจผิดกฎหมายที่ทำมาหากินอยู่ในบริเวณนั้น โดยผู้ที่รับส่วยคือระดับผู้บังคับบัญชาไม่ใช่ทหารหรือตำรวจชั้นผู้น้อยที่ถือปืนเฝ้าชายแดน เพราะฉะนั้นปัญหาจึงไม่ได้รับการแก้ไข แม้แต่ในยุครัฐบาล คสช.มีอำนาจเต็มที่ตามมาตรา 44 ก็ไม่ใช้อำนาจนั้นมาจัดการ


ด้าน “นายกเล็ก” กล่าวว่า ทุกวันนี้ชาวบ้านทั้ง 57 คนได้แต่ยืนมองที่ดินของตนเองผ่านถนนศรีเพ็ญออกไป ไม่สามารถทำอะไรได้ ไปบอกทหารที่อยู่ตรงนั้นว่าให้ผลักดันเขมรออกไปให้หน่อยไม่ได้หรือ เขาก็บอกว่าพวกผมเป็นผู้น้อยทำอะไรไม่ได้ ชาวบ้านในบริเวณนั้นเดือดร้อนมาก ที่ดินทำกินถูกยึด วันดีคืนดีก็มีคนเขมรเข้ามาลักลอบตัดไม้ในที่นา บางคนก็ถูกหลอกลักพาตัวไปทำงานผิดกฎหมาย ขณะที่เขมรยังรุกเข้ามาเรื่อยๆ บางจุดรุกเข้ามาห่างจากเขตแดนเดิมถึง 1 กิโลเมตร โดยคนเขมรอ้างว่าฝรั่งซื้อไว้ให้แล้ว


นาวีระกล่าวเสริมว่า ปัญหานี้ไม่ได้มีแค่บ้านหนองจาน แต่ยังมีชาวบ้านป่าไร่ อ.โคกสูง ที่มีปัญหาเหมือนกัน และจะพามาออกรายการอีก

“ผมถึงบอกว่า เขมรตั้งแต่มี MOU 2543 มันเข้ามายึดแผ่นดินไปหมดแล้วตลอดแนวชายแดน ทหารไปอยู่ไหน การที่ปล่อยให้เขมรบุกเข้ามายึดเขตแดนแบบนี้ถือว่าทหารไทยและ ตชด.ที่รักษาเขตแดนอยู่ในพื้นที่ทำผิดกฎหมาย ทั้งละเว้น และทำให้อธิปไตยของไทยตกไปอยู่ในมือของต่างชาติ มีความผิดโทษถึงประหารชีวิต” นายวีระกล่าว


ด้านนายกเล็กกล่าวอีกว่า ในส่วนนี้ตนอยากจะขอร้องแม่ทัพภาคที่ 1 ให้ทำหน้าที่เหมือนแม่ทัพภาคที่ 2 ให้ชาวบ้านได้อยู่เย็นเป็นสุขและมีที่ดินทำกินโดยไม่ต้องเดือดร้อน ให้มาดูหลักเขต ตนจะพาไปดู ไปให้เห็นกับตาว่าเราเสียแผ่นดินไปเท่าไหร่แล้ว และจะพาเจ้าของที่ดินไปด้วย

“ผมขอร้องท่านแม่ทัพภาคที่ 1 ช่วยไปดูแลตรงนั้น และไปกับผมด้วย ที่เขมรมันรุกล้ำเข้ามา ผมขอร้องอย่างสูงด้วย ขอบคุณครับ” ตัวแทนชาวบ้านหนองจานกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น