xs
xsm
sm
md
lg

“ผู้ต้องขังทุกคนมีโอกาสเสมอ”ที่สุดแห่งกำลังใจจากกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อปี พ.ศ. 2554 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ได้ทรงมีพระดำริให้ดำเนินการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในเรือนจำ เพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้ต้องขัง ให้ใช้ชีวิตแบบพอเพียงได้เมื่อพ้นโทษเพราะทรงเชื่อว่าความพอเพียง ในชีวิตจะสามารถหยุดยั้งไม่ให้คนกระทำผิดได้ หากปรับเปลี่ยนวิธีคิดของผู้ต้องขังให้เป็นวิถีชีวิตแห่งความพอเพียงก่อนได้รับอิสรภาพจะทำให้ผู้ต้องขังรู้คุณค่าในตนเอง สามารถพึ่งพาตนเองได้ ไม่ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย และมีความพร้อมที่จะสามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้ ผู้ต้องขังจะไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำอีก

ด้วยแรงพระทัยอันมุ่งมั่นข้างต้นนี้ จึงทรงมีพระดำริให้มีการนำ “โครงการฝึกอบรมผู้ต้องขังภายใต้โครงการกำลังใจในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอพัชรกิติยาภา หลักสูตรการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของผู้ต้องขัง(หลักสูตร5เดือน)” นำไปทดลองปรับใช้เป็นการนำร่องในเรือนจำ 5 แห่ง ซึ่งประกอบด้วย เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ จังหวัดตราด, เรือนจำชั่วคราวแคน้อย จังหวัดเพชรบูรณ์, เรือนจำชั่วคราวดอยราง จังหวัดเชียงราย, เรือนจำชั่วคราวเขาพลอง จังหวัดชัยนาท และเรือนจำชั่วคราวโคกตาบัน จังหวัดสุรินทร์

โดยเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จไปทรงเปิดศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง การบริหารจัดการน้ำในภาวะวิกฤติ ณ เรือนจำชั่วคราวเขาพลอง จ.ชัยนาท พร้อมทอดพระเนตรการดำเนินการของศูนย์ฯ ชมการดำเนินการของศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงพร้อมทรงมีพระปฎิสันธารกับผู้ต้องขังที่เคยผ่านการอบรม “โครงการฝึกอบรมผู้ต้องขังภายใต้โครงการกำลังใจในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอพัชรกิติยาภา หลักสูตรการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของผู้ต้องขัง(หลักสูตร5เดือน)” ด้วยความสนพระทัย

ขวัญไชย สันติภราภพ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดชัยนาท เล่าถึงวิธีการบริหารจัดการน้ำในภาวะวิกฤติ ของเรือนจำชั่วคราวเขาพลอง ที่แม้ปีนี้จะเผชิญกับฤดูแล้งฝนทิ้งช่วงอย่างหนัก แต่พืชผัก ผลผลิตต่างๆภายในศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง กลับมีผลิดอกออกผลสร้างความเขียวขจีพร้อมเก็บเกี่ยวผลผลิตออกไปจำหน่ายภายนอกเรือนจำ ที่มิเพียงสร้างรายได้ให้แก่ผู้ต้องขังในช่วงที่ถูกจองจำได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ว่า ที่เรือนจำเขาพลอง ไม่มีน้ำธรรมชาติเก็บกักอยู่บนผิวดิน ที่สำคัญสภาพดินเป็นทรายแป้งไม่อุ้มน้ำ ดังนั้นการปลูกพืชต่างๆจึงต้องจัดเตรียมทั้งชนิดของพืช ดิน และน้ำ โดยเมื่อ10ปีที่แล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา จึงได้พระราชทานน้ำใต้ดินหรือน้ำบาดาลให้แก่ทางเรือนจำ นำมาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาเรื่องดินและน้ำ

“เรามีน้ำใต้ดิน แต่เราต้องรอให้ฝนตกถึงจะมีน้ำใช้ ดังนั้นทางเรือนจำจึงแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำใช้ในการเกษตรด้วยการสร้างบ่อน้ำขนาดเล็กไว้ที่แปลงผักสำหรับรองรับน้ำจากแท็งค์ใหญ่ไปเก็บไว้ในแต่ละบ่อ โดยแบ่งระยะเวลาการเปิดบ่อน้ำว่าควรเปิดปิดเวลาใด เพื่อให้น้ำใต้ดินค่อยๆซึมขึ้นมา และเราใช้วิธีการตักน้ำรดผักแทนการใช้สายฉีด ส่วนเรื่องดินเนื่องจากเป็นดินทรายแป้งไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ เราจึงนำแกลบดำมาคลุมหน้าดินไว้เพื่อช่วยรักษาความชื้นของหน้าดินไว้ และเราเลือกพืชที่ใช้น้ำน้อย อย่าง ยอดอ่อนทานตะวัน มาปลูกเป็นต้น”

ด้วยพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและพระราชหฤทัยอันมุ่งมั่นของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรฯ ที่ได้พระราชทานคำแนะนำในการบริการจัดการภายในศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนความใส่ใจของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทำให้ทุกวันนี้เรือนจำเขาพลองสามารถใช้พื้นที่ทำการเกษตร ปลูกพืช และเลี้ยงสัตว์ได้ จนเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง กลายมาเป็นศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงการบริหารฯ และมีผู้ผ่านการอบรมมาแล้วถึง 12 รุ่น โดยรุ่นที่12 กำลังอยู่ในขั้นตอนการอบรมจำนวน 146 คน

แต-สุรวัจน์ ยุพรภักดีโรจน์ อายุ 36 ปี สมาชิกรุ่น1ของ “โครงการฝึกอบรมผู้ต้องขังภายใต้โครงการกำลังใจในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอพัชรกิติยาภา หลักสูตรการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของผู้ต้องขัง” จากอดีตนักโทษคนอยู่หลังกำแพงเพราะชีวิตเคยทำผิดผลาดจนต้องได้รับโทษอยู่ในเรือนจำ แต่เมื่อเขาได้เรียนรู้วิธีการบริหารจัดการตามหลักสูตรปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้เขามีทักษะในเรื่องของการปศุสัตว์ติดตัวออกไป และเมื่อพ้นโทษเขาจึงนำความรู้เหล่านี้ไปต่อยอดโดยเริ่มจากนำเงินส่วนหนึ่งจากการทำงานไปซื้อแพะเพียง4 ตัว สะสมทีละเล็กทีละน้อย จนทุกวันนี้เขามีฟาร์มแพะเป็นของตัวเองที่ จ.นครนายก และมีรายได้จากการขายแพะเดือนละหลายหมื่นบาท สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้อย่างยั่งยืน

“ตอนที่ผมพ้นโทษมาใหม่ๆไปทำงานที่ไหนพอเขาสืบค้นประวัติว่าเราเคยต้องโทษติดคุกเขาก็จะให้ออกจากงานทุกที่ กระทั่งมาทำงานเป็นพ่อบ้านอยู่ที่องค์การบริหารส่วนตำบล จ.นครนายก ตอนนั้นผมคิดแล้วว่าสักวันหนึ่งเมื่อที่นี้เขาสืบประวัติเราย้อนหลังเจอก็คงให้ออกเหมือนทุกที่ ดังนั้มผมจึงนึกถึงเมื่อครั้งที่เราอยู่เรือนจำและมีโอกาสได้เรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การทำปศุสัตว์ เลยนำเงินส่วนหนึ่งของเงินเดือนไปซื้อแพะมาเลี้ยงเริ่มจากซื้อแพะเพศเมีย3 ตัว เพศผู้ 1ตัว และหาซื้อเพิ่มมาเรื่อยๆผ่านมา2 ปีทำให้เรามีแพะมากถึง 180 ตัว เราจึงตัดสินใจลาออกจากงานแล้วมาทำฟาร์มแพะจนถึงทุกวันนี้ ผมสามารถขายลูกแพะและเนื้อแพะมีรายได้เดือนละประมาณ 40,000-50,000 บาท”

ขณะที่ ใหญ่-อัศวิน กาบแก้ว อายุ 41 ปี สมาชิกรุ่นที่ 2 ของโครงการฯ จากอดีตนักโทษใช้ชีวิตถูกจองจำอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่เรือนจำชั่วคราวเขาพลอง เมื่อเขาได้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของผู้ต้องขัง ทำให้ทุกวันนี้เขาไม่เพียงแต่จะเป็นเจ้าของฟาร์มเห็ดที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัวเป็นกอบเป็นกำเท่านั้น หากแต่ยังได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามสถานศึกษาชื่อดังและหน่วยงานต่างๆอีกด้วย

“ปัจจุบันนี้ผมทำฟาร์มเห็ดอยู่แถวเขตหนองแขม ระหว่างที่ได้รับโทษอยู่ในเรือนจำผมได้เรียนรู้แนวทางการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะเรื่องการเพาะเห็ด เมื่อพ้นโทษออกไปแล้วเราจึงนำความรู้ที่ได้รับจากเรือนจำไปเพาะเห็ดขาย โดยเริ่มจากคนในครอบครัวญาติพี่น้อง จนทำฟาร์มเห็ดขึ้นมาเราเพาะเห็ดได้วันละประมาณ 7,000-8,000 ก้อน ขายปลีกก้อนละ10 บาท ขายส่งก้อนละ 7 บาท ต่อเดือนเรามีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 200,000 บาท นอกจากเพาะเชื้อเห็ดขายแล้ว ตอนนี้ผมยังไปเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องการทำฟาร์มเห็ดให้นักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และวิทยากรให้กับเรือนจำต่างๆอีกด้วย”

ภายหลังจากที่ทรงรับฟังคนต้นแบบของผู้ต้องขังถ่ายทอดประสบการณ์จากการเข้ารับการอบรมในหลักสูตรการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของผู้ต้องขัง แล้วสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร ทรงมีพระปฎิสันธารกับผู้ต้องขังทุกคน ดังความตอนหนึ่งว่า “ทุกคนมีโอกาส อยากขอให้ทุกคนตรึกตรองดูว่าได้เรียนรู้อะไร ลองวาดฝันดูว่าอยากทำอะไรทุกคนต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งและเป็นกำลังใจที่ดีต่อกัน ก็จะฝ่าฝันทุกอย่างไปได้ในชีวิต เพราะความรู้ไม่สิ้นสุด คนเราถ้าวางแผนดีไม่ว่าจะอาชีพไหนก็สามารถผ่านไปได้”
















กำลังโหลดความคิดเห็น